หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

จักรพรรดินีเสี้ยวเค่อหมิน จักรพรรดินีองค์สุดท้ายของราชวงศ์ชิง

โพสท์โดย ประเสริฐ ยอดสง่า

จักรพรรดินีวั่นหรง (Wanrong) หรือ จักรพรรดินีเสี้ยวเค่อหมิน ทรงเป็นจักรพรรดินีองค์สุดท้ายของราชวงศ์ชิง พระนางเป็นพระมเหสีในจักรพรรดิผู่อี้ โกวปู้โลว วั่นหรง (มีความหมายว่า ผู้มีใบหน้าอันเลอโฉม) ประสูติในปี 1906 เป็นธิดาพระองค์ใหญ่ของหร่ง หยวน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายใน สมัยราชวงศ์ชิง และเป็นบุคคลผู้ที่มีบทบาทอย่างมาก ในสมัยแมนจูกัวอีกด้วย พระองค์จึงมาจากตระกูลที่ร่ำรวยและโดดเด่นที่สุด

ครั้งหนึ่งในสมัยราชวงศ์ต้าชิง พระองค์เสด็จพระราชสมภพ ในบ้านของพระราชบิดา ณ บ้านเลขที่ 37 ถนนเม่าเอ๋อ หูท่ง ซอยทิศใต้หลัวกู่ เขตตงเฉง เมืองปักกิ่ง (No. 37, Maoer hutong, South Luogu Lane, Dongcheng District, Beijing) เนื่องจากพระราชบิดา เป็นผู้มีความคิดสมัยใหม่ ที่จะให้เหล่าธิดาได้มีการศึกษา พระองค์จึงได้รับการศึกษาจากโรงเรียนมิชชั่นนารีของอเมริกัน ในเมืองเทียนสิน และในระหว่างช่วงเวลา ในพระราชวังต้องห้าม โดยอิซาเบล อินแกรม (Isabel Ingram) ผู้สอนส่วนพระองค์ชาวอเมริกัน ถวายพระนามเป็นภาษาอังกฤษแด่พระองค์ว่า อลิซาเบธ

ในช่วงนั้นค.ศ. 1911 ราชวงศ์ชิงได้ถูกโค่นล้ม และแทนที่ด้วยสาธารณรัฐจีน นับเป็นจุดสิ้นสุดระบอบกษัตริย์ ที่ยืนยาวกว่าสหัสวรรษ รัฐบาลสาธารณรัฐ ได้ให้สิทธิพิเศษแก่เชื้อพระวงศ์ ให้ประทับอยู่แต่ในพระราชวังต้องห้ามได้ และได้รับอนุญาตจากรัฐบาล ให้จัดพิธีเสกสมรสได้ เหล่าข้าราชสำนักที่ยังเหลืออยู่ และพระสนมในรัชกาลก่อน ได้คัดเลือกภาพสตรี มาให้จักรพรรดิทรงเลือก ผู่อี้ ทรงเลือกเหวินซิ่ว (Wenxiu) แต่เหล่าข้าราชสำนัก และพระสนมในรัชกาลก่อนมองว่า เหวินซิ่วนั้นไม่เหมาะเพราะ ยังมีอายุน้อย และไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง จึงแนะนำให้ทรงเลือกวั่นหรง เพราะเกิดในตระกูลชั้นสูง ที่อาจเท่าเทียมผู่อี้ได้ และมีอายุมากกว่าเหวินซิ่ว ดังนั้น วั่นหรงจึงกลายเป็นจักรพรรดินี ส่วนเหวินซิ่วเป็นพระสนมเอก

การอภิเษกสมรสถูกจัดขึ้น ในเวลา 3.00 นาฬิกา ของวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2465 การอภิเษกสมรสไม่ได้ราบรื่นนัก เมื่อจักรพรรดิผู่อี้ ทรงสนพระทัยพระชายาในคืนสมรส อย่างน้อยนิด มีบันทึกว่าจักรพรรดิผู่อี๋ ได้กลับไปบรรทม โดยไม่ได้ทรงมีอะไรกันกับพระชายาเลย ในพิธีอภิเษกสมรส มีของขวัญราคาแพงจำนวนมาก ที่มอบให้แก่จักรพรรดินีวั่นหรง และครอบครัวของจักรพรรดินี แม้จักรพรรดิ จะไม่เคยแสดงความสนพระทัยจักรพรรดินี และพระสนมเหวินซิ่วเลยก็ตาม

ชีวิตการสมรสของทั้งสองพระองค์นั้น ไม่มีความสุข พระอุปนิสัยของทั้งสองเข้ากันไม่ได้ มีเรื่องเล่าว่า กฎระเบียบในวังหลวง แม้จะเป็นระบอบสาธารณรัฐแล้วก็ตาม ยังคงยึดหลักประเพณีจารีต ฮองเฮา ต้องดำรงอยู่ในกรอบจริยธรรม วั่นหรง ทรงเข้าศึกษากับพระอาจารย์ฝรั่ง ทรงมีความตั้งใจในการเล่าเรียน แต่ระหว่างที่ทรงเรียน มักจะถูกจักรพรรดิผู่อี้ขัดจังหวะ ด้วยการเดินเข้าไปดูว่า จักรพรรดินีวั่นหรง กำลังทำอะไรอยู่ ทรงเล่นมุขตลกรบกวน และเทียวหาวั่นหรงอยู่บ่อย ๆ (จักรพรรดิผู่อี้ ทรงมีพระอุปนิสัยชอบของแปลกใหม่ และชอบเล่นแกล้งคนอื่นๆ)

ถึงแม้ว่าสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหรง จะทรงถูกขัดจังหวะบ้าง แต่พระนาง ก็ยังคงเป็นนักเรียนเรียนดี และบ่อยครั้ง ที่จะทำให้อาจารย์ของพระนาง ประทับใจในความฉลาดของพระนาง ทรงโปรดนิยายโรแมนติกและนิยายลึกลับ เล่นเปียโน อ่านเขียนในภาษาอังกฤษ ทรงโปรดสัตว์เลี้ยงสุนัข ทรงโปรดการถอดคำประพันธ์ จากยุคราชวงศ์ถัง ด้วยตัวพระนางเอง และทรงโปรดการฉายพระบรมฉายาลักษณ์ ในพระอริยาบถ ทั้งในแบบสมัยใหม่ และแบบเป็นทางการแบบจีนเป็นอย่างมาก หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เกิดภาวะวุ่นวายในจีน ซึ่งแบ่งออกเป็นหลายขั้วอำนาจ จักรพรรดิผู่อี้ ถูกขับออกจากพระราชวังต้องห้าม ในปี 1924 โดยขุนศึกเฟิง ยู่เสียง ซึ่งไม่ชอบจักรพรรดิ พระราชวงศ์ ต้องลี้ภัยไปเมืองเทียนจิน ความสัมพันธ์ของวั่นหรงและผู่อี้ ก็เริ่มร้าวฉาน

เมืองเทียนจิน เป็นเขตปกครองของญี่ปุ่นในขณะนั้น เมื่อทรงทราบว่า กองทัพของเจียงไคเชค เข้าปล้นสุสาน และพระศพของพระนางซูสีไทเฮา และยังได้ขโมยไข่มุกดำ และพระมาลาของพระนางซูสีไทเฮาไปทำเป็นรองเท้า ให้เป็นของขวัญกับภรรยาของเจียงไคเช็ก จึงทำให้จักรพรรดิผู่อี้ พิโรธเป็นอย่างมาก พระองค์ทรงยอมรับข้อเสนอของญี่ปุ่น และย้ายที่ประทับไปอยู่ที่เมืองฉางชุน และเปลี่ยนชื่อเมืองใหม่เป็น "ซิงกิง"

เรื่องญี่ปุ่นนี่เอง ที่อาจทำให้ทรงระหองระแหงกันมากขึ้น เพราะจักรพรรดินีวั่นหรงทรงชิงชังญี่ปุ่น พระนางวางแผนหลบหนีออกจากพวกญี่ปุ่น ในปี 1933 แต่แผนการล้มเหลว ผู่อี้และญี่ปุ่น จึงควบคุมพระนางหนักขึ้น ด้วยความเครียด พระนางจึงเสพฝิ่นมากขึ้น เพื่อให้ลืมความเครียด จนติดฝิ่น (ความจริงทรงเสพมาตั้งแต่ทรงเป็นฮองเฮาใหม่ๆ )

ในปี 1934 ญี่ปุ่นแต่งตั้งผู่อี้ เป็นจักรพรรดิแมนจูกัว วั่นหรง จึงกลายเป็นจักรพรรดินีแมนจูกัวด้วย วั่นหรง ไม่ทรงเคยออกพระราชกิจอย่างเป็นทางการ มีเพียงครั้งเดียวคือ เสด็จรับเจ้าชายชิชิบุ (Prince Chichibu) ซึ่งเป็นตัวแทนจักรพรรดิโชวะ การขัดขืนนี้ ทำให้ผู่อี้ ทรงเคืองพระทัยไม่น้อย จึงทอดทิ้งให้พระนางอยู่อย่างโดดเดี่ยว จึงทรงหันพึ่งฝิ่นมากขึ้น เพื่อให้ลืมวันที่เลวร้าย จนเริ่มวิกลจริต ว่ากันว่า เมื่อจักรพรรดิผู่อี้เสด็จไปญี่ปุ่น จักรพรรดินีวั่นหรง ทรงลอบมีความสัมพันธ์กับข้าราชสำนักของผู่อี้ จนทรงครรภ์และให้กำเนิดพระธิดา เมื่อผู่อี้เสด็จกลับมา จึงทรงเข้าทำร้ายจักรพรรดินี จากนั้นทรงลอบนำพระธิดาทารกไปสังหาร โดยที่พระนางไม่ทราบเลยว่าพระธิดาสิ้นพระชนม์ เพราะผู่อี้ทรงแจ้งว่า นำไปเลี้ยงดูในที่ภายนอกวัง

ความล้มเหลวในชีวิตคู่นี้ จักรพรรดิผู่อี๋ยังกล่าวด้วยว่า จักรพรรดินีวั่นหรง ได้งมงายกับความเชื่อในโชคชะตา และถ้าพระนางได้เจอกับอะไรที่เป็นโชคร้าย พระนางจะกระพริบตาหรือเดินหนี ผู่อี้กล่าวว่า วั่นหรง ได้มีอาการจิตวิตกอย่างหนัก เหมือนกับคนที่ป่วยเป็นโรคทางจิต และจักรพรรดิผู่อี๋ ได้ให้รายละเอียดด้วยว่า "นางไม่เคยบอกข้าพเจ้าถึงความรู้สึก ความหวัง และความโศกเศร้าเสียใจของนาง ให้กับข้าพเจ้าเลยแม้แต่น้อย" สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ ยังทรงทราบอีกด้วยว่า พระนาง ทรงกำลังติดฝิ่นอย่างหนัก และไปในเส้นทางที่พระองค์สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ ไม่สามารถยอมรับและอดทนได้อีกต่อไป ถึงกระนั้น วั่นหรงทรงพยายามปฏิบัติตนอย่างผู้หญิงยุคสมัยใหม่ ในการขอหย่ากับจักรพรรดิ แต่จักรพรรดิ ยินยอมแต่เพียงแค่ให้การสมรสเป็นในนาม โดยไม่ต้องมาข้องเกี่ยวกันก็พอ

ในปี 1945 โซเวียตบุกแมนจูกัว จักรพรรดิผู่อี้ทรงหลบหนี เพราะเสี่ยงการถูกจับกุม โดยทิ้งวั่นหรงไว้เบื้องหลัง วั่นหรงและน้องสะใภ้ คือองค์หญิงฮิโระ ซะงะ (เจ้าหญิงฮิโระเป็นชาวญี่ปุ่น) พยายามหลบหนีไปเกาหลี แต่ถูกจับกุม โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในปี 1946 คณะหลบหนี ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงสูงศักดิ์ ถูกส่งไปใช้แรงงานที่คุกของคอมมิวนิสต์ โดยถูกย้ายไปหลายที่ ทั้งที่ ตงหัว, ฉางชุน, ยงจี๋และตุ้นหัว วั่นหรง ไม่ได้ทรงสูบฝิ่นในค่ายนักโทษ จึงเกิดพระอาการขาดยา จักรพรรดินีวั่นหรง ทรงได้รับการดูแลอย่างย่ำแย่ ในคุกแรงงาน ฮิโระ ซะงะ น้องสะใภ้ ทรงดูแลพระนาง ถึงแม้ว่าจะทรงป่วย พระนาง ก็มักจะแสดงความเกลียดชัง สบถด่าชาวญี่ปุ่นอยู่เสมอ

ฮิโระทรงบันทึกว่า ในช่วงนี้ สติของพระนางเริ่มเลอะเลือน จักรพรรดินีวั่นหรง ทรงทำพระองค์เหมือนฮองเฮา ในพระราชวังต้องห้าม วั่นหรง ทรงออกคำสั่งต่อทหารคอมมิวนิสต์ ซึ่งผลคือทหารทั้งหมด ส่งเสียงหัวเราะเยาะพระนาง ต่อมาฮิโระ ซะงะ ถูกส่งตัวออกไปคุกอื่น

จักรพรรดินีวั่นหรง เสด็จสวรรคตในคุก ที่เมืองหยานจิน ในวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2489 เพราะพระอาการข้างเคียง ที่มาจากที่พระองค์ ทรงพยายามเลิกฝิ่น ด้วยพระชนมายุเพียง 39 พรรษา พระบรมศพ ถูกเผาในสุสานของคุก ที่เมืองหยานจิน เป็นงานศพที่เรียบง่าย และไม่สมกับพระอิสริยยศของจักรพรรดินี โดยที่สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ ทราบข่าวของวั่นหรง ในอีก 3 ปีต่อมา ขณะที่สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี้เอง ก็ยังทรงถูกคุมขังอยู่ในคุก จากคำพูดของสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี้เองว่า "ทางของเราแยกจากกัน ตอนที่ทหารญี่ปุ่นยอมแพ้ การเสพติดฝิ่นของเธอหนักมาก และร่างกายของเธอ ได้อ่อนแอลงไปอย่างมาก เธอตายในอีกไม่กี่ปีต่อมา ในคุกที่หยานจิน"

แต่สิ่งที่น่าสนใจจริง ๆ คือคำพูดในบันทึก ของสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี้ "ข้าพเจ้าได้สมรสกับภรรยาสี่คน มเหสีหนึ่งคน สนมเอกหนึ่งคน และสนมรองอีกสองคน แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเธอไม่ได้เป็นภรรยาจริงของข้าพเจ้า พวกเธอมีไว้เพื่อประดับหน้าเท่านั้น พวกเธอทั้งหมดเป็นผู้โชคร้ายของข้าพเจ้า ถ้าโชคชะตาของพวกเธอ ไม่ได้มาพร้อมกับการเกิดของพวกเธอ บั้นปลายชีวิตของพวกเธอ คงจะไม่ได้เป็นเช่นนี้" เป็นการยากที่จะบอกได้ว่า ข้อมูลส่วนนี้ ได้ถูกผู้อื่นแต่งเติมลงไปหรือไม่ อย่างไรก็ดี ก็เป็นข้อความที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

จักรพรรดิผู่อี้สวรรคต ในปี 1967 สิริพระชนมายุ 61 พรรษา ซึ่งพระองค์ ก็ถูกใช้แรงงานในค่ายคอมมิวนิสต์ ครึ่งค่อนชีวิตเช่นกัน

ในเดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2549 พระอนุชาต่างมารดา ของสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหรง โกวปู้โลว ลุ่นฉี ได้ประกอบพิธีทางศาสนา ทำป้ายเซ่นไหว้ดวงวิญญาณ และหลุมศพของพระนาง ที่สุสานราชวงศ์ชิงตะวันตก กรุงปักกิ่ง

โพสท์โดย: ประเสริฐ ยอดสง่า
อ้างอิงจาก:
จักรพรรดินีเสี้ยวเค่อหมิน จักรพรรดินีองค์สุดท้ายของราชวงศ์ชิง
ชีวิตที่น่าหดหู่ ของจักรพรรดินีองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ชิง
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ขบวนเกี้ยวของหว่านหรงจำนวนผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาเพิ่มขึ้นเป็น 41,431 คนแล้วภาพเก่าหาดูยาก : แร้งประจำถิ่น ณ วัดสระเกศ เมื่อ คริสตศักราช 1905สมาคมโรงแรมกระบี่ ยื่นมือช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือถ้ำหินแกะสลักภูเขาเทียนที อายุ1600 ปี
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เมื่อหมูเด้ง ต้องไปแคสติ้งเป็นนักแสดงซูปเปอร์ฮีโร่
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
รถสองคันกับคนเกษียณ•สิบปีต่อมา.หมดไปกับ•!!!ตำนานเมืองลับแลเจ้าหญิงเวียงชื่น เทพวงศ์ ไม่ยอมถูกจับกุมคุมขัง ยอมปลิดชีพตน ด้วยการดื่มยาพิษ
ตั้งกระทู้ใหม่