จักรพรรดิถงจื้อ(จักรพรรดิองค์ที่10 ราชวงศ์ชิง)
🐉จักรพรรดิถงจื้อ (จักรพรรดิองค์ทที่10 ราชวงศ์ชิง)
#มหากาพย์ราชวงศ์ชิงตอนที่10
🔸จักรพรรดิถงจื้อ มีพระนามเดิมว่า อ้ายซินเจว๋หลัว ไจ้ฉุน(愛新覺羅·載淳) เป็นราชโอรสองค์เดียวในจักรพรรดิเสียนเฟิงกับพระสนมเย่เฮ่อน่าหลา(ซูสีไทเฮา)
🔸พระราชสมภพ 27 เมษายน ค.ศ. 1856
พระที่นั่ง Chuxiu พระราชวังต้องห้าม ปักกิ่ง
🔸ใน ค.ศ. 1861 จักรพรรดิเสียนเฟิงสวรรคต
พระราชโอรสไจ้ฉุน พระชนม์ 4 ชันษา ก็ได้สืบราชสมบัติต่อเป็นจักรพรรดิถงจื้อ เเต่จักรพรรดิถงจื้อซึ่งยังเล็กได้เสวยราชย์เป็นจักรพรรดิ
🔸โดยพระนาม "ถงจื้อ" (同治) มีความหมายว่า "สองพระนางฟังราชการ ขุนนางช่วยกันปกครอง" (อันหมายถึง พระพันปีหลวงฉืออันและพระพันปีหลวงฉือสีว่าราชการหลังม่าน โดยมีเหล่าขุนนางช่วยบริหารราชการ)
🔸อีกความเห็นหนึ่งเห็นว่า พระนามมาจากคำสอนของขงจื้อมีความหมายว่า"ระเบียบและมั่งคั่ง" ( วิธีปกครองมีหลายวิธี กล่าวถึงที่ทำให้ชาติรุ่งเรือง สรุปได้เป็น 2 คำ คือระเบียบและมั่งคั่ง ส่วนการปกครองที่นำชาติสู่ความย่อยยับ สรุปได้ 2 คำเช่นกันคือยุ่งเหยิงและโกลาหล )
🔸โดยพระนางซูสีไทเฮายึดอำนาจรัฐจากองคมนตรี แล้วขึ้นสำเร็จราชการแทนจักรพรรดิพระองค์น้อยพร้อมด้วยซูอันไทเฮา (慈禧太后) พระอัครมเหสีของจักรพรรดิเสียนเฟิง
🔸ในปีค.ศ. 1872 เมื่อสมเด็จพระจักรพรรดิถงจื้อมีพระชนมพรรษา 17 พรรษา พระพันปีหลวงทั้งสองพระองค์ต่างมีพระราชประสงค์จะให้ได้ทรงอภิเษกสมรสกับสตรีที่ตนคัดสรรเอาไว้แล้ว
🔸โดยฝั่งของ ซูอันไทเฮา ทรงหมายพระเนตรสตรีแมนจูผู้มากคุณสมบัตินางหนึ่งจากสกุล “อาลู่เท่อ” จากดินเเดนมองโกล (ต่อมาเป็นจักรพรรดินีเซี่ยวเจ๋ออี้) เเละช่วงหลังๆก็จะไม่ถูกกับซูสีไทเฮาด้วยครับ
🔸เเต่ทางฝั่งของ ซูสีไทเฮา มีพระราชดำริจะให้สมเด็จพระจักรพรรดิได้อภิเษกสมรสกับข้าหลวงในพระองค์นางหนึ่งจากสกุล “ฟูจา”(ต่อมาเป็น ชูเชิ่นหฺวังกุ้ยเฟย์)
🔸เเต่ในที่สุด จักรพรรดิถงจื้อมีพระราชวินิจฉัยเลือกพระนางอาลู่เท่อเป็นพระอัครมเหสี (โดยพระนางซูสีไม่พอใจมากเท่าไหร่ ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพระพันปีทั้งสองคือพระนางซูอันไทเฮาและพระนางซูสีไทเฮาเรื่อยมา)
🔸โดยโปรดให้มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมรสขึ้นในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1872 ส่วนสตรีที่ซูสีไทเฮาทรงเลือกสรรไว้นั้น โปรดรับเอาไว้เป็น พระชายา
🔸ในระหว่างที่สมเด็จพระจักรพรรดิทรงบริหารราชการแผ่นดินด้วยพระองค์เองใน ค.ศ. 1873— ค.ศ. 1875 ได้ทรงตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการปฏิสังขรณ์พระราชวังหยวนหมิงหยวน (圆明园)
🔸ที่ถูกเผาทำลายไปในช่วงสงครามฝิ่น โดยทรงปรารภว่า จะทูลเกล้าฯ ถวายเป็นของขวัญแด่พระพันปีหลวงทั้งสองพระองค์
🔸ซึ่งพระราชวังหยวนหมิงหยวนจะตั้งอยู่ตอนเหนือของกรุงปักกิ่ง และได้รับการขนานนามจากนานาชาติว่าเป็น "ที่สุดแห่งสวน"
🔸เเต่นักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่า ความจริงแล้วสมเด็จพระจักรพรรดิมีพระราชประสงค์จะให้ซูสีไทเฮาเสด็จแปรพระราชฐานไปให้ไกลๆจากพระราชวังหลวง
🔸เพื่อที่จะได้ทรงบริหารพระราชภาระได้โดยไม่ต้องมีผู้ใดคอยควบคุมอีกต่อไป โดยท้องพระคลังมหาสมบัติร่อยหรอลงไปจนเหลือเพียงน้อยนิดเนื่องเพราะใช้จ่ายไปการสงครามกับต่างชาติและการปราบปรามอั้งยี่ซ่องโจรภายใน เเละใช้จ่ายอื่นๆอีกมากมาย
🔸ทำให้สมเด็จพระจักรพรรดิจึงมีพระราชกระแสรับสั่งให้คณะกรรมการบริหารพระคลังมหาสมบัติกระทำการใด ๆ ให้ได้มาสู่พระคลังซึ่งเงินและทรัพย์สิน กับทั้งรับสั่งให้พระบรมวงศ์ ข้าราชการชั้นสูง และผู้มีบรรดาศักดิ์ทั้งปวงช่วยกันบริจาคเงินและทรัพย์สินให้แก่พระคลัง
🔸ในการนี้ พระองค์ได้ทรงติดตามและตรวจสอบผลการดังกล่าวด้วยพระองค์เองด้วย แต่ก็มีผู้ขอพระราชทานให้ทรงงดการปฏิสังขรณ์พระราชวังหยวนหมิงหยวนเสีย (ประมาณว่าเอาเงินส่วนนี้มาบริหารบ้านเมืองให้เข้าสู่สภาวะปกติก่อนดีไหม) ซึ่งสมเด็จพระจักรพรรดิไม่ทรงสบพระราชอารมณ์อย่างยิ่ง
🔸จึงมีพระบรมราชโองการให้ปลดเจ้าชายกงซึ่งทรงมีส่วนร่วมในการห้ามปฏิสังขรณ์ ออกจากฐานันดรศักดิ์ในพระราชวงศ์ กลายเป็นสามัญชน
🔸เเละไม่กี่วันถัดจากนั้นได้มีพระบรมราชโองการให้ปลด เจ้าชายเตวิน , เจ้าชายฉุน, เจ้าชายอี้จวน , เจ้าชายอี้ฮุย , เจ้าชายชิง ตลอดจนข้าราชการและรัฐบุรุษคนอื่น ๆ ที่เข้าชื่อทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาดังกล่าว เช่น พลเอกเจิงกั๋วฝัน, หลี่หงจาง, เหวินเสียง ฯลฯ ออกจากจากฐานันดรศักดิ์ในพระราชวงศ์ บรรดาศักดิ์ และตำแหน่งหน้าที่ทางราชการทั้งสิ้น
🔸ทำให้พระองค์ทรง ถูกซูสีไทเฮาบังคับพระราโชวาทแนะนำให้ทรงยกเลิกพระบรมราชโองการปลดพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการเหล่านั้นเสีย
🔸เป็นเหตุให้สมเด็จพระจักรพรรดิทรงเสียพระราชหฤทัยนักที่ไม่อาจทรงบริหารพระราชอำนาจได้อย่างเด็ดขาด และทรงระบายพระราชอารมณ์ด้วยการเสด็จประทับโรงหญิงนครโสเภณี
🔸(เเต่อีกข้อมูลหนึ่งก็ว่า พระองค์มีร่างกายไม่เเข็งเเรงมาตั้งเเต่ยังเด็กๆ ซึ่งอาจจะเป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปเที่ยวโรงหญิงโสเภณี เเต่น่าจะเกิดจากนางสนมในวังบวกกับร่างกายของพระองค์ก็ไม่ค่อยเเข็งเเรง)
🔸ต่อมาก็ประชวรพระโรคซิฟิลิส ซึ่งโบราณเรียก “โรคสำหรับบุรุษ” เกิดจากการสัมผัสหรือร่วมประเวณีกับผู้ป่วยโรคนี้ ซูสีไทเฮาจึงมีพระราชเสาวนีย์ให้คณะแพทย์หลวงเข้าตรวจพระอาการ
🔸พบว่าสมเด็จพระจักรพรรดิประชวรพระโรคซิฟิลิสจริงเมื่อทรงทราบแล้วซูสีไทเฮาทรงเตือนให้คณะแพทย์เก็บงำความข้อนี้เอาไว้
🔸คณะแพทย์จึงจัดทำรายงานเท็จเกี่ยวกับพระอาการแทน โดยรายงานว่าสมเด็จพระจักรพรรดิประชวรไข้ทรพิษ และถวายการรักษาตามพระอาการไข้ทรพิษ อันไข้ทรพิษนั้นมีลักษณะและอาการแต่ผิวเผินคล้ายคลึงกับโรคซิฟิลิส และชาวจีนยังนิยมว่าผู้ป่วยเป็นเป็นไข้ทรพิษถือว่ามีโชค
🔸เเต่อย่างไรก็ดี เมื่อสมเด็จพระจักรพรรดิประชวรนั้น ซูสีไทเฮาได้ทรงประกาศในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระจักรพรรดิว่า สมเด็จพระจักรพรรดิประชวรไข้ทรพิษ ถือเป็นมงคลแก่บ้านเมืองและในระหว่างการรักษาพระองค์นี้
🔸ทำให้จักรวรรดิถงจื้อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ซูสีไทเฮาและซูอันไทเฮาเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระจักรพรรดิถงจื้อจึงเสด็จสวรรคตในวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1875 (พระชนมายุ 19 พรรษา)
...............................................................................
🐉พระบรมวงศานุวงศ์🐉
-พระราชบิดา: จักรพรรดิเสียนเฟิง
-พระราชมารดา:จักรพรรดินีเสี้ยวชินเสี่ยน (ซูสีไทเฮา)
🔸ฮองเฮา (皇后)
-เซี่ยวเจ๋ออี้ฮองเฮา (孝哲毅皇后) จากสกุลอาหลู่เท่อ (阿魯特)
🔸หวงกุ้ยเฟย (皇貴妃)
-ซูเซิ่นหวงกุ้ยเฟย (淑慎皇贵妃) จากสกุลฟู่ฉา (富察)
-จวงเหอหวงกุ้ยเฟย (莊和皇貴妃) จากสกุลอาหลู่เท่อ (阿魯特)
-จิ้งอี้หวงกุ้ยเฟย (敬懿皇贵妃) จากสกุลเฮ่อเซ่อหลี่ (赫舍里)
-หรงฮุ่ยหวงกุ้ยเฟย (榮惠皇貴妃) จากสกุลซีหลินเจวี๋ยหลัว (西林覺羅)
🔸พระราชโอรสและพระราชธิดา
(ไม่มีพระราชโอรส-ธิดา)
#jarnmooChannel
#มหากาพย์ราชวงศ์ชิง