เรื่องสั้นหลอนหักมุม ตอน คำขอพรของปีศาจ
คำขอพรของปีศาจ
คุณเชื่อเรื่องการไปขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างการไปบนบานสานกล่าวขอนั่นขอนี่เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมา พอได้มาก็จะดีใจแต่ถ้าไม่ได้ก็จะเลิกและไม่เชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น แต่คนเหล่านั้นลืมไปว่าบางสิ่งมันอาจจะเกิดจากโชคความบังเอิญ หรือจังหวะเวลาที่มันพอดีจึงทำให้เราได้ตามที่ต้องการ หรือบางครั้งก็มาจากความพยายามของเราเอง แต่สิ่งที่ชั้นเจอมันไม่สามารถเกิดขึ้นได้เพียงเพราะชั้นไม่พยายามหรือเป็นเพราะดวงชั้นไม่ดีจึงไม่เกิดขึ้น แต่มันเกิดจากความคิดแย่ๆ ของคนบางคนไม่ซิใครหลายๆ คนที่ไม่ชอบชั้นจนกลายเป็นความเกลียด
ชั้นชื่ออัททสึโกะที่แปลว่าอบอุ่นเป็นมิตรซึ่งเป็นชื่อที่พ่อที่เสียไปตั้งให้ เพื่อให้ชั้นเป็นที่รักของทุกคน ซึ่งชั้นเองก็อยากจะเป็นแบบนั้นเหมือนที่พ่อหวังแต่สุดท้ายชั้นก็เป็นแค่ไอ้ขี้แพ้ “ไงอัททสึโกะคุงชื่อนายมันโคตรเรียกยากเลยขอเรียอัทจังได้ป่ะ” เพื่อชายร่างใหญ่ขาโจ๋ประจำโรงเรียนอัดชั้นลงพื้นและพูดด้วยน้ำเสียงยียวน “ดะได้” ชั้นตอบไปทั้งที่เลือดกำเดากกปากเพราะถูกชก “งั้นอัทจังในเมื่อเราเป็นเพื่อนกันแล้วเพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนป่ะ ขอยืนเงินไปเล่นเกมเซ็นเตอร์หน่อยซิ” ขาโจ๋แบมือขอจนชั้นต้องทนให้ไปแม้จะไม่เต็มใจ ฟังมาถึงตรงนี้คุณอาจจะคิดว่าอัทจังทำไมนายไม่สู้กลับไปหรือไปฟ้องครู หมอนั่นอาจจะมีพวกแต่ถ้านายสู้หรือทำอะไรบ้างนายก็จะไม่ถูกรังแก ใช่คุณพูดถูกนั่นคือสิ่งที่ชั้นควรทำ แต่เชื่อไม๊ว่ายิ่งชั้นสู้ผมกลับยิ่งโดนหนักกว่าเดิม และเมื่อไปฟ้องผู้ใหญ่ด้วยความที่ชั้นเป็นเด็กที่เรียนไม่เก่งแถมยังชอบนั่งคนเดียวในห้องไม่ค่อยทำกิจกรรม จนถูกพวกครูเกลียดเลยไม่มีใครสนใจเรื่องเด็กผู้ชายคนนึงที่ถูกแกล้ง ส่วนแม่ของชั้นท่านก็ทำได้แค่บอกให้ชั้นอดทน “อัทจังลูกต้องอดทนนะลูก โลกใบนี้มันโหดร้ายแต่ลูกต้องผ่านมันไปได้” นั่นคือสิ่งที่แม่บอก “ครับแม่ผมจะพยายาม” นั่นคือสิ่งที่ชั้นตอบ
จนมาถึงช่วงเรียนมัธยมสิ่งเลวร้ายก็ยังตามมาหลอกหลอนแม้จะเป็นโรงเรียนใหม่เพื่อนใหม่ แต่สิ่งเดิมๆ ก็ยังคงกลับมา ชั้นยังต้องเจอเรื่องแบบเดิม คงเพราะชั้นมันตัวผอมแห้งท่าทางไม่น่าคบผิวซีดตาโปนเหมือนเอเลี่ยนจนแม้แต่สาวๆ ยังไม่อยากมายุ่ง “อัทจังวันนี้ก็ขอความกรุณาด้วยน๊า” กลุ่มนักเลงมาไถเงินผมเหมือนที่สมัยประถมโดน แต่ด้วยความชินชาผมจึงไม่รู้สึกอะไรนอกจากให้ไปเพื่อให้มันจบๆ ชีวิตชั้นคงจะน่าเบื่อซินะ ก็แค่คนๆ นึงที่เจอแต่เรื่องแย่ๆ แต่แปลกชั้นกลับไม่รู้สึกอยากฆ่าตัวตาย ถ้าเป็นคนอื่นที่เคยดูในข่าวเขาคงฆ่าตัวตายไปแล้วถ้าเจอแบบนี้บ่อยๆ จนวันนึงระหว่างที่กำลังเดินทางกลับบ้านก็มีผู้หญิงคนนึงในชุดแปลกๆ เธอส่งใบปลิวเกี่ยวกับลัทธิแปลกๆ ที่เกี่ยวกับอะไรก็ไม่รู้ ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่ได้ใส่ใจ แค่ตอนนั้นยังไม่อยากกลับบ้านไปเจอแม่ที่พูดแต่คำเดิมๆ ผมเลยไปนั่งฟังคนที่นั่นพูด “ไม่มีคำขอโทษจากปีศาจและไม่มีคำขอบคุณใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการขอบคุณตัวเอง มาขอพรให้ตัวเองแล้วคุณจะค้นพบคำตอบ” ที่เหมือนเป็นคนของลัทธิอะไรบางอย่างที่มีชั้นคนเดียวที่ยืนฟังก่อนจะถูกบังคับปนขู่ให้ซื้อรูปปั้นแปลกๆ ที่ทำจากปูนพาสเตอร์โง่ๆ ในราคาที่สูง ชั้นที่ไม่มีทางเลือกจึงต้องรับมาและเดินทางกลับบ้าน
ชั้นมองรูปปั้นโง่ๆ ในมือด้วยความรู้สึกสมเพชตัวเองที่สุดท้ายต่อให้ไปที่ไหน ชั้นก็ยังคงเป็นไอ้โง่ขี้แพ้อยู่ดี “ไงอัทจัง วันนี้ขอบคุณสำหรับค่าปาจิโกะนะ” กลุ่มนักเลงที่ตรงข้ามฝั่งถนนตะโกนออกมาเมื่อเห็นชั้น พวกมันคือแก๊งวัยรุ่นที่เรียนชั้นเดียวกันแต่ทำตัวนักเลงทั้งชายหญิง “ขอพรให้ตัวเองหรอ” ผมบ่นออกมาเบาๆ ด้วยความเจ็บใจ “ถ้าขอได้ชั้นก็อยากขอให้พวกนักเลงนั่นคอหักตายไปให้หมด” กร๊อบ กร๊อบ กรึ๊บ กรี๊ดดดดดดด กร๊อบ พอผมพูดจบก็มีเสียงดังเหมือนกระดูกของอะไรบางอย่างหัก พร้อมเสียงร้องของพวกผู้หญิงที่ร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นพวกผู้ชายเหล่านั้นจู่ๆ ก็หัวหมุนคอบิดเป็นเกลียวตายคาที่ ขณะที่พวกผู้หญิงเหล่านั้นที่ร้องก็คอหมุนตามไป ซึ่งมันเป็นภาพที่ชวนตกใจเป็นอย่างมาก จนข่าวการตายของเหล่าวัยรุ่นที่จู่ๆ คอก็บิดไปเองก็เป็นข่าวใหญ่โต จนกลายเป็นเรื่องราวลึกลับที่ถูกถ่ายทอดบนอินเตอร์เน็ต ขณะที่ผมซึ่งเป็นคนขอและอยู่ในเหตุการณ์ก็มือสั่นมองรูปปั้นในมือด้วยความแปลกใจ หรือว่าการขอพรของผมจะเป็นจริง เทพเจ้าที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าท่านชื่ออะไรสามารถให้พรผมได้ จนวันรุ่งขึ้นผมก็ไปหาลัทธินั่นเพื่อสอบถามเรื่องราวต่างๆ เพราะผมเชื่อและสัทธาในลัทธิไปแล้ว “สนใจลัทธิของเราหรอพ่อหนุ่ม” ชายที่เคยพูดในตอนนั้นเขามองมาทางผมด้วยความแปลกใจ “ถามจริงนายเชื่อว่ามันเป็นจริงอย่างงั้นหรอ” ชายคนนั้นหัวเราะออกมา “มีแต่คนโง่เท่านั้นละที่เชื่อเรื่องแบบนี้ ชั้นก็แค่คนที่ขายตุ๊กตาโง่ๆ เท่านั้น ไอ้ตัวนี้มันตัวอะไรชั้นยังไม่รู้เลย ชั้นซื้อมันมาจากโกดังของเล่นแปลกๆ จากจีน นายอยากได้ชั้นมีอีกเพียบเลยสนใจไม๊” ชายคนนั้นขยี้หัวชั้นแรงๆ ก่อนจะกระชากคอเสื้อ “สนใจไม๊” ชายคนนั้นดุใส่ชั้นแต่ตอนนี้ชั้นไม่กลัวแล้ว และชายคนนี้ก็คงจะไม่รู้เรื่องจริงๆ และชั้นก็ไม่มีอะไรจะถามเขาแล้ว “ไปตายซะ” ผมคิดในใจและนึกภาพเขาที่หัวระเบิดแต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ทำไมแกจะทำอะไรชั้น” ชายคนนั้นง้างหมัดจะต่อยชั้นตอนนั้นเองหัวของชายคนนั้นก็ปูดโปนจนระเบิดออกมาต่อหน้าต่อตาชั้น
“บ้าไปแล้ว” ชั้นอุทานออกมาด้วยความตกใจ โชคดีที่เลือกกับเศษสมองของชายคนนั้นไม่มาถูกตัว ชั้นเลยสามารถวิ่งหนีออกมาโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าชั้นอยู่ที่นั่น และเมื่อรู้ว่าตุ๊กตานี้มาจากโกดังของเล่นจากจีนชั้นเลยไปหาข้อมูลว่าตุ๊กตาตัวนี้ชื่ออะไร แต่ไม่ว่าจะค้นหายังไงชั้นก็ไม่สามารถตามรอยของตุ๊กตาตัวนี้ได้เลยว่ามันมาจากไหน ซึ่งเมื่อไม่รู้ที่มาที่ไปชั้นก็เริ่มจะขอพรแบบอื่นบ้างนอกจากการฆ่าคน แต่มันกลับไม่เป็นผลอะไรเลยเมื่อขอให้สอบผ่านหรือมีคนมาชอบตุ๊กตานี้ไม่สามารถทำให้ชั้นได้ แต่ถ้าขอให้คนนั้นตายหรือบาดเจ็บมันกลับสามารถเป็นไปได้ และในระหว่างที่ผมกำลังเดินทางกลับบ้านก็เห็นอินาริเพื่อนร่วมชั้นที่มีชะตากรรมเดียวกับชั้นกำลังถูกนักเลงอีกกลุ่มไถเงิน ชั้นที่เหมือนเห็นตัวเองในกระจกจึงเดินเข้าไปช่วย “อินารินายขอพรซิ” ชั้นบอกอินาริพร้อมชูตุ๊กตาให้อินาริและพวกนักเลงดู “อัททสึโกะคุง” อินาริพูดด้วยความแปลกใจก่อนที่ร่างของนักเลงเหล่านั้นจะสลบล้มทั้งยืน ขณะที่อินาริก็รู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะที่ชั้นเดินจากไปโดยมีอินาริวิ่งตามมา “เดี๋ยวอัททสึโกะคุง” อินาริทักผม “เมื่อกี้นายทำอะไรลงไป” เขามองที่ตุ๊กตารูปปั้นนั้นระหว่างพูดกับชั้น “นายพอพรให้พวกนั้นสลบไปใช่ไม๊ ตุ๊กตานี่ช่วยได้” ชั้นบอกกับอินาริ “นี่หรอที่ช่วย” อินิริมองตุ๊กตา “นี่มันตุ๊กตาอุอิมากิริมะทารินี่นา มันเป็นตุ๊กตาของเล่นของอินโดนนีเซียพ่อชั้นเคยซื้อมาฝาก” พอพูดจบผมก็มีอาหารปวดหัวอย่างรุนแรงจนอินาริต้องพาผมมาส่งที่บ้าน
“คุณป้าครับอัททสึโกะคุงเป็นอะไรไปก็ไม่รู้” อินาริบอกกับคุณแม่ “เขาไปโดนอะไรมา มีคนพูดอะไรแปลกๆ กับเขาไม๊” คุณแม่ถามอินาริที่ทำท่าคิดด้วยน้ำเสียงที่สั่น “ผมก็แค่พูดชื่อตุ๊กตาอุอิมากิริมะทาริเขาก็ปวดหัวขึ้นมา” ขณะที่คุณแม่ก็มีท่าทางตกใจท่านถอยหลังออกจากชั้นทันที เมื่ออินาริพูดจบท่ามกลางความแปลกใจของอินาริ “ไม่นะ ไม่” จู่ๆ ตอนนั้นเองคุณแม่ของชั้นท่านก็หัวระเบิดขึ้นมาต่อหน้าอินาริ “ขอบใจนายมากเลยนะอินาริคุงที่ปลดปล่อยชั้น” ย้อนกลับไปตอนที่ชั้นกำลังปวดหัวหลังจากที่อินาริพูดถึงตุ๊กตาชื่อแปลกๆ นั่น ความทรงจำในอดีตก็กลับมา ชั้นได้ยินเสียงพ่อร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ในมือของท่านมีไม้เรียวที่กำลังจะตีชั้น แต่ร่างท่านกลับลอยขึ้นไปบนฟ้าก่อนที่ร่างนั้นจะหัวระเบิด ก่อนที่ชั้นจะสลบไปและได้ยินคำพูดของใครบางคนที่พูดกับคุณแม่ว่า “ดิชั้นได้สะกดจิตอัททสึโกะเรียบร้อยแล้ว เขาจะจำไม่ได้ว่าตนเองมีพลังจิตอันแรงกล้าจนฆ่าพ่อของตน แต่การแก้คำสะกดจิตมันสามารถทำได้ถ้ามีคนพูดชื่อของการถอนรหัส แต่ถ้าไม่มีคนพูดเขาก็จะเป็นคนธรรมดาตลอดไป” เสียงหมอสะกดจิตที่เป็นหญิงแก่บอกกับคุณแม่ “แบบนั้นโอกาสที่เขาจะกลับมาเป็นแบบนี้ก็มีซิ ยังไงก็ช่วยทำให้ไม่มีรหัสแก้ได้ไม๊คะ ดิชั้นกลัว” คุณแม่พูดเสียงสั่น “ไม่ได้ถ้าไม่มีคำแก้ก็จะใส่คำสั่งสะกดไม่ได้ แต่ชั้นจะใช้ชื่อแปลกๆ ที่คนไม่เรียกกันอย่างชื่อตุ๊กตาโบราณอุอิมากิริมะทาริก็แล้วกัน คงไม่มีใครพูดชื่อนี้แน่นอน” นักสะกดจิตกับคุณแม่มองไปที่รูปปั้นแปลกๆ ที่อยู่บนชั้นที่เป็นตัวเดียวกับที่ชั้นมี นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่จำได้ก่อนที่ความทรงจำทั้งหมดของชั้นกลับมา ชั้นยิ้มที่มุมปากด้วยความยินดี และเดินเปื้อนเลือดผ่านอินาริที่กำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะหัวระเบิดตามคุณแม่ไป “ได้เวลาแก้แค้นโลกใบนี้แล้ว” จบ.....