รีวิวหนังดัง BAD BOYS RIDE OR DIE คู่หูขวางนรก ลุยต่อให้โลกจำ
ในที่สุดก็มาถึงภาคที่ 4 ที่เกือบจะไม่ได้ถ่ายทำเพราะกระแสด้านลบของนักแสดง แต่ในที่สุดหนังก็พิสูจน์ตัวเองได้ว่าประสบความสำเร็จ ด้วยการกำกับของ Adil El Arbi และ Biall Fallah ที่เคยฝากผลงานในภาคสามอย่าง BAD BOYS FOR LIFE มาแล้ว
Will Smith และ Martin Lawrence กลับมาเป็นคู่หูกันอีกครั้งในภารกิจที่พวกเขากลับถูกใส่ร้าย จากผู้ล่ากลายเป็นผู้ถูกล่า ทั้งจากตำรวจและแก๊งมาเฟียที่อยากได้เงินค่าหัว การสืบหาความจริงและคอยหลบซ่อนตัวจึงทำได้ลำบากมาก
เรื่องย่อ
Mike Lowrey และ Marcus Burnett สองคู่หูกวนบาทา ได้รู้ว่าผู้กอง Howard ผู้ล่วงลับได้เคยรับเงินจากการขนส่งยาเสพติดเข้าประเทศมาหลายสิบปีแล้ว ทั้งคู่ไม่อาจเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้น มันคือการใส่ร้ายคนตายอย่างเห็นได้ชัด แต่หลักฐานมันเป็นที่ประจักษ์ ทั้งคู่จึงต้องออกตามหาเบาะแสที่พอจะให้คำตอบได้ แต่ก็ไม่ง่ายเลย เพราะคนที่ให้คำตอบได้ก็ถูกเก็บไปทีละคน
สุดท้ายจึงต้องพึ่ง Armando ลูกชายของ Mike ที่ติดคุกในข้อหาเจ้าพ่อค้ายา เขาสามารถบอกได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังการใส่ร้ายครั้งนี้ มันคือตำรวจที่อยู่ในหน่วยงานแทรกซึมและทำงานแบบนี้มานานแล้ว
ระหว่างการส่งตัวนักโทษเพื่อทำการคุ้มครองพยาน ก็เกิดการพยายามลอบสังหารพยานขึ้น Mike และ Marcus ช่วยเหลือ Armando ได้ แต่ก็กลายเป็นนักโทษหลบหนีในเวลาเดียวกัน พวกเขาเข้ามอบตัวไม่ได้ เพราะคนร้ายก็คือผู้ใหญ่ในวงการตำรวจ
นั่นทำให้ Mike, Marcus, Armando ถูกออกหมายจับจากทางตำรวจ ขณะเดียวกันพวกแก๊งมาเฟียก็ออกตามล่าเพื่อหวังเงินค่าหัวด้วยเช่นกัน
งานนี้โชคยังดีที่คู่หูขวางนรกยังมีเพื่อนเก่าอย่าง Rita, Kelly และ Dorn ร่วมสมทบช่วยเหลือด้วย
นักแสดงนำ
- Will Smith รับบทเป็น Mike Lowrey
- Martin Lawrence รับบทเป็น Marcus Burnett
- Paola Núñez รับบทเป็น Rita
- Vanessa Hudgens รับบทเป็น Kelly
- Alexander Ludwig รับบทเป็น Dorn
- Eric Dane รับบทเป็น McGrath
- Ioan Gruffudd รับบทเป็น Lockwood
- Jacob Scipio รับบทเป็น Armando
- Joe Pantoliano รับบทเป็น Captain Howard
- Dennis Greene รับบทเป็น Reggie
- DJ Khaled รับบทเป็น Manny
ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์
1.แต่ละคน แต่ละฝ่าย เรียกได้ว่าเถื่อนได้ใจ ในสถานการณ์ที่บีบคั้นนำพาไปสู่ฉาก Action ที่ระห่ำ แม้คิวบู๊จะเป็นอย่างถนอมสังหาร เพราะพระเอกเราสองคนอายุมากแล้ว แต่ความมัน ความสนุกไม่ได้น้อยลงเลย ถือว่าทีมงานทำการบ้านมาอย่างดีสมศักดิ์ศรีแห่งการรอคอย
2.การตามรอยเบาะแสไม่ได้ง่ายๆ เพราะเบาะแสถูกเก็บทีละคน ระหว่างทางก็ถูกตั้งค่าหัวจากเหล่าแก๊งมาเฟีย รวมทั้งโดนตำรวจล่าตามหมายจับ ความลุ้นระทึกเหล่านี้ทำให้หนังมีเสน่ห์มากขึ้น ถึงขนาดอยากให้ Fast & furious นำ BAD BOYS ขึ้นมาเป็นแม่แบบในการทำหนังภาคต่อไป
3.หนังสะท้อนประเด็นด้านความชราของตัวละคร แสดงให้เห็นถึงสังขารที่ไม่เที่ยง มีอาการใจสั่นจากความตึงเครียดกดดันสูงเป็นระยะ สอดคล้องช่วงวัยจริงๆของนักแสดง เพื่อไม่ให้ฉาก Action โลดโผนจนเกินไป แต่ยังรักษาความมันเอาไว้ได้ อีกทั้งยังได้เห็นการเติบโตของตัวละครแต่ละคนอีกด้วย
4.ผู้กำกับใช้เทคนิคการหมุนกล้องในฉาก Long take ซึ่งเป็นฉากดวลปืนสุดระห่ำที่ไม่อยากตัดภาพไปมาให้มันน่าเบื่อเหมือนหนังยุค 90 โดยพยายามรักษาตัวละครทุกคนให้อยู่ในภาพตลอดฉากนั้น ซึ่งถือเป็นความแปลกแบบใหม่ที่ทั้งชอบและเกลียดอยู่ในที เพราะมันก็ทำให้รู้สึกเวียนหัวนิดๆได้เหมือนกัน
5.ตัวละครมีการเติบโตที่ว่ารวมทั้งเรจจี้ ลูกเขยของ Marcus ด้วย บอกเลยว่าภาคนี้ไม่ได้มาเอาฮา แต่เป็นตัวละครที่พลิกสถานการณ์ได้ประมาณหนึ่งเลยทีเดียว
6.หนังมี End Credit 1 ตัวที่ชวนฮา อย่าพลาดเด็ดขาด แม้ว่ามันจะไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักของหนังเลยก็ตาม โดยรวมถือเป็น 115 นาทีที่คุ้มค่าแก่การรับชม