จักรพรรดินีหลิ่ว จักรพรรดินีแห่งราชวงศ์ซ่ง ในจักรพรรดิซ่งเจินจง
🐉จักรพรรดินีหลิ่ว จักรพรรดินีแห่งราชวงศ์ซ่ง ในจักรพรรดิซ่งเจินจง
จางเซี้ยนหมิ่งซู้หวงโฮ้ว (章獻明肅皇后) (จักรพรรดินีหลิ่ว) มีพระนามเดิมว่า หลิ่วเอ๋อ (劉娥)
🔸แม่นางหลิ่ว เกิดในปี ค.ศ. 969 เป็นกำพร้าตั้งแต่ยังแบเบาะ ได้รับการเลี้ยงดูจากญาติฝ่ายมารดา และเมื่อถึงวัยรุ่น เธอก็กลายเป็นเก๋อจี้ (歌妓) ที่มีทักษะการตีกลอง
📌(ตามประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการ Liu Yanqing ปู่ของเเม่นางหลิ่ว เป็นนายพลในสมัยปลายราชวงศ์จิ้น ต่อมาครอบครัวได้ย้ายจากไท่หยวนทางเหนือไปยังเจียวโจวทางตะวันตกเฉียงใต้ โดยที่ หลิ่ว ทง พ่อของเเม่นางหลิ่วเข้ารับตำแหน่งเป็นนายอำเภอ น่าจะเป็นในช่วงปีแรกของราชวงศ์ซ่งที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งยึดครองภูมิภาคนี้ราวๆปี 965)
🔸เธอแต่งงานกับกงเม่ย์ (龔美) ช่างเงินผู้พาเธอเข้ามาอยู่ที่ไคเฟิง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ซ่งในเวลานั้น
🔸เธอได้เข้ามาอยู่ในตำหนักของ เจ้าชายจ้าว ยฺเหวียนซิ่ว (ต่อมาเป็น จักรพรรดิซ่งเจินจง จักรพรรดิองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์ซ่ง)
🔸ซึ่งเจ้าชายจ้าว ยฺเหวียนซิ่ว เป็น 1 ในพระโอรสของจักรพรรดิซ่งไท่จง (จักรพรรดิองค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์ซ่ง)
📌ตามบันทึก Sushui Jiwen ของซือหม่า กวาง นักประวัติศาสตร์และอัครมหาเสนาบดีในช่วงปลายราชวงศ์ซ่งเหนือระบุว่า "กงเม่ย์ ขายแม่นางหลิวให้กับ จางฉี (张耆) ข้าราชการในตำหนักของเจ้าชายยฺเหวียนซิ่วเพราะความยากจน"
🔸เมื่อเจ้าชายจ้าว ยฺเหวียนซิ่ว พระชนมายุ 15 พรรษาทรงหลงใหลเเม่นางหลิวร่ายรำ
ในวันหนึ่ง จักรพรรดิซ่งไท่จงทอดพระเนตรเห็น เจ้าชายจ้าว ยฺเหวียนซิ่ว "ไร้เรี่ยวแรงและผอมลง"
🔸แม่นมของเจ้าชาย ซึ่งดูเหมือนจะเกลียดชังแม่นางหลิวอยู่เเล้ว ก็ได้ป้ายความผิดกล่าวโทษเเม่นางหลิวต่อหน้าพระพักตร์ขององค์จักรพรรดิ
🔸ทำให้แม่นางหลิวถูกขับออกจากพระตำหนัก แต่เจ้าชายได้จัดให้เธอไปพำนักอยู่ที่บ้านของ จางฉี ซึ่งเขาไม่เต็มใจรับแม่นางหลิวไว้ในตอนแรก
🔸แต่ยอมรับในภายหลังเมื่อได้รับเงิน 500 ชั่งเพื่อสร้างที่พักแยกต่างหากเเละเป็นการหลีกเลี่ยงพระบัญชา
🔸หลังจากการสวรรคตของพระราชบิดาในปี 997 เจ้าชายจ้าว ยฺเหวียนซิ่ว ซึ่งต่อมาเปลี่ยนพระนามเป็นจ้าวเหิง ได้สืบราชบัลลังก์เป็นจักรพรรดิซ่งเจินจง
🔸ทำให้เเม่นางหลิวได้กลับมาอยู่เคียงข้างองค์จักรพรรดิรดิซ่งเจินจง(พระองค์ทรงชอบนางหลิวมาก่อนนั้นเเล้วครับ)
🔸เเละได้รับพระราชทานตำแหน่งเป็น เม่ย์เหริน (美人) ในปี ค.ศ. 1004
🔸 ต่อมาได้เลื่อนตำแหน่งเป็น ซิวหยี (修義) (อยู่ในลำดับชั้น ผิน 嬪; pín ) ในปี ค.ศ.1009
🔸หลังจากการสวรรคตของจักรพรรดินีกัว (ฮองเฮาองค์แรกของจักรพรรดิซ่งเจินจง) ซึ่งต่อมาจักรพรรดินีกัวได้รับพระนามหลังสิ้นพระชนม์ว่าจักรพรรดินีจางมู่ ในปี ค.ศ. 1007
🔸จักรพรรดิมีพระราชประสงค์จะสถาปนาพระมเหสีหลิ่วขึ้นเป็นจักรพรรดินี แต่ต้องยอมแพ้หลังจากเจอแรงกดดันอย่างรุนแรงจากเหล่าขุนนางทั้งหลาย
🔸เเต่ท้ายสุด ในปี ค.ศ. 1012 พระนางได้ตำเเหน่ง เต๋อเฟย (德妃; dé fēi) (เป็นพระมเหสี ขั้น เฟย (妃; fēi) ซึ่งในเเต่ราชวงศ์จะนับชื่อขั้นเเตกต่างกันครับ จะดู งงๆหน่อยครับ
🔸ต่อมา ในเดือน ธันวาคม ปี ค.ศ. 1012 พระนางก็ได้รับตำเเหน่ง หวงโฮ่ว (皇后) หรือขึ้นเป็นจักรพรรดินีหลิว (จักรพรรดินีจางเซี้ยนหมิ่งซู้) ในจักรพรรดิซ่งเจินจง
...............................................................................
🐉ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สมเด็จพระจักรพรรดิเจินจง
🔸ในปี ค.ศ. 1020 จักรพรรดิซ่งเจินจงทรงพระประชวร และไม่สามารถจัดการกิจการของรัฐได้ ในเวลานี้จักรพรรดินีหลิว ได้ขึ้นมามีอำนาจเบื้องหลังบัลลังก์และจัดการกิจการของรัฐทั้งหมด
🔸พระนางปกครองอย่างเป็นทางการในฐานะจักรพรรดินีผู้ทรงอำนาจและอย่างไม่เป็นทางการในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในจักรพรรดิรดิซ่งเจินจง(ทรงประชวรหนัก) ในช่วง 2 ปี ก่อนที่จักรพรรดิซ่งเจินจงจะเสด็จสวรรคต
🐉ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จักรพรรดิเหรินจง
🔸ในปี ค.ศ. 1022 จ้าว เจิน เป็นโอรสองค์ที่ 4 ของจักรพรรดิซ่งเจินจง ขึ้นครองราชย์ ในนามจักรพรรดิซ่งเหรินจง ขณะมีพระชนมายุเพียง 12 พรรษา ดังนั้นจึงไม่อาจว่าราชการได้เองจนกว่าจะมีพระชนมายุครบ 17 พรรษา ในพินัยกรรมของจักรพรรดิซ่งเจินจง ระบุไว้ว่า:
📌"องค์รัชทายาทประทับบนบัลลังก์หน้าโลงศพของฉัน จักรพรรดินีหลิวได้รับความเคารพ ในฐานะหวงไท่โฮ้ว(皇太后) และให้ทรงมีอำนาจสำเร็จราชการทางทหารและพลเรือนทั้งหมด"📌
(สมเด็จพระจักรพรรดินี พระบรมราชชนนีพันปีหลวง)
🔸 (ได้รับความไว้วางพระทัยจากองค์จักรพรรดิ)🔸
🔸จนกระทั่งสิ้นพระชนม์ในปี 1033 (64 ปี 162 วัน) ในฐานะผู้สำเร็จราชการ พระนางมีอำนาจสั่งการด้วยพระนามของพระองค์เอง ไม่ใช่พระนามของยุวจักรพรรดิ
🔸พระนางกลายเป็นสตรีคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์จีนที่สวมฉลองพระองค์จักรพรรดิ ต่อจาก (จักรพรรดินีบูเช็กเทียน จักรพรรดินีเพียงพระองค์เดียวที่เป็นจักรพรรดินีผู้ครองราชย์ในประวัติศาสตร์จีน)
#jarnmooChannel