นักบินคนแรกที่กระโดดร่มจากห้องนักบินโดยไม่มีบ่อนดีตัว: แอร์โคโมดอร์ เอ็ม.เอ. ทัมพลี และความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์
ในยุคที่การบินยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีการบินเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความปลอดภัยของนักบินก็เป็นหนึ่งในหัวข้อที่ได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากอุบัติเหตุทางอากาศเกิดขึ้นบ่อยครั้ง การพัฒนา "บ่อนดีตัว" หรือ "ejection seat" จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญยิ่งยวด อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เทคโนโลยีนี้จะถูกพัฒนาขึ้น นักบินยังต้องพึ่งพาทักษะส่วนตัวและความกล้าหาญในการเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์วิกฤตในอากาศ
หนึ่งในนักบินที่ได้รับการจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์การบินในฐานะผู้ที่สามารถกระโดดร่มจากห้องนักบินโดยไม่มีบ่อนดีตัวเป็นคนแรก คือ แอร์โคโมดอร์ เอ็ม.เอ. ทัมพลี (Air Commodore M.A. Tamplin) แห่งกองทัพอากาศอังกฤษ (Royal Air Force) ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้เห็นถึงความสามารถและความกล้าหาญของนักบินยุคแรก ๆ
เหตุการณ์สำคัญนี้เกิดขึ้นในปี 1926 เมื่อแอร์โคโมดอร์ เอ็ม.เอ. ทัมพลี บังคับเครื่องบินแบบ Bristol Fighter ซึ่งเป็นเครื่องบินรบที่มีห้องนักบินแบบเปิด (open cockpit) ขณะบินอยู่ในท้องฟ้า เครื่องบินเกิดขัดข้องอย่างกะทันหัน เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะละทิ้งเครื่องบินและกระโดดร่มออกมา ซึ่งในยุคนั้นถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์ที่ช่วยนักบินในการดีตัวออกจากเครื่องบินได้อย่างอัตโนมัติ
การกระโดดร่มของทัมพลีในครั้งนั้นไม่เพียงแค่เป็นการเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่นักบินจะสามารถเอาชีวิตรอดจากเครื่องบินที่มีปัญหาได้โดยไม่จำเป็นต้องมีบ่อนดีตัว ซึ่งในเวลานั้นยังไม่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างแพร่หลาย
ความสำเร็จของทัมพลีไม่เพียงแต่สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักบินคนอื่น ๆ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาระบบความปลอดภัยในเครื่องบินที่ทันสมัยขึ้น ซึ่งนำไปสู่การสร้างบ่อนดีตัวที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในเวลาต่อมา
แม้ว่าการกระโดดร่มจากเครื่องบินที่กำลังบินอยู่จะยังคงเป็นการกระทำที่มีความเสี่ยงสูง แต่ความกล้าหาญและการตัดสินใจที่รวดเร็วของแอร์โคโมดอร์ เอ็ม.เอ. ทัมพลี ได้สร้างประวัติศาสตร์และกลายเป็นบทเรียนสำคัญในวงการการบิน เป็นตัวอย่างของความกล้าหาญและความมุ่งมั่นที่จะเอาชีวิตรอดในสถานการณ์วิกฤต
ด้วยเหตุนี้ ชื่อของแอร์โคโมดอร์ เอ็ม.เอ. ทัมพลี จะยังคงถูกจดจำในฐานะนักบินผู้กล้าหาญที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การบินไปตลอดกาล