องค์หญิง หวางหมินท่ง สตรีผู้หลงรักผู่อี๋ จนวันสุดท้ายของชีวิต
🔸องค์หญิง หวาง หมิน ท่ง (王敏彤) เป็นสตรีโฉมงาม พระบิดาคือเจ้าคุณทหารแห่งราชวงศ์ชิง (完颜立贤) พระมารดาเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงอ้ายซินเจี่ยหวัว เฮิงฮุย (爱新觉罗·恒慧) เป็นพระธิดาองค์โตของครอบครัว
🔸ประสูติในปี ค.ศ. 1913 ในกรุงปักกิ่งภายใต้ชื่อว่านหยาน ถงจี๋ เเต่บรรดาขุนนางจากแปดกองธงได้เปลี่ยนชื่อสกุลเป็นนามสกุลจีนภายหลัง ทำให้เธอยังได้เปลี่ยนชื่อเป็น หวาง หมิน ท่ง
(ขออนุญาตเลี่ยงคำราชาศัพท์นะครับเพื่อความเข้าใจง่ายครับ🙏❤️)
🔸ในตอนที่เธอยังเด็ก มักจะถูกขังไว้ในบ้านและไม่ได้รับเชิญไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่สำคัญ เพราะกลัวว่าจะใช้มารยาทที่ไม่เหมาะสม เเต่อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีว่า เธอมีมารยาทดี สงบเสงี่ยม เเละมีหน้าตาที่งดงามที่สุดในช่วงเวลานั้น
🔸หวาง หมิน ท่ง ได้หลงรัก ผู่อี๋ อย่างลึกล้ำ และใช้เวลาส่วนใหญ่ทั้งชีวิตเพื่อพยายามเอาชนะใจผู่อี๋ แต่ว่าบังเอิญหว่างนหรงได้รับเลือกเป็นฮ่องเฮา ทำให้เธอเสียใจได้เเต่ร้องไห้เเละเก็บตัวเงียบอยู่คนเดียว
🔸อีกทั้งในช่วงเวลานั้นพ่อแม่ของเธอได้หาคู่ให้กับเธอ เเต่เธอไม่ต้องการเเต่งงานกับผู้อื่น ถึงขนาดยกคำพูดว่า "ถ้าคุณไม่เลิกงานหมั้น ฉันจะแขวนคอตัวเอง" ทำให้งานหมั้นได้ถูกยกเลิกไปหมด
🔸เธอเป็นเพื่อนสนิทของนักแสดงหญิง Meng Xiaodong ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านข้างบ้านของเธอด้วย ในที่สุดมิตรภาพของทั้งคู่ก็ส่งผลให้เธอไปออดิชั่นที่ปักกิ่งโอเปร่า อีกทั้งเธอได้เริ่มเรียนศิลปะการต่อสู้อีกด้วย
🔸เเต่ในปี ค.ศ. 1937 มีการประกาศว่า ผู่เจี๋ย น้องชายของผู่อี๋ กำลังมองหาภรรยา แหล่งข่าวบางแห่งที่ใกล้ชิดกับผู่เจี๋ยระบุว่าเธอเป็นตัวเลือกแรกของผู่เจี๋ย
🔸แต่ทั้งสองไม่ได้แต่งงานกันเนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นซึ่งปกครองแมนจูกัวได้แนะนำปูเจี๋ยให้รู้จักกับผู้หญิงชาวญี่ปุ่น ฮิโระ ซางะ เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ทางการเมืองโดยนัย ระหว่างจีนกับจักรวรรดิญี่ปุ่น
🔻ความหวังกลับมาอีกครั้ง🔻
🔸ในปี 1959 เมื่อผู่อี๋ได้รับการนิรโทษกรรมและปล่อยตัวออกจากคุกโดยเหมา เจ๋อตง เธอได้เชิญผู่อี๋มาที่บ้านของเธอ หลังจากนั้นก็ฝีมือโชว์การทำอาหารให้ผู่อี๋รับประทาน
🔸โดยผู่อี๋ก็พูดติดตลกว่า "ผู้หญิงดีๆ แบบนี้จะไม่แต่งงานได้ยังไง เธอต้องเป็นภรรยาที่ดีและเป็นแม่ที่ดี" เเน่ๆ
🔸เเต่สุดท้ายในเวลาต่อมาผู่อี๋ ก็ได้แต่งงานใหม่กับ Li Shuxian ในปีค.ศ. 1962 ซึ่งทำให้สุขภาพจิตของเธอเเย่ลงอย่างหนักตลอดมา
🔸จนในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรม บ้านของเธอถูกยึด และแม่ของเธอถูกบังคับให้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ โดยมีรายได้น้อยกว่า 300 หยวนต่อเดือน
🔸ถูกประณามทุกวันเป็นเวลา 10 ปีในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม จนในที่สุดเเม่ของเธอก็ล้มป่วยเเละเสียชีวิตทำให้เธอต้องอยู่คนเดียว
🔸เเต่มีญาติที่มีฐานะได้พยายามชวนให้ไปอยู่ด้วยเเต่เธอไม่ยอมไป เเละขอกลับไปอยู่บ้านหลังเล็กๆของเธอตามเดิม เพราะบางส่วนกลัวผู้คนทำร้ายในเหตุปฏิวัติวัฒนธรรมด้วย เพราะคนที่ชวนเธอไปอยู่ด้วยยังเป็นกลุ่มขุนนางในราชสำนักสมัยก่อน
🔸ในเวลาต่อมาในเมื่อเธอไม่ต้องการไปอยู่กับญาติคนใดเลย ทำให้ทางญาติๆของเธอได้ขอให้เธอไปอยู่บ้านพักคนชรา เพราะอยู่คนเดียวอายุก็มากเเล้วกลัวจะเป็นอันตราย เธอเลยยอมไปอยู่บ้านพักคนชรา
🔸จนในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2003 เธอได้เสียชีวิต หลังจากสำลักเกี๊ยวในบ้านพักคนชรา ด้วยอายุ 90 ปี
(เธอมีสมบัติโบราณที่ได้เก็บไว้อาทิ แจกันจักรพรรดิเฉียนหลงและอื่นๆ ที่คนขอซื้อมูลค่าเป็นล้านๆหยวนเเต่เธอไม่ยอมขาย เเต่เธอตัดสินใจให้ญาติเธอไปในตอนที่จะชวนเธอหนีไปอยู่ที่ไต้หวัน) เเต่บางข้อมูลกล่าวว่า ทางบ้านพักคนชรามอบให้ทางญาติที่มาหาเธอในช่วงที่เสียชีวิต
#jarnmooChannel
#ประวัติศาสตร์จีน