นิทานสอนใจ: ชาวนาผู้ฉลาดกับเป็ดย่าง
นานมาแล้วในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในประเทศจีน มีชาวนานามว่าหลิว อาศัยอยู่กับภรรยาและมีลูกถึงสิบคน ที่บ้านของเขามีเป็ดตัวผู้หนึ่งตัวที่เปรียบดั่งสมบัติ แต่ตอนนี้ค่าใช้จ่ายในบ้านก็สูงขึ้น และครอบครัวของพวกเขาถือศีลกินเจกันมานานเป็นธรรมเนียม จะยากดีมีจนแค่ไหนจะไม่นำสัตว์ที่เลี้ยงไว้มาฆ่ากินเอง ถ้าจะเลิกเลี้ยงสัตว์ก็ต้องนำไปมอบให้ผู้อื่นหรือส่งมอบให้คนอื่นนำไปทำอาหาร
หลิวกังวลว่าลูกๆ ของเขาทั้งสิบที่กินแต่พืชผัก ถ้าหากได้ทานเนื้อสัตว์ก็อาจจะเลิกถือศีลกินเจได้ เขาจึงตัดสินใจคิดว่าจะหาวิธีขายเป็ดตัวผู้ของเขา เพราะข้างๆ บ้านของนายหลิวมีเศษฐีนามว่าเศษฐีเล้า เป็นบ้านที่มีอาชีพร่ำรวยจากการขายส่งไข่เป็ด ซึ่งเป็ดของเขาล้วนเป็นเป็ดพันธุ์ดี และเจ้าเป็ดของนายหลิวมักจะแอบออกจากบ้านบินข้ามรั้วไปหาเป็ดตัวเมียเพื่อพยายามเกี้ยวพาราสี หากทำเช่นนี้ ลูกเป็ดของเศษฐีเล้าอาจจะเลือดชิดจนสูญเสียคุณภาพได้ เศษฐีเล้าจึงมาตำหนินายหลิวบ่อยๆ อีกเช่นเคย วันนี้เองก็เช่นกัน
"นายหลิว ท่านออกมาคุยกับข้าหน่อยสิ!" เศษฐีเล้าใช้ไม้เท้าเคาะประตูเสียงดังแต่เช้า นายหลิวที่กลับจากทำนาเก็บของและรีบแจ้นมา เขาเห็นว่าอีกฝ่ายอุ้มเจ้าเป็ดตัวผู้ของเขาที่ชอบหลุดออกจากบ้านกลับมาให้
"มีอะไรเหรอท่านเล้า เจ้ายาจิ่ว เป็ดตัวผู้ของข้ามันก่อเรื่องอีกแล้วเหรอ?" นายหลิวถามไปพลางโค้งหัวขอโทษ แต่อีกฝ่ายกลับโยนเจ้ายาจิ่วใส่หน้านายหลิว กระนั้นนายหลิวก็อุ้มเป็ดของตนกลับมาไว้ในอ้อมแขน
"ใช้ไม่ได้ จะซ่อมคอกเป็ดของเจ้าเสร็จชาติไหนนี่?! เป็ดตัวนี้บินข้ามมาและเล้าโลมเป็ดตัวเมียพันธุ์ดีของข้าไปแล้ว ถ้าลูกเป็ดที่เกิดมาเลือดชิดมีปัญหาส่งผลต่อผลผลิตของข้าเจ้าจะรับผิดชอบยังไง! เบี้ยวเลื่อนวันจะซ่อมอยู่นั่นแหละ!"
"ขออภัยขอรับ ข้าเองก็กำลังหาทางจะหาเงินมาซื้อไม้และเครื่องมือดีๆ มาซ่อมกรงอยู่ กระนั้นเองข้าก็หมดไปกับการลงทุนทำนาและส่งลูกๆ เรียนหนังสือกันหมดแล้ว ข้าจะรีบหาเงินมาซ่อมและดูแลเจ้ายาจิ่วให้ดี"
"เจ้าพูดแบบนี้มารอบที่สิบแล้วนะ! ถ้าไม่จัดการมันรอบหน้าข้าจะแจ้งทางการมาจับเจ้า! หึ จำไว้" นายเล้าเศษฐีขี้เหนียวคนนั้นเดินหนีออกมาอย่างไม่สนใจใยดีพลางทำปากบ่นราวกับกินรังแตนก็ไม่ปาน นายหลิวเองก็ถอนหายใจอุ้มเจ้ายาจิ่วยืนอยู่หน้าบ้านพลางคิดในใจ
เมื่อนึกขึ้นได้ เขาทราบว่ามีนายพลนามหวังซ่งอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ใจกลางเมืองที่เขาอยู่ นายพลผู้นี้เป็นผู้มีเกียรติ ได้รับเงินจากฮ่องเต้ บัดนี้เขาเกษียนอายุเพื่อรักษาตัวจากบาดแผลในการสงครามที่เกิดขึ้นที่เมืองข้างๆ อาศัยอยู่กับลูกหลาน เขาเป็นคนที่ใจดี มีบุญคุณต่อชาวบ้านและปฏิบัติดีปฏิบัติชอบต่อคนดีทุกคนโดยไม่สนว่าจะรวยจน และจะจัดการสั่งสอนลงโทษคนที่นิสัยไม่ดีที่ก่อภัยต่อเมือง เมื่อคิดได้ก็นึกได้ว่า หากนำเป็ดของตนไปมอบเป็นอาหารให้กับนายพลหวังซ่ง เขาอาจจะได้ประโยชน์มากกว่าก็ได้
ตอนสายๆ ใกล้เที่ยง นายหลิวหอบเจ้ายาจิ่วขึ้นใส่ย่ามผุๆ ที่หลังสะพายเดินทางเข้าเมืองพร้อมบอกลาลูกเมีย เมื่อเดินทางมาถึง เขาเคาะประตูคฤหาสน์ เมื่อแจ้งเรื่องกับองรักษ์เฝ้าแล้ว พวกเขาจัดแจงให้ท่านนายพลออกมาพบเขาเป็นการส่วนตัว
"ท่านหลิว ท่านเดินทางมาข้าไกลจากไร่นาของท่าน คงเหนื่อยน่าดู มีธุระอะไรรึ?" นายพลหวังซ่งกล่าว
"ท่านนายพล ข้ามีเป็ดนามว่ายาจิ่ว เป็นเป็ดบ้านธรรมดาไม่ได้เป็นเป็ดหรูหรากระไร ข้าอยากจะมอบเป็ดตัวนี้ให้ท่านรับประทานเป็นอาหารเที่ยงโดยไม่คิดเงิน ได้โปรดรับเป็ดตัวนี้เป็นสินน้ำใจจากข้าเถิดขอรับ ครั้งที่หมู่บ้านเมืองเรามีภัย ได้ท่านออกมาช่วยตั้งกองกำลังคุ้มกันก็เป็นบุญของพวกเราจริงๆ" เมื่อได้ฟังเช่นนั้น เขาเข้าใจในสิ่งที่นายหลิวต้องการจะทำ กระนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ และลุกขึ้นมาตรวจดูเป็ดของนายหลิว
"อืม เป็ดของเจ้าได้รับการเอาใจใส่ดีมาก อ้วนท้วนขนาดนี้จัดว่าก็เป็นของดี งั้นเราจะให้ครอบครัวของเราทานเป็ดย่างน้ำผึ้งเป็นอาหารเที่ยง เรารับมันแบบไม่คิดเงินไม่ได้หรอก แต่เราจะให้เจ้า 500 ตำลึงสำหรับค่าเป็ดตัวนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เจ้าต้องมาหาวิธีแบ่งเป็ดตัวนี้ให้ครบกับจำนวนคนในบ้านของข้านะ ถ้าเจ้าทำไม่ได้ เงินจำนวนนั้นจะเป็นโมฆะ"
"รับทราบขอรับ" นายหลิวรับข้อเสนอนั้นมา แน่นอนว่าเขาเป็นคนมีปัญญา ถึงไม่ได้เรียนสูงแต่ก็พอนึกวิธีแบ่งเป็ดและเหตุผลอยู่บ้าง แต่เขากลับไม่เคยทราบจำนวนของสมาชิกครอบครัวในคฤหาสน์นี้เลย
หลังจากพ่อครัวประจำบ้านปรุงเป็ดของนายหลิวเสร็จ เป็ดย่างน้ำผึ้งตัวโตผิวแดงสุกราวกับหินร้อนตกแต่งจานด้วยผักสวยงามและดอกไม้ป่าก็ถูกยกลงมายังโต๊ะอาหาร นายหลิวมองดูครอบครัวนี้ มีท่านนายพลและภรรยาของท่าน มีลูกสาวคนโตสองคน และลูกชายคนเล็กอีกสองคน เมื่อมองดูเป็ดย่างแล้ว เขาก็เกิดความคึดผุดเข้าหัวดุจสายฟ้าฟาดทันที
"เอาล่ะ ข้าจะแบ่งเป็ดตามนี้ ส่วนหัวของเป็ดไล่ถึงคอนั้น ขอมอบให้ท่านนายพลหวังซ่งและภรรยา เพราะเปรียบดังหัวหอกของครอบครัว บิดามารดาย่อมสำคัญต่อบุตรหลานจึงควรมาก่อนเสมอ จากนั้นส่วนปีกของเป็ดสองข้างขอมอบอย่างละส่วนให้กับลูกสาวคนโตทั้งสองของท่าน เมื่อพวกนางอายุถึงวัยพร้อมโบยบินก็จะได้แต่งงานกับชายที่มีชาติตระกูลดีตามที่ใจรัก และลูกชายทั้งสองของพวกท่านขอมอบขาเป็ดสองน่องนั้นให้แก่พวกเขา พวกเขาจะได้ร่ำเรียนหาเลี้ยงชีพได้และเดินเท้าออกหางานทำเมื่อถึงวัย ส่วนลำตัวของเป็ดนี้ ข้าขอรับไว้เองทั้งหมด จบการแบ่งเป็ดเพียงเท่านี้"
ท่านนายพลมองออกถึงความฉลาดของชายผู้นั้น เขาไม่คาดคิดว่ามีวิธีการแบ่งอันชาญฉลาดเช่นนี้ด้วย แต่เขาเองก็ทราบว่านายหลิวเป็นผู้ถือศีลกินเจ จะไม่กินเนื้อเป็ดแน่นอน แต่ที่เขาเลือกเก็บเป็ดไว้ เพื่อให้การแบ่งหารลงตัวและอย่างน้อยก็ถือเป็นการให้เกียรติแต่ตนเองที่เป็นผู้ริเริ่ม
"ดี ดีมาก เจ้าทำการแบ่งเป็ดได้อย่างชาญฉลาด เจ้านี่ช่างเปรียบดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทองเสียจริง ในอนาคตเจ้าจะใช้ปัญญาในการทำมาเลี้ยงชีพได้ แต่กระนั้นเอง เจ้าจงเอาลำตัวเป็ดที่เหลือกลับคืนมาให้พวกเราทั้งหมดกันก่อนเถิด เพราะเจ้าไม่ทานเนื้อสัตว์มิใช่หรือ"
"ขอบคุณที่ทักท้วงขอรับ ถ้าเช่นนั้นข้าจะขอหารเป็ดเป็นสองส่วน โดยตัดตามแนวยาวของลำตัวเป็ดจะได้สองซีก และจากนั้นตัดตามแนวขวางให้ได้ทั้งหมดอย่างละหกก้อน แบ่งให้จำนวนสมาชิกในบ้านให้เท่ากันหกคนขอรับ" เมื่อท่านนายพลได้ฟัง ก็กลับปลื้มใจในคำตอบอันชาญฉลาดนั้นอีก
เมื่อเสร็จมื้ออาหาร นายหลิวได้รับรางวัลเป็นเงิน 500 ตำลึง อุปกรณ์ก่อสร้างหนึ่งชุดสำหรับทำคอกสัตว์และซ่อมแซมเครื่องใช้แถมมาอีกชุดด้วย นายหลิวจึงได้กลับบ้านไปและเปิดร้านรับจ้างซ่อมข้าวของ มีลูกทั้งสิบคนมาเรียนรู้การซ่อมแซมของใช้ที่ชาวบ้านทุกคนนำมาให้ บ้านของนายหลิวก็พัฒนาจนมีฐานะดีขึ้นมา
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป เศษฐีเล้าได้ทราบเรื่องเข้า และได้ยินข่าวจากในตลาดถึงวีรกรรมการแบ่งเป็ดในมื้ออาหารของท่านนายพลหวังซ่ง จึงคิดจะเสี่ยงโชคบ้าง คราวนี้เขาจึงเลือกเป็ดพันธุ์ดีห้าตัวที่เหมาะจะนำไปทำเป็ดย่างขึ้นใส่เกวียนแบกไปยังบ้านของท่านนายพล และในใจของเศษฐีหวัง กลับคิดโลภและอยากจะรวยให้มากกว่านี้ จึงไม่ได้หวังจะมาแบ่งเป็ดด้วยนำใจอยู่แล้ว
เมื่อเศษฐีมาถึง ก็ถูกเชิญเข้าบ้านอย่างดี ท่านนายพลเรียกนายเล้าเข้าไปพบ
"อืม ท่านเถ้าแก่ เอาเป็ดห้าตัวพันธุ์ดีจากแดนไกลมาหาข้าถึงบ้านวันนี้ ท่านต้องการจะทำอะไรรึ?"
"ท่านนายพล ข้าซาบซึ้งในบุญคุณที่ท่านปราบกองทัพชั่วร้ายที่จะมาบุกปล้นบ้านของข้ายิ่งนัก วันนี้ข้าจึงอยากจะทำเป็ดย่างชุดใหญ่แบบจัดให้อิ่มสบายยาวๆ โดยมีเป็ดพันธุ์ดีห้าตัว ท่านสนใจจะลองดูไหมขอรับ?" เศษฐีเล้าแกล้งพูดทำตัวให้ดูดี แต่แน่นอนว่าจากคำตอบที่คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตนนั้นเอง ทำให้ท่านนายพลมองออกถึงการกระทำนั้น แต่ก็ยอมตามน้ำไป
"ได้สิ ข้าไม่ได้กินเป็ดเยอะขนาดนี้มาก่อนเลย ข้าจะให้ลูกๆ และภรรยามาทานอาหารมื้อนี้ด้วย เดี๋ยวเจ้ามาช่วยแบ่งเป็ดให้พอดีกับจำนวนคนด้วยนะ เจ้าจะรับเงินไหม? ข้ากะจะให้สัก 100,000 ตำลึงเลย"
"ส...แสนตำลึง! เทพทรงโปรด! ข้าต้องฝันไปแน่ๆ แต่ข้าขอยังไม่รับก่อนดีกว่า ไว้เสร็จธุระนี้ค่อยมารับก็ได้นะท่าน" เศษฐีกะจะโกหกแกล้งไม่รับ แต่จริงๆ แล้วเขามั่นใจว่าถ้าทำการแบ่งเป็ดย่างได้พอดี เขาก็สามารถขอได้รับเงินจำนวนมากเช่นกัน
"แต่ถ้าทำไม่ได้ เป็นค่าเสียเวลา เจ้าจะไม่ได้เงินนะ แต่ข้าจะให้ถ่านไม้ห้ากระสอบกับเจ้าและโบยเจ้าด้วยไม้ทันทีห้ารอบนะ" เมื่อได้ยินเช่นนั้น เศษฐีเล้าหน้าซีดเปลี่ยนสีหน้าแทบไม่ทัน แต่ก็ตัดสินใจตกลงพยักหน้ายอมรับต่อไป
เมื่อเป็ดย่างน้ำผึ้งทั้งห้ามาถึง เศษฐีเล้ากลับต้องมาแบ่งเป็ด แต่ทำอย่างไรก็ไม่พอดีกับคนหกคนที่อยู่ในบ้าน เขาลองอยูนานจนทุกคนหิวและทนไม่ไหว ท่านนายพลลุกขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึงและกล่าวเสียงดัง
"เจ้าทำไม่ได้งั้นรึ! เสียเวลาจริงๆ อุตส่าห์ไว้ใจแล้วแท้ๆ ว่าจะแบ่งเป็ดได้หมด ได้ ได้! ที่แท้เจ้าก็จะมาเอาเงินของข้าไปนี่เอง องค์รักษ์! เอามันไปโบยที่สวนหลังบ้านห้าทีด้วยไม้ไผ่ แล้วค่อยโยนกระสอบถ่านห้ากระสอบให้มันกลับบ้านไป!" เศษฐีเล้าที่ได้ยินกลัวฉี่ราดและน้ำตาแตกในจนเข่าทรุดในห้องอาหารน่าอับอายยิ่งนัก องค์รักษ์สองนายมาลากแขนหิ้วเศษฐีผู้นั้นออกไปในทันที แต่ก่อนที่จะไป ท่านนายพลได้บอกองค์รักษ์อีกสองนายที่ยืนเฝ้าตนอยู่ที่โต๊ะให้ไปตามนายหลิวมา
เมื่อนายหลิวขึ้นรถเกวียนมาถึงคฤหาสน์ เขาก็ได้รับรู้ถึงเรื่องทั้งหมดและอยากจะช่วยเศษฐีเล้าให้พ้นโทษ เพราะถึงจะเคยโดนนายเล้าดูถูกบ่นด่าสารพัด แต่เขากลับไม่เคยถือโทษเลย นายหลิวเลยดูโจทย์ที่ได้รับมาโดยพิจรณาเป็ดบนโต๊ะและนึกคำตอบออก
"อืม อันว่าตามหลักโบราณแล้ว ทุกสิ่งควรแบ่งให้มีสมดุลและพอดี เปรียบดั่งหยินและหยางที่เป็นสมดุลของจักรวาล พวกท่านทั้งหกคนสามารถแบ่งออกได้เป็นคู่ คู่ละสองคนเป็นเลขคู่ เมื่อหารลงตัวแล้วก็จะได้สามคู่ ดังนั้นเรามีเป็ดห้าตัว ต้องมอบเป็ดให้คู่ละตัวเป็นจำนวนทั้งสิ้นสามตัว ส่วนเป็ดอีกสองตัวข้าขอรับไว้เองทั้งหมด" จากคำตอบนั้น เขากลับทึ่งที่ชายผู้นี้นำคณิตศาตร์พื้นฐานมาใช้ด้วย ถ้าหากแบ่งจริงๆ ก็ตั้งใจทำได้ แต่นายหลิวกลับไม่กินเนื้อสัตว์นี่
"ท่านหลิว ขอบใจมากที่แบ่งเป็ดจนลงตัว แต่ว่า ท่านไม่ทานเนื้อสัตว์นี่?" ท่านนายพลทักท้วงอีกรอบ
"ท่านนายพลอย่าได้กังวลไป ข้ากำลังจะแก้โจทย์นี้ต่ออีกขั้น เป็ดที่เหลือจะมีอีกสองตัว ให้ตัดแบ่งออกเป็นสองส่วนตามแนวขวาง ส่วนท่อนบนและล่าง จากนั้นแบ่งครึ่งส่วนท่อนล่างไปอีกโดยตัดตามแนวยาวอีกสองส่วน ก็จะเท่ากับมีเป็ดชิ้นเล็กอีกหกชิ้นพอดีกับทุกคนจะได้แบ่งได้พอดี"
"อื้ม เก่งมากๆ เจ้าใช้คณิตศาตร์พื้นฐานแถมยังมีสติในการไขปัญหา เจ้ามาที่นี่ก็คงมาเพราะข้าเรียกมาสินะ?" ท่านนายพลถาม
"ท่านส่งองค์รักษ์ประจำตัวมาเรียกข้าเอง กระนั้นถึงจะไม่มีหมายเรียกหรือส่งรถมารับ ข้าก็จะเดินทางมาเองอยู่แล้วเพื่อมาช่วยนายเล้าเพื่อนบ้านของข้า ลูกเมียตอนนี้เป็นห่วงเขามาก กลัวว่าท่านจะสั่งลงโทษรุนแรงจนเขาอาการสาหัส ข้าไม่เคยโกรธถือโทษในสิ่งที่เขาทำ จึงใช้ปัญญาของตนลงมาช่วยเขาให้พ้นโทษ"
"เป็นคนดี ซื่อสัตย์ แล้วยังมีปัญญาอีก ท่านหลิวสามารถเป็นใหญ่เป็นโตในอนาคตได้เป็นแน่ เราต้องการคนเช่นนี้เพื่อพัฒนาบ้านเมืองประเทศชาติ แบบนี้สิดี ข้าจะมอบการคุ้มครองให้แก่เขา ท่านจะมีทุนทำเงินตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ ลูกหลานจะได้เรียนสูงๆ มากขึ้น เราจะจ่ายทุนนี้เพื่อช่วยท่าน ส่วนเศษฐีเล้า ยกเลิกการโบยแล้วเอาถ่านให้เป็นรางวัลก็พอที่เอาเป็ดมาแลก"
หลังจากวันนั้น นายหลิวได้กลายเป็นมหาเศษฐี แต่ก็ไม่เคยทิ้งนิสัยดีๆ ที่เขาเคยทำเหมือนเมื่อก่อนไว้ตามเคย ส่วนนายเล้าเศษฐีคนก่อน ก็ยอมรับนายหลิวและเลิกอคติกับเขาไปในที่สุด เพราะบัดนี้ทั้งสองได้เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันแล้วจากวีรกรรมในครั้งนั้น