เรื่องสั้นหลอนหักมุม ตอน มือที่สาม
มือที่สาม
ความรักคืออะไรนั่นคือสิ่งที่ชั้นเคยสงสัยมาตั้งแต่เด็ก เพราะตั้งแต่จำความได้ชั้นก็ไม่เคยรู้จักสิ่งที่เรียกว่าความรักเลย เพราะตั้งแต่ชั้นจำความได้พ่อกับแม่ของชั้นก็แยกทางกันจนชั้นต้องมาอยู่กับคุณยายที่เลี้ยงชั้นมาจนเติบโต จนเมื่อคุณยายเสียชั้นก็หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด ส่วนความรักนะหรอ ลืมคิดไปได้เลยเพราะชั้นสนใจแต่เรื่องงาน เพราะตั้งแต่ที่คุณยายเสียค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เคยได้จากสวัสดิการของรัฐก็หายไป จนชั้นต้องออกมาหาที่อยู่เองไหนจะต้องเรียนไปทำงานไปอีกใครจะเอาเวลาไปมีแฟนกัน แต่ถึงแบบนั้นชั้นก็เชื่อในความรักเพราะเมื่อมีเวลาว่างชั้นก็จะซื้อหนังสือนิยายรักโรแมนติกมาอ่าน หรือไปดูภาพยนตร์รักและก็แอบหวังเล็กๆ ว่าชั้นจะได้เจอรักแท้ซักครั้ง และโชคชะตาก็กำหนดให้ชั้นได้เจอเอนมุคุง เราพบกันในร้านหนังสือระหว่างที่ชั้นกำลังดูสมุดนำเที่ยวจนเราบังเอิญได้เจอกัน ตัวของเอนมุเขาเป็นผู้ชายธรรมดาที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นไปกว่าคนอื่น แต่สิ่งที่ทำให้ชั้นประทับในในตัวของเอนมุคุงคือความอบอุ่นจริงใจที่เหมือนรักแท้ที่ชั้นตามหามานานแสนนาน จนวันนึงความรักนั้นก็สุกงอมเบ่งบาน “ซายากะจังแต่งงานกับผมนะ” เอนมุคุกเข่าขอชั้นแต่งงานในวันคริสต์มาสที่มีหิมะตกลงมาซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แสนโรแมนติกจริงๆ ภายหลังจากแต่งงานเราสองคนได้ฮันนีมูนไปประเทศต่างๆ หลายที่ซึ่งแต่ละที่นั้นก็เป็นที่ที่ชั้นกับเอนมุชอบไปหนึ่งในนั้นก็คือประเทศอียิปต์ เพราะด้วยความที่เราชอบอะไรเหมือนๆ กันเราจึงเขากันและสนิทกันได้ง่าย
หลังจากฮันนีมูนเรียบร้อยเราสองคนก็ช่วยกันตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เพื่อสร้างตัวและอนาคตให้กับลูก และชั้นสัญญาว่าจะให้ความรักกับลูกของชั้นไม่ให้เขาขาดเหมือนที่ชั้นเคยมี แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้นชั้นกลับเจอเรื่องราวประหลาดเกิดขึ้นกับตัวเองไปเสียก่อน ทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่ชั้นกับเอนมุคุงแต่งานกันมาได้ปีเศษ ซึ่งแน่นอนว่าเราสองคนยังไม่พร้อมที่จะมีลูก และทั้งคู่ก็ยังรักในการทำงานจึงขอเวลาให้กับตัวเองในเรื่องนี้ ซึ่งเอนมุคุงก็เข้าใจและดูแลชั้นเป็นอย่างดี “อุ๊ย” ชั้นอุทานออกมาเสียงดังเมื่อถูกเศษธนูที่ซื้อมาจากอียิปต์บาดที่นิ้วนางข้างซ้ายจนเป็นแผล หลังจากวันนั้นชั้นก็รู้สึกแปลกๆ มันเหมือนข้างในตัวชั้นมีอีกร่างหนึ่งที่อยากออกมา พอตอนเช้าข้าวของในห้องมักจะถูกลื้อกระจัดกระจายทั้งที่ชั้นกับเอนมุก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ซึ่งแรกๆ เราก็คิดว่าอาจจะเป็นแผ่นดินไหวเพราะเราอยู่บนตึกสูงข้าวของอาจจะหล่นโดยที่เราไม่รู้ แต่พอเวลาผ่านไปสิ่งต่างๆ เริ่มจะรุนแรงขึ้นจากขาวของที่หล่นกระจัดกระจายคราวนี้เริ่มมีซากหนูตายอยู่ในห้อง จากทีละตัวบางทีก็มีถึงสิบตัวที่ชั้นเจอเมื่อตื่น ซึ่งชั้นกลัวสิ่งที่เกิดขึ้นมากๆ
“เราน่าจะติดกล้องวงจรปิดเพื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้นกัน” เอนมุบอกกับชั้นจนเราไปหากล้องมาติด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือกล้องถูกบางอย่างทำลายไป ซึ่งไม่ว่าจะติดกี่ตัวก็ถูกทำลายจนหมดจนชั้นเริ่มมองเรื่องนี้ไปทางผีวิญญาณว่าคือสาเหตุ จนไปหาหมอดูหรือร่างทรงต่างๆ ซึ่งตัวของเอนมุไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้แต่เขาก็ยอมให้ชั้นทำ ซึ่งแทนที่มันจะช่วยให้อะไรเบาลง ตรงข้ามมันกลับแย่ขึ้นเรื่อยๆ จากที่เคยมีแค่หนูตายมาคราวนี้เริ่มมีซากของนก กระรอกไปจนถึงสัตว์อื่นๆ ที่มาตายเมื่อชั้นตื่นนอนจนชั้นรู้สึกจิตตกกับเรื่องที่เกิดขึ้น “หรือชั้นจะเป็นบ้ากลางคืนออกมาทำอะไรแบบนี้โดยไม่รู้ตัว” ชั้นถามเอนมุ “ไม่ใช่หรอกถ้าคุณลุงขึ้นหรือทำอะไรผมต้องรู้ตัวซิ” เอ็นมุบอกกับชั้น เขาอยู่เคียงข้างชั้นเสมอไม่ว่าตอนไหน แต่ชั้นที่ไม่เชื่อก็เลยไปสืบหาว่าพ่อแม่ของชั้นที่ทิ้งชั้นไปคือใครและพวกท่านมีอาการทางจิตไหม
“นี่คือข้อมูลที่เราสืบมาได้ครับ” นักสืบที่ชั้นจ้างมาเอาเอกสารที่ได้จากโรงพยาบาลมาให้ชั้น ซึ่งก็ใช่พ่อแม่ของชั้นเสียไปแล้วหลังจากทิ้งชั้นไว้กับคุณยาย ซึ่งตัวของแม่นั้นมีอาการทางจิตหลังจากคลอดชั้น ท่านพยายามทำร้ายชั้นที่เป็นทารกจนพ่อต้องจับแม่แยกออกมา ซึ่งหมอบอกว่ามันคืออาการของแม่ที่มักจะเครียดหลังคลอดลูก แต่ของแม่นั้นเป็นหนักจนขั้นเป็นอาการทางจิต ซึ่งไม่นานท่านก็เสียชีวิตในโรงพยาบาลบ้า ส่วนคุณพ่อก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าชั้นที่เป็นลูกก็อาจจะได้รับสิ่งนี้ติดมาด้วย ชั้นจึงไปปรึกษาเรื่องนี้กับจิตแพทย์ เพราะตอนนี้อาการของชั้นมันเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จากแค่นอนตื่นขึ้นมาแล้วมีสัตว์ตาย มาคราวนี้ชั้นจะได้ยินเสียงกระซิบแว่วๆ ไปจนถึงเงาคนที่คอยติดตามและรู้สึกเหมือนถูกมองจากที่ไหนไม่รู้ตลอดเวลา จนชั้นเริ่มนอนไม่หลับเพราะกลัวว่าถ้าหลับไปชั้นจะตื่นขึ้นมาแล้วเจอตัวอะไรตายบนที่นอนอีก ซึ่งมันอาจจะเป็นเอนมุวันนึงก็ได้ชั้นคิดแบบนั้น
“ไม่มีทางต่อให้คุณเป็นบ้าผมก็รักคุณ” เอ็นมุบอกกับชั้น สิ่งที่เขาพูดมันทำให้ชั้นคิดถึงพ่อ เพราะเมื่อแต่เข้าโรงพยาบาลคุณพ่อก็มาดูแลคุณแม่ไม่ห่าง และบอกคุณยายว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับชั้นเมื่อโต นั่นคือสิ่งที่นักสืบบอกกับชั้นเมื่อเขาไปหาข้อมูลเรื่องนี้กับนางพยาบาลที่ดูแลแม่ ซึ่งตอนนี้เอนมุก็ทำแบบเดียวกัน ชั้นนี่เป็นคนที่โชคดีจริงๆ ชั้นเดินคิดอะไรเพลินๆ อยู่คนเดียว สิ่งที่เอนมุบอกมันช่วยให้จิตใจของชั้นที่กำลังหวาดกลัวให้มีกำลังใจมากขึ้น แต่เสียแว่วที่ได้ยินไปจนถึงภาพและความรู้สึกที่เหมือนมีคนมองก็ยังมีอยู่ จนชั้นรู้สึกหวาดระแวงตอนที่เดินกลับบ้าน “ปรี๊นนนนน” ระหว่างที่ชั้นกำลังเดินข้ามถนนเพื่อกลับบ้านตอนนั้นเองก็มีรถวิ่งมาด้วยความเร็วจะชนชั้น แต่วินาทีนั้นเองชั้นก็เห็นแขนขนาดใหญ่ที่เหมือนมือของผู้ชายพุ่งออกมาจากตัวของชั้น เพื่อกันชั้นไม่ให้โดนรถชน ซึ่งแทนที่ชั้นจะโดนรถชนแต่รถคันนั้นกลับบุบเป็นรอยมือซึ่งเป็นเรื่องแปลกมากๆ จนแม้แต่ตำรวจและคนแถวนั้นยังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ชั้นกลับมาบ้านและพยายามทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น ในตัวของชั้นจู่ๆ ก็มีมือที่สามออกมาช่วยชั้นเอาไว้ มือนี้เหมือนวิญญาณเทพผู้พิทักษ์ที่ดูแลชั้นให้ปลอดภัย และแทนที่ชั้นจะรู้สึกกลัวมือที่สามนั้นชั้นกลับรู้สึกปลอดภัยเสียด้วยซ้ำกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งพอชั้นเล่าเรื่องมือที่สามให้เอนมุฟังเขาก็ขำและคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกว่าเราจะมีมือที่สามที่สี่ได้อย่างไร แต่หลังจากวันนั้นชั้นก็ไม่ได้ยินเสียงแปลกๆ หรือตื่นมาเจออะไรแบบนี้อีกเลย “เพราะความรักของเอนมุเลยทำให้ชั้นหายคิดว่าตัวเองเป็นบ้า แถมยังมีมือที่สามคอยช่วยชั้นว่าชั้นเป็นคนที่โชคดีที่สุดเลย” ชั้นพูดกับเอ็นมุด้วยความดีใจ และคืนนั้นเองก็มีบางสิ่งเกิดขึ้น คืนนั้นชั้นต้องนอนคนเดียวเพราะเอนมุต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดจู่ๆ ในห้องนอนของเราก็มีงูเห่าเข้ามาในห้องนอน ตอนนั้นชั้นที่รู้สึกตัวตื่นก็ต้องในร้องออกมาขณะที่งูเห่านั่นจะฉกชั้น ตอนนั้นเองมือที่สามก็ออกมาจากร่างชั้นและจับงูเห่านั่นบีบจนตาย
ชั้นที่พยายามศึกษาค้นคว้าต่างๆ ก็ไม่รู้ว่ามือที่สามนั้นคืออะไรและมาจากไหน “ที่รักผมติดโอทีคงกลับบ้านสายคุณหาอะไรทานไปก่อนเลยนะ” เอนมุคุงโทรมาบอกชั้นระหว่างที่ชั้นกำลังหาข้อมูลในคอมพิวเตอร์ตัวเอง แต่ตอนนั้นเองจู่ๆ โน๊ตบุ๊คของชั้นก็เกิดจอฟ้าขึ้นมาจนต้องไปเล่นคอมพิวเตอร์ของเอนมุ ซึ่งแน่นอนว่าเราให้เกียติความเป็นส่วนตัวของอีกฝ่าย ซึ่งในคอมนั้นก็คงมีไฟล์งานมากมาย แต่ชั้นที่อยากรู้คำตอบเรื่องนี้จึงไปยืมคอมมาใช้ จนชั้นได้เจออะไรบางอย่างที่น่าสนใจในนั้นเมื่อจู่ๆ ก็มีอีเมลจากนักสืบที่ชั้นเคยจ้างส่งมาหาเอนมุ ภายในเมลนั้นเขียนถึงสิ่งต่างๆ ที่เขาทำกับชั้นไม่ว่าจะเป็นการเอาซากสัตว์มาทิ้งในห้องนอนทุกวัน ตามแอบดูและติดลำโพงไว้ที่โต๊ะทำงานชั้นเพื่อสร้างเสียงปลอมๆ ให้ชั้นรู้สึกกลัวและคิดว่าตัวเองเป็นบ้า รวมถึงการสร้างอุบัติเหตุรถชนปลอมๆ ไปจนถึงงูเห่าที่ชั้นเจอเมื่อคืนก็เป็นฝีมือของเอนมุและนักสืบคนนั้น แต่พอทำไปแล้วชั้นกลับไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นบ้า ทางเอนมุจึงจะไม่จ่ายเงินให้ขณะที่ทางนักสืบนั่นก็ขู่จะฟ้องชั้นเรื่องนี้ แต่ชั้นดันไปเห็นเมลนี้เสียก่อน
“เห็นแล้วซินะ” เสียงเอ็นมุพูดกับชั้นที่เงยหน้ามาเจอเขายืนอยู่พร้อมกับนักสืบคนนั้น “นี่ผมต้องลงทุนวางยาในคอมพิวเตอร์คุณเพื่อให้คุณมาเปิดคอมเพื่อเจอเมลของผมเลยนะรู้ไม๊” เอนมุพูดกับชั้น “คุณทำแบบนี้ไปทำไม” ชั้นถามด้วยความตกใจ “ก็ไม่มีอะไรผมก็แค่เบื่อคุณแล้วเท่านั้น พอดีผมเจอคนใหม่ที่สวยกว่าสาวกว่า แต่คุณก็เป็นคนดีนะแต่น่าเบื่อ ผมเลยคิดว่าถ้าคุณเป็นบ้าไปสมบัติก็จะเป็นของผมก็เท่านั้น ผมเลยจ้างนักสืบให้ไปหาประวัติปลอมๆ มาให้คุณกับการเล่นละครนิดหน่อย เพียงเท่านี้คุณก็จะเป็นบ้าแล้ว” เอนมุถือมีดมาทางชั้น “อย่านะเอนมุชั้นรักคุณ” ชั้นร้องออกมาด้วยความผิดหวัง “ผมก็รักคุณซายากะ คนดีแบบคุณไม่ควรมาเจอคนเลวๆ แบบผม” เอนมุพูดจบเขาก็แทงนักสืบคนนั้นจนล้มลง “คราวนี้ก็ถึงคราวของคุณ” เอ็นมุแทงไปที่คอมพิวเตอร์จนพัง “ทีนี้คุณก็ไม่มีหลักฐานเอาผิดผมได้ และก็ผมจะแทงตัวเองแล้วบอกตำรวจว่าคุณฆ่านักสืบและทำร้ายผม ทีนี้ถ้าคุณไม่บ้าคุณก็ต้องติดคุกยาวๆ ลาก่อนนะที่รัก” เอ็นมุพูดจบเขาก็เอามีดจะแทงตัวเอง แต่วินาทีนั้นเองมือที่สามก็มาจับมีดเอาไว้ “ว่าแล้วต้องเป็นแบบนี้ แต่ชั้นไม่ให้คุณทำหรอกนะ” ชายนักสืบที่ถูกแทงลุกขึ้นมาแบบงงๆ เพราะเขาไม่ถูกแทง และคอมพิวเตอร์ก็อยู่ดีไม่ถูกทำลาย แค่เครื่องที่พังคือเครื่องของชั้น เพราะมือที่สามช่วยไว้ได้ทันโดยที่ชั้นแค่คิดเท่านั้น “บอกแล้วว่าชั้นมีมือที่สาม” ชั้นเปิดเสื้อคลุมให้เห็นท้องของชั้นที่ใหญ่ขึ้น และมือมือยื่นออกมาจากท้องมาบีบคอเอนมุจนสลบ ขณะที่นายนักสืบนั่นที่เห็นภาพมือจากท้องของชั้นก็ตกใจวิ่งหนีไป รุ่งขึ้นเอ็นมุก็ถูกจับเขาสารภาพทุกอย่างและบอกตำรวจว่ามีมือยื่นออกมาจากท้องของชั้น ที่ตอนนี้มันก็แบนราบปกติไม่มีแบบที่เอ็นมุว่า ชั้นลูบท้องตัวเองเบาๆ ระหว่างยืนมองเอ็นมุขึ้นรถตำรวจไป....จบ