สมุนไพรไทย ปลูกง่าย โตเร็ว มีประโยชน์ต่อร่างกาย
กะเพรา Holy Basil
เป็นพืชที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตได้ในดินเกือบทุกชนิด หลังปลูกอายุได้ 70 วัน สามารถเก็บส่วนยอด และ ใบ มาทำอาหารได้ ยิ่งเด็ดยิ่งแตกยอดใหม่ทดแทน เมื่อออกดอกควรตัดช่อดอกที่แก่ออก เพื่อช่วยยืดอายุของต้น เนื่องจากกะเพรามีกลิ่น และรสที่รุนแรง จึงช่วยกระตุ้นต่อมน้ำลายเรียกน้ำย่อย นิยมใช้ปรุงแต่งกลิ่น และดับคาวในอาหารจานเนื้อ ช่วยแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน เป็นน้ำมันหอมระเหยใช้หยดในอ่างอาบน้ำ มีกลิ่นที่หอมสดชื่น กะเพราะที่นิยมปลูกมีกะเพราะขาว ซึ่งมีใบสีเขียว และกะเพราะแดงที่มีใบสีม่วงเข้มแกมน้ำตาล
วิธีการปลูก (เพาะเมล็ด)
1.การปลูก ใช้เมล็ด 3 - 4 เมล็ด โรยในกระถางขนาด 4 - 6 นิ้ว ที่เตรียมดินดีแล้ว ใช้ฟางกลบ หรือปุ๋ยคอกโรยทับบาง ๆ
2.รดน้ำตามทันที ควรใช้ฟักบัวรดน้ำต้นไม้รูเล็ก ๆ
3.ประมาณ 7 วัน เมล็ดจะงอกเป็นต้นกล้า รอจนต้นกล้าอายุ 1 เดือน ก็ค่อย ๆ ถอนแยกจัดระยะต้น ให้มีระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 20-30 เซนติเมตร
4.เมื่อต้นกล้าโตเต็มที่ก็เก็บใบมารับประทาน
ส่วนผสมของดินปลูก ดิน 2 ส่วน ทราย 1 ส่วน ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยคอก 1 ส่วน ชอบดินร่วนซุย เป็นพืชที่ชอบแดด
ตะไคร้ Lemongrass
ใช้ปรุงกลิ่นแกง หรือ ยำ ให้หอม ความหอมจากน้ำมันหอมระเหย มีคุณสมบัติลดการบีบตัวของลำไส้ แก้จุกเสียดแน่นท้อง ควรกินเสริมกันไปในอาหารให้สมดุล กลิ่นหอมของตะไคร้ช่วยไล่ยุงไล่แมลงบางชนิดได้
วิธีการปลูก (ปักชำ)
1.ใช้ต้นและเหง้า 2 - 3 ต้น ตัดใบทิ้งให้เหลือต้นยาวประมาณ 15 - 20 ซม.
2.ปักชำลงในกระถางใบใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลาง 10 -12 นิ้ว ที่เตรียมดินไว้
3.ปักเหง้าตะไคร้ลงดินให้มีลักษณะเอียง 45 องศา ลึก 5 เซนติเมตร จำนวนหลุมละ 2 ต้น
4.จากนั้นรดน้ำให้ชุ่มบริเวณหลุมปลูก
5.ตั้งไว้ในที่ที่โดนแดด ใส่ปุ๋ยคอกเป็นครั้งคราว ไม่นานก็แตกกอใหญ่
ส่วนผสมของดินปลูก ดิน 2 ส่วน ทราย 1 ส่วน ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยคอก 1 ส่วน ขึ้นได้ดีในดินเกือบทุกชนิด ยกเว้นดินเหนียว
ขิง Ginger
ยอดอ่อนกิน เป็นผักสดกับอาหารรสจัดต่าง ๆ ใช้เป็นสารกันบูดกันหืนได้ดี มีมากในฤดูฝน เหง้าอ่อนใช้ปรุงอาหาร ช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์โดยเฉพาะเนื้อปลา เหง้าขิง และ ใบขิงมีรสเผ็ดร้อน ช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อที่เกิดจากอาหารไม่ย่อย แก้อาการเมารถ ไมเกรน ลดคอเลสเตอรอล และอาการปวดตามข้อ หน่ออ่อนจะมีรสเผ็ดร้อน
วิธีการปลูก (ปักชำ)
1.การปลูกใช้เหง้า แก่หั่นเป็นท่อน ๆ ยาวท่อนละ 2 นิ้ว ซึ่งมีตาประมาณ 2 - 3 ตา
2.ฝังลงในหลุมลึกประมาณ 4 – 5 เซนติเมตร หลุมละ 1 ท่อน ระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 25 – 35 เซนติเมตร
3.รดน้ำให้ชุ่มตั้งทิ้งไว้ในร่มรำไร
4.รดน้ำใส่ปุ๋ยถึง ทุก 2 เดือน และโกยดินกลบต้นในเดือนที่ 2 และ 3 จะเจริญเติบโตดีขึ้น
ส่วนผสมของดินปลูก ดินเหนียว 2 ส่วน ทราย 1 ส่วน ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยคอก 1 ส่วน ชอบดินร่วนซุย หรือดินเหนียวปนทรายที่มีอินทรีย์วัตถุสูง มีการระบายน้ำได้ดี ไม่ชอบน้ำขังแฉะ เป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก ขึ้นได้ดีในที่ที่มีแสงแดดรำไร
สะระแหน่ Marsh mint
สะระแหน่ปลูกเป็นไม้คลุมดิน หรือ ไม้กระถาง เป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี ใบใช้โรยหน้าอาหารรสจัด อย่างเช่น ลาบ ก้อย พล่า น้ำตก เพื่อดับกลิ่นคาว และปรุงแต่งกลิ่นอาหารให้น่ากินยิ่งขึ้น ใบทำให้ชุ่มคอ เป็นยาขับลม ถอนพิษไข้ ปวดศีรษะ ตาแดง แก้เจ็บคอ ตำพอก หรือ ทา แก้ปวดบวม ผื่นคัน
วิธีการปลูก (ปักชำ)
1.เลือกกิ่งสะระแหน่ที่ไม่แก่ หรือ อ่อนเกินไป
2.ปักจิ้มลงไปในแปลงเพาะชำ หรือแปลงปลูก
3.ปักให้กิ่งเอนทาบกับดิน รดน้ำให้ชุ่ม แต่อย่าให้ถึงกับแฉะ
4.แล้วโรยแกลบทับกลบดิน เพื่อรักษาความชุ่มชื่นให้หน้าดิน และเมื่อแกลบผุ ก็จะกลายเป็นปุ๋ยต่อไป ประมาณ 4-5 วัน จะแตกใบ แตกยอดเลื้อยคลุมดิน
ส่วนผสมของดินปลูก ดิน 2 ส่วน ทราย 1 ส่วน ปุ๋ยหมัก 1 ส่วน ชอบดินร่วนซุยระบายน้ำได้ดี เป็นพืชที่ชอบความชุ่มชื้น แต่ไม่แฉะ ไม่ชอบแดดจัดจนเกินไป นำไปวางไว้ในที่แดดรำไร รดน้ำสม่ำเสมอ ถ้าใช้น้ำคาวปลารดจะยิ่งแตกยอดงาม
ช้าพลู Wild Betel Leaf
นิยมปลูกเป็นไม้คลุมดิน ใบมีกลิ่นหอม รสเผ็ดเล็กน้อย นิยมกินเป็นผักสด ห่อเมี่ยงคำ กินกับส้มตำ ลาบ ซอยใส่ข้าวยำและแกงคั่ว หรือใส่แกงเนื้อสัตว์เพื่อดับคาว อย่างเช่น แกงคั่วหอยขม แกงอ่อม มีสรรพคุณบำรุงธาตุ ขับเสมหะ ช่วยเจริญอาหาร ขับลมในลำไส้ และมีสารต้านมะเร็ง แต่มีแคลเซียมออกซาเลตสูง ควรกินร่วมกับเนื้อสัตว์ จะช่วยป้องกันนิ่วในไต
วิธีการปลูก (ปักชำ)
1.ปลูกโดยใช้ลำต้นที่มีข้อ 3 - 5 ข้อ ปักชำ หรือ ใช้ไหล หรือ ต้นที่มีรากติดอยู่ ปักชำในกระถางที่เตรียมดินไว้
2.แต่ละกิ่งก้านที่ปักชำให้มีระยะห่างกันราว 10-15 เซนติเมตร
3.รดน้ำให้ชุ่มชื่นอยู่เสมอ
ส่วนผสมของดินปลูก ดิน 2 ส่วน ทราย 1 ส่วน ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยคอก 1 ส่วน ชอบดินชื่นแฉะ ชอบแสงแดดพอสมควร