หมูกระทะไทย มีมาตั้งแต่ ช่วงปี พ.ศ. 2500
หมูกระทะไทย มีมาตั้งแต่ ช่วงปี พ.ศ. 2500
หมูกระทะ คืออาหารของประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศไทย ในประเทศฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซียจะเรียกอาหารชนิดนี้ว่า มูกาตา
หมูกระทะคือกระบวนการทำอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมการกินฮอตพอตจากจีน และวัฒนธรรมการกินปิ้งย่างจากเกาหลีแล้วนำมารวมกัน โดยมีข้อสันนิษฐานว่าหมูกระทะมีต้นกำเนิดมาจากการกินปิ้งย่างจากเกาหลี การกินในไทยนั้นจะนิยมใช้ถ่านในการให้ความร้อนสำหรับประกอบทำหมูกระทะ ซึ่งหมูกระทะก็ถือเป็นรูปแบบอาหารที่มีอิทธิพลในวัฒนธรรมการกินมากในไทย ก่อนที่จะแพร่ขยายไปยังมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์
เตาของหมูกระทะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือส่วนตรงกลางเตาสำหรับการปิ้งย่าง และส่วนรอบนอกของตรงกลางเตาสำหรับการใส่น้ำซุปเพื่อต้ม อาหารที่นำมาประกอบใส่ในหมูกระทะส่วนใหญ่จะมีทั้งเนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผัก ลูกชิ้น ไส้กรอก เส้น เป็นต้น สำหรับวิธีการปิ้งย่างนั้นโดยส่วนใหญ่จะนิยมใช้ก้อนไขมันสัตว์แทนน้ำมันเพื่อไม่ให้สิ่งที่ปิ้งย่างนั้นติดอยู่ที่เตา
คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่จะนิยมกินหมูกระทะร่วมกับน้ำจิ้มสุกียากี้หรือซอสเผ็ด แต่ในบางร้านอาหารก็จะมีน้ำจิ้มอาหารทะเลร่วมด้วย
ต้นกำเนิดของหมูกระทะนั้นมีตำนานมาตั้งแต่สมัยมองโกล ซึ่งหมูกระทะในดั้งเดิมเกิดมาจากทหารมองโกล พักศึกสงครามในสนามรบ แต่เมื่อเกิดอาการหิว ไม่มีอะไรเป็นอุปกรณ์ทำอาหารกินก็เลยใช้หมวกทหารมองโกลที่ลักษณะเป็นเหล็ก “mongol Ancient military hat” มาใช้แทนเป็นที่ย่างเนื้อกิน
และหลังจากนั้นก็มีการออกแบบกระทะมาคล้ายหมวกทหาร ซึ่งมีลักษณะโค้งมนตรงกลางอย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน แต่ ! เรื่องเล่านี้ยังเป็นเพียงเรื่องเล่าไม่ได้มีหลักฐานจารึกชัดเจน
ความนิยมหมูกระทะที่ญี่ปุ่น
เป็นบันทึกที่ค้นพบครั้งแรก ในเมื่อปี ค.ศ. 1918 ที่ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น สมัยฮอกไกโดนิดยมเลี้ยงแกะกันมากในยุคนั้นเพื่อเอาหนังไปใช้ทำเครื่องนุ่งห่ม ดังนั้น จึงทำให้เนื้อแกะล้นตลาด รัฐบาลญี่ปุ่นเลยส่งเสริมให้กินเนื้อแกะโดยนำมาปิ้งย่าง จนถึงปี ค.ศ.1936 มีเปิดร้านอาหารลักษณะคล้ายๆ กับการปิ้งย่างแบบปัจจุบันที่โตเกียวจำนวนมาก ซึ่งใช้ชื่อว่าร้านเจงกิสข่าน เมนูนี้จึงถูกเรียกกันโดยทั่วไปว่า เนื้อย่างเจงกิสข่าน
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ยังมีความนิยมในการรับประทานลักษณะเดียวกันนี้คือ เนื้อย่างเกาหลีที่ชื่อว่า บูโกลกิ และ กัลบี้ และเป็นที่นิยมอย่างมากในญี่ปุ่น ในสมัยศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะหลังจากยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งร้านอาหารที่เสิร์ฟปิ้งย่าง จะบอกว่าร้านนั้นเสิร์ฟเมนูแบบ โฮะโรมอนยากิ หรือเรียกสั้นๆ ว่า อาหารโชซอน
ความนิยมหมูกระทะของไทย
ส่วนในประเทศไทย คาดว่าได้มีการเปิดร้านหมูกระทะ ในช่วงปี พ.ศ. 2500 ซึ่งแรกเริ่มจะมีการขายในภัตตาคาร เรียกว่า เนื้อย่างเจงกีสข่าน ส่วนในภาคอีสานนั้นจะเรียกว่า
โดยที่ จ.อุบล ราชธานี จะมีร้านต้นตำรับที่เรียกว่า “หมื่นทิพย์เนื้อย่างเกาหลี” โดยยุคแรกนั้นจะมีการเสิร์ฟเป็นชุดๆ มากกว่า เสิร์ฟเป็นลักษณะบุฟเฟต์
ส่วนอีกร้านหนึ่งที่เรียกว่าเป็นต้นตำหรับของหมูกระทะเลยก็ว่าได้นั่นคือ “ร้านไดโดม่อน” มีการขายอาหาร โดยให้ลูกค้าได้ปิ้งย่างรูปแบบใหม่ ด้วยการทำเป็นร้านปิ้งย่างสไตล์บุฟเฟ่ต์ ลูกค้าสามารถเลือกอาหารได้ตามใจจากเมนูหลากหลายที่มี จนถึงทุกวันนี้ที่มีการพัฒนาการของร้านบุฟเฟ่ต์หมูกระทะ ให้ทุกๆ ท่านได้เลือกรับประทานกันหลากรูปแบบตามความชอบของแต่ละคน
อ้างอิงจาก: หมูกระทะ เนื้อย่างเจงกีสข่าน เนื้อย่างเกาหลี