หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

# ประวัติของอาหารที่ชื่อว่า Pemmica

โพสท์โดย Piglet ตัวน้อยแสนน่ารัก

สวัสดีคะ วันนี้เราจะ พาทุคนไปทำความรู้จัก กับขนมที่มีซื่อว่า Pemmican

 

Pemmican เป็นอาหารที่มีต้นกำเนิดจากชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกาเหนือ โดยชนเผ่าที่ได้อาศัยอยู่บนทุ่งหญ้าในแถบสหรัฐอเมริกา และ แคนนาดา โดยอาหารชนิด นี้ สามารถให้พลังงานที่สูง และยังทำการเก็บรักษาเอาไว้ได้นานโดยที่ไม่เกิดการเน่าเสีย Pemmican มีส่วนประกอบหลักที่สำคัญ ได้แก่ เนื้อสัตว์แห้งชนิดต่างๆ (เช่น เนื้อวัว, เนื้อกวาง, หรือบัฟฟาโล) ไขมันสัตว์ และบางครั้งก็มีการใส่ผลไม้แห้ง เช่น บลูเบอร์รี่ หรือแครนเบอร์รี่ เพื่อเพิ่มรสชาติและสารอาหาร

 

แล้วคำว่า Pemmican มันมาจากไหนกัน คำตอบคือ มาจากภาษาของชนเผ่าที่มีชื่อว่า Cree 

และคำว่า “pimîhkân”ก็ได้มีรากศัพท์มาจากคำว่า “pimî”, ที่หมายถึงไขมันหรือจารบี Pemmican มีบทบาทสำคัญในการดำรงชีวิตของชนพื้นเมือง เนื่องจากเป็นอาหารที่มีความเบาและสะดวกต่อการพกพา โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องย้ายถิ่นตามฝูงสัตว์ เช่น กวาง หรือบัฟฟาโล ที่อพยพไปตามฤดูกาล

โดยในยุคที่ทำการค้าขนสัตว์ กับยุโรปและอเมริกาเหนือ Pemmican ก็ได้กลายอาหารยอดนิยม สำหรับนักเดินทางและนักสำรวจ

เนื่องจากมีความทนทานต่อสภาพอากาศและง่ายต่อการพกพา Sir Alexander Mackenzie หนึ่งในนักสำรวจชื่อดังที่ใช้ Pemmican ในการเดินทางสำรวจที่ทุ่งหญ้าแคนาดาในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 และอาหารชนิดนี้ยังเป็นที่นิยมในหมู่ทหารและนักสำรวจอาร์กติกในช่วงศตวรรษที่ 19 .

ส่วนผสมของ Pemmican นอกจากเนื้อสัตว์และไขมันแล้ว ในบางสูตรจะมีการใส่ผลไม้ป่าแห้ง เช่น ซัสกาทูนเบอร์รี่ หรือแครนเบอร์รี่ ซึ่งเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและช่วยทำให้รสชาติอร่อยยิ่งขึ้น การทำ Pemmican เริ่มจากการทำให้เนื้อสัตว์แห้งโดยการอบ หรือแดดให้แห้ง จากนั้นจึงบดเนื้อให้เป็นผงละเอียด ก่อนที่จะผสมกับไขมันที่ผ่านการหลอมละลาย เมื่อผสมเสร็จแล้ว Pemmican จะถูกบรรจุในถุงหนังเพื่อให้เก็บได้นาน .

ในปัจจุบัน Pemmican ยังคงถูกใช้ในบางกรณี โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัย หรือการเตรียมอาหารสำรองในกรณีฉุกเฉิน เพราะคุณสมบัติในการเก็บรักษาได้นานและให้พลังงานสูง นอกจากนี้ อาหารชนิดนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอาหารที่มีโปรตีนและไขมันสูง เช่น ในการทานอาหารแบบคีโตเจนิก (Ketogenic Diet) .

ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: rewildamerca.com
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
วัดดะมะยานจี้: สถาปัตยกรรมแห่งความยิ่งใหญ่และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในพุกามมุมมองทางอากาศ ที่แสดงให้เห็นถึงศิลปะการออกแบบด้านสถาปัตยกรรมอันงดงาม ของป้อมรูปดาวผักกะโดน โดนใจจงอางยักษ์!บุกเล้าหวังเขมือบไก่ ถูกตาข่ายพันยังไม่สิ้นฤทธิ์รีวิวหนังดัง JOKER โจ๊กเกอร์โหนกระแสเดือด! "ครูเบญ" สอบติดครูแต่ชื่อหาย ผอ.แจงกลางรายการ คนดูงงหนัก!วุ่นสนามบิน! สาวนอนโพสต์ท่าบนสายพานสัมภาระ ทำชาวเน็ตวิจารณ์สนั่น"กระบี่ไร้เทียมทาน" แต่โชคชะตาของ ‘ฮุ้นปวยเอี๊ยง’ นั้นแสนอาภัพ"มัสก์" เผยไม่สนว่าใครจะฆ่า "ทรัมป์" หรือ "แฮริส"สวยแต่มีพิษ แมงกระพรุน Carabela
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ผอ. อ้าง ‘ครูเบญ’ สอบไม่ผ่านแต่แรก จนท.ทำข้อมูลชื่อที่ 1 ผิดโหนกระแสเดือด! "ครูเบญ" สอบติดครูแต่ชื่อหาย ผอ.แจงกลางรายการ คนดูงงหนัก!โหนกระแสวันนี้ อย่างเดือด!!!! ครูเบญ มาเรียกร้องขอความเป็นธรรม จากที่มีชื่อว่าสอบได้ที่ 1 ผ่านไป 3 วันชื่อหาย กลายเป็นชื่อคนอื่นมาแทนวุ่นสนามบิน! สาวนอนโพสต์ท่าบนสายพานสัมภาระ ทำชาวเน็ตวิจารณ์สนั่นรีวิวหนังดัง JOKER โจ๊กเกอร์
กระทู้อื่นๆในบอร์ด อาหาร
ปริมาณเนื้อสัตว์ที่ให้นางในแต่ละลำดับขั้นในแต่ละวัน สมัยราชวงศ์ชิงฟาร์มเฮ้าส์ ดูโอ้ฟิลลิ่งบันขนมเบื้องกรอบเซเว่นน้ำผึ้งแบบซองครั้งเดียวจบ
ตั้งกระทู้ใหม่