มนุษย์แกะแห่งเพนซิลเวเนีย: แกะร้ายในร่างอสูร
แกะ สัตว์เลี้ยงปศุสัตว์แสนน่ารักที่นุ่มฟู มีขนหลากหลายสีสันและเป็นเพื่อนของมนุษย์แต่สมัยโบราณ แต่กระนั้นเอง เมื่อแกะที่เป็นเพื่อนแสนดีของมนุษย์กลายเป็นอสูรร้ายล่ะ จะมีหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่นะ วันนี้ เราจะพาทุกท่านเดินทางไปยังเมืองวอเตอร์ฟอร์ดในรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา เพื่อตามหาแกะที่ยืนสองขาแบบมนุษย์กัน ถ้าพร้อมแล้วไปกันเลย!
มนุษย์แกะแห่งวอเตอร์ฟอร์ด (Waterford Sheepman) เป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายแกะที่สูง 2 เมตร ยืนหลังโก่ง มีแขนหน้าเป็นมือคล้ายมนุษย์ที่มีส่วนผสมของกีบเท้า มีขนตามตัวคล้ายแกะ มีสีขาวหรือน้ำตาล หูยาวและมีใบหน้าอย่างแกะ แต่มีฟันแหลมคมในปาก มันมักปรากฏตัวที่สะพานในเมือง แต่ก็มีคนบอกว่าจริงๆ แล้วมันอาศัยอยู่ในถ้ำเป็นหลัก ซึ่งถ้ำนั้นอยู่ไกลออกไปอีกทางทิศตะวันออก
โดยมนุษย์แกะนั้น ถูกพบเห็นในปี ค.ศ. 1970 ซึ่งมีคนพบเห็นมันวิ่งผ่านถนนในช่วงเวลากลางคืนเข้าไปในป่า ชาวบ้านและผู้คนที่อาศัยอยู่แถวนั้นรู้จักมันดีและมีตำนานเล่าถึงมันมาบ้าง โดยจะบอกว่ามันกินเนื้อเป็นอาหาร ดุร้าย ชอบฆ่าสัตว์และมนุษย์ที่หลงไปใกล้ที่อยู่ของมัน
ริชาร์ด กิลเบร์ท (Richard Gilbreth) คนพื้นที่ได้บอกว่าเขาได้ทราบตำนานของมนุษย์แกะป่ามาจากปู่ย่าตายายที่ขู่เขาเวลาเขาดื้อในวัยเด็กแล้ว แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดเป็นเรื่องจริง และเมื่อมีเหตุการพบเห็น เขาจะเตือนผู้คนที่จะสัญจรไปมายังสะพานข้ามแม่น้ำในเมืองให้ระวัง เพราะอสูรกายตัวนี้ชอบยืนเฝ้าบนสะพานด้วย
เฮิร์บ คินนี่ (Herb Kinney) นักธุรกิจท้องถิ่นในเมืองวอเตอร์ฟอร์ด ได้พบกับสิ่งมีชีวิตตัวนี้ในขณะที่ขับรถกลับบ้าน เขาบอกว่ามันมีขนสีขาว มันดูคล้ายกับแกะที่เขารู้จัก แต่กลับยืนสองขาและแผดเสียงร้องแหลมสูงใส่รถของเขาก่อนจะกระโดดหายไปในไหล่ทางเข้าสะพาน มันทำให้เขากลัวมากจนต้องรีบเร่งรถกลับบ้านในทันที หลังจากนั้นเอง ก็จะมีพวกคู่รักที่มาพลอตรักที่สะพานแห่งนี้ ก็จะเจอกับมันทุกราย
มีสมมุติฐานมากมายเกี่ยวกับมนุษย์แกะตัวนี้ อาจจะเป็นการทดลองตัดต่อพันธุกรรมหรือการกลายพันธุ์ หรือการอัญเชิญปีศาจด้วยไสยเวทย์ บางคนก็บอกว่าอาจจะเป็นหมีที่มีภาวะสีเผือกทำให้มีขนสีขาวดูแปลกตาผิดจากหมีที่ปกติจะมีสีน้ำตาลหรือดำ แต่สมมุติฐานที่น่าเชื่อถือที่สุดนั้น กล่าวว่ามันอาจจะเป็นฆาตกรโรคจิตที่ชอบโจมตีคู่รักก็เป็นได้ ทุกวันนี้การพบเห็นมนุษย์แกะไม่ได้ถูกค้นพบอีกแล้ว และจนทุกวันนี้ก็กลายเป็นปริศนาตำนานเมืองประจำเมืองนี้ไปในที่สุด