ผักเคล Superfood ราชินีผักใบเขียว
คนไทยส่วนใหญ่ นิยมทานผักเคลอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ
ผักเคลใบหยิก (Curly Kale) สังเกตได้จากบริเวณใบผักจะมีรอยหยิกรอบ ๆ ตัวใบ ลำต้นมีความแข็ง ลักษณะคล้ายผักกาดหอม แต่รสชาติจะคล้ายกะหล่ำปลี รสชาติออกขมนิด ๆ นิยมนำมาทานเป็นสลัด หรือนำมาปั่นเป็นสมูทตี้
ผักเคลไดโนเสาร์ (Lacinato Dinosaur Kale) มีลักษณะใบตรง แต่จะมีรอยย่นบนเนื้อใบ รสชาติจะมีความขมน้อยกว่าเคลใบหยิก นิยมนำมาทำซุป หรือนำมาหั่นบาง ๆ เพื่อทำสลัด
ประโยชน์ของผักเคลต่อสุขภาพ
ช่วยในการลดน้ำหนัก
ผักเคลจัดเป็นอาหารที่ให้พลังงานต่ำ ประกอบด้วยน้ำ และใยอาหารสูง แต่มีแคลอรีต่ำ จึงเป็นอาหารที่เหมาะกับการควบคุมน้ำหนัก โดยผักเคลสด 1 ถ้วย หรือประมาณ 67 กรัม ให้พลังงานเพียง 33 แคลอรี ส่วนผักเคลที่ปรุงสุกแล้วจะให้พลังงานประมาณ 42 แคลอรี และมีไขมันต่ำเพียง 1.4 กรัม
ผักเคลปรุงสุกประกอบด้วยน้ำมากถึง 106 กรัม และใยอาหาร 7 กรัม ช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น และช่วยลดความอยากอาหาร จึงช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้ นอกจากนี้ ปริมาณน้ำในผักเคลยังช่วยในการขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายขับน้ำที่มีมากเกินไปได้
อุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิด
มีวิตามินเอ และวิตามินซีสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่ปกป้องเซลล์ในร่างกาย จากการทำลายของอนุมูลอิสระ อันเป็นสารที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย และนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ รวมถึงช่วยชะลอความเสื่อมของผิว ไม่ให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย มีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณ ทำให้ผิวกระจ่างใส และช่วยบำรุงเส้นผม เสริมให้รากผมให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
มีวิตามินเคสูง โดยผักเคล 1 ถ้วยมีวิตามินเคมากถึง 684% ของปริมาณวิตามินเคที่ร่างกายต้องการใน 1 วัน ซึ่งวิตามินเค มีส่วนช่วยในการแข็งตัวของเลือด และช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก จึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกเปราะได้
จากงานวิจัย พบว่า มีปริมาณแคลเซียมในผักเคลสูงกว่าการดื่มนมวัว เมื่อเทียบต่อแคลอรี ดังนั้นเมื่อทานผักเคลจะช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก บำรุงกระดูกให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
ลดคอเลสเตอรอล และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
ผักเคลประกอบด้วยสารที่จับกับกรดน้ำดี (Bile Acid Sequestrants) ที่ช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายดูดซึมคอเลสเตอรอลจากระบบทางเดินอาหารกลับเข้าสู่กระแสเลือดอีกครั้ง ช่วยให้ระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายลดลง
มีไฟเบอร์ และโพแทสเซียมสูง ช่วยลดระดับความดันโลหิต ช่วยลดโอกาสเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ไฟเบอร์ยังช่วยลดระดับไขมันเลวในเลือด (LDL) การมีไขมันเลวในเลือดมากเกินไป จะทำให้มีคอเลสเตอรอลไปเลี้ยงหลอดเลือดแดงมากเกินไป และทำให้หลอดเลือดแดงตีบ และมีความเสี่ยงเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ การลดระดับไขมันเลวในเลือด จึงช่วยลดโอกาสเกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจได้
บำรุงสายตา
วิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตาได้ ในผักเคล 1 ถ้วยนั้น มีวิตามินเอสูงถึง 206% อีกทั้งในผักเคลยังมีลูทีน (Lutein) ที่) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ช่วยปกป้องดวงตาจากรังสียูวี ลดโอกาสการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม และโรคต้อกระจก
ลดระดับน้ำตาลในเลือด
มีแมงกานีส ซึ่งเป็นแร่ธาตุ ที่มีหน้าที่เผาผลาญกลูโคส และไขมัน ทั้งช่วยในการผลิตและการหลั่งอินซูลิน การขาดแมงกานีส ทำให้ความทนทานต่อกลูโคสลดลง เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเบาหวานในอนาคต
งานวิจัยชิ้นหนึ่งระบุว่า เมื่อตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดของกลุ่มตัวอย่างที่รับประทานผักเคลปริมาณ 7 กรัมร่วมกับอาหารอื่น ๆ พบว่า ระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมงลดลง การรับประทานผักเคลจึงอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหลังรับประทานอาหาร (Postprandial Hyperglycemia)
มีไฟเบอร์ ช่วยลดระดับไขมันในเลือดได้ เมื่อระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดลดลง ความดันโลหิตจะกลับมาเป็นปกติ ไฟเบอร์ยังช่วยลดไขมันเลวในร่างกาย ป้องกันการจับตัวเป็นก้อนของไขมันในเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน ทำให้มีสรรพคุณช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้อย่างดี
ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง
ผักเคลเป็นผักในตระกูลกะหล่ำ ที่ประกอบด้วยสารกลูโคซิโนเลต (Glucosinolates) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้ผักมีรสขม และมีกลิ่นฉุน โดยสารนี้จะแตกตัวออกมาในกระบวนการย่อยอาหารกลายเป็นสารกลุ่มอินโดล (Indoles) และไอโซไธโอไซยาเนท (Isothiocyanates) มีคุณสมบัติ ช่วยกำจัดของเสียในร่างกาย มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ และป้องกันความเสียหายของเซลล์ จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด
มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี ซีลีเนียม และเบตาแคโรทีน ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้เองมีส่วนช่วยในการลดโอกาสเกิดมะเร็งได้ผ่านการป้องกันอาการอักเสบ และอาการผิดปกติของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ของผักเคลที่มีต่อการป้องกันมะเร็งยังไม่แน่ชัด จึงอาจต้องรอผลการศึกษาและวิจัยเพิ่มเติมในอนาคต