หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เรื่องสั้นกรุงเทพเมืองซอมบี้ ตอนที่ 11 จุดเริ่มต้นของจุดจบ

โพสท์โดย yongyee

ตอนที่ 11 จุดเริ่มต้นของจุดจบ

ค่ำคืนดึกสงัดท่ามกลางท้องทุ่งนาในหมู่บ้านกลางป่าที่ห่างไกลความเจริญ มีเพิงไม้หลังเล็กๆ ที่ปลูกอย่างง่ายๆ ด้วยหลังคามุงจาก ด้านข้างเพิงพักมีกองฟางสุมอยู่กับควายตัวผู้ที่กำลังเดินไปมาอยู่ในคอก ด้านในเพิงพักมีสองพ่อลูกกำลังนอนหลับพักกายอยู่ในนั้น

 

จ้อนเด็กชายวัย11ขวบที่มาช่วยพ่อเฝ้าควายตอนกลางคืน รู้สึกปวดฉี่จึงลุกขึ้นมากลางดึกเพียงลำพังโดยไม่ปลุกพ่อ เด็กชายเดินมาที่ด้านข้างของเพิง ก่อนจะยืนยิงกระต่ายท่ามกลางแสงจันทร์และหมู่ดาวบนฟากฟ้ายามค่ำคืน ท่ามกลางความมืดมิดของท้องฟ้ายามค่ำคืน หมู่ดาวทอแสงสว่างสว่างไสวกระพริบไปมาดูสวยงามอย่าน่าประหลาด จนทำให้เด็กชายเผลอยืนมองท้องฟ้าจนลืมรูดซิบกางเกงตัวเอง....

 

"บนนั้นจะมีอะไรอยู่บ้างนะ" เด็กชายพูดกับตัวเองระหว่างยืนเหม่อ "เอ๋....!!! ?? " จ้อนอุทานออกมาเบาๆ เมื่อจู่ๆ เขาก็เห็นดาวดวงหนึ่งบนท้องฟ้า กำลังตกลงมาบนพื้นใกล้จุดที่เขาอยู่

 

"วี๊ดดดดดดดดดด!!!! ตูม!!! " ดวงดาวที่พุ่งลงมานั้นส่งเสียงดังสนั่น พร้อมกลุ่มควันและเปลวไฟที่ลุกเป็นสีส้ม ก่อนจะระเบิดเสียงดังสนั่นไปทั้งหมู่บ้านเมื่อมันลงมาถึงพื้น

 

"เกิดอะไรขึ้น!!!! " พ่อของจ้อนสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ

 

"มีอะไรหล่นลงมาจากฟ้าก็ไม่รู้ครับพ่อ!!! " จ้อนตะโกนบอกพ่อด้วยความตกใจ

 

ไม่นานชาวบ้านคนอื่นๆ ที่ได้ยินเสียงระเบิด ต่างก็มาชุมนุมกันที่เพิงของจ้อนและพ่อ

 

"มันเป็นลูกไฟดวงโตหล่นลงมาจากฟ้าตรงนั้น แล้วก็ระเบิด ดังตูม!!! " จ้อนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทุกคนในหมู่บ้านฟัง

 

"ต้องเป็นผีพุ่งใต้แน่ๆ ผีพุ่งใต้ที่นำโชคนำลาภมาให้พวกเรา" ผู้เฒ่าผู้แก่ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน

 

"ตอนนี้มันมืดไปเดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยไปดูกัน" ผู้ใหญ่บ้านบอกกับทุกคนก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน

 

จนรุ่งเช้าเมื่อไฟสงบลงชาวบ้านหลายคนที่กล้าพอ จึงอาสาไปดูตรงจุดนั้นว่ามันคืออะไร ขณะที่จ้อนซึ่งเป็นเด็กก็ถูกห้ามไป แต่เขาแอบตามพวกผู้ใหญ่เข้าไป เพราะที่นั่นเขามาเที่ยวเล่นเป็นประจำกับเพื่อนๆ และเมื่อจ้อนตามผู้ใหญ่มาถึงในป่านั้นก็ถึงกับตกตะลึง เมื่อเห็นต้นไม้น้อยใหญ่ไหม้ไฟเป็นตอตะโกแหวกเป็นทางยาวหลายเมตร ก่อนจะจบลงที่หลุมขนาดใหญ่เกือบเท่าสนามฟุตบอล ตรงกลางหลุมมีวัตถุทรงกลมขนาดเท่าลูกฟุตบอลสีดำใสเหมือนแก้ว อยู่ท่ามกลางดินสีดำที่แตกกระจายไปคนละทิศภายในหลุม เหมือนหินเหล่านั้นเคยเป็นเปลือกห่อหุ้มลูกบอลลูกนี้มาก่อน

 

ชาวบ้านหลายคนยืนอึ้งพูดอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นสิ่งแปลกประหลาดนี้ จนกระทั่งมีหน่วยกล้าตายลงไปเอาลูกบอลนั้นขึ้นมาไว้ในหมู่บ้าน ด้วยความที่สิ่งนั้นเป็นทรงกลมและเปล่งประกายแวววาว จึงทำให้ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านเชื่อว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่พระเจ้าประทานลงมาแกคนในหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันตั้งศาลขึ้นมาตรงจุดที่มันตกและกราบไหว้บูชาเหมือนดั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์

 

วันเวลาผ่านเลยไปหลายเดือนอย่างรวดเร็ว จากวันที่สิ่งแปลกประหลาดตกลงมาจากฟ้า จนทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านแตกตื่นกับสิ่งที่เกิดขึ้น มาวันนี้ความตื่นเต้นเหล่านั้นได้หายไปจนหมด ไม่มีใครสนใจลูกบอลนั้นอีกแล้ว เรื่องราวของผีพุ่งใต้ที่ตกลงมาของจ้อนก็เป็นเรื่องที่ถูกลืม เพราะตั้งแต่ที่ชาวบ้านได้เจ้าสิ่งนี้มา ก็ไม่มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์อะไรออกมาเลย จึงไม่น่าแปลกที่สิ่งนี้จะถูกลืม

 

ศาลไม้ที่ชาวบ้านสร้างให้ตอนนี้ถูกทิ้งร้างอยู่ในป่าตรงจุดเดียวกับที่เจ้าสิ่งนี้ตกลงมา ไม่มีใครเข้ามากราบไหว้อีกแล้ว แม้แต่จ้อนก็ลืมเรื่องราวเหล่านั้นไปเช่นกัน

 

วันเวลาผ่านไปจนถึงช่วงปิดเทอมกลางเดือนเมษาที่ร้อนอบอ้าว จ้อนและเพื่อนชายอีกสองคนมาก็มาวิ่งเล่นยิงนกตกปลากันในป่า จนกระทั่งวิ่งมาถึงศาลไม้ที่อยู่ในป่า

 

"นี่มันศาลผีพุ่งใต้นี่นา ข้าจำได้ว่ามันตกลงมาจากฟ้า" จ้อนบอกกับเพื่อนอีกสองคนถึงความทรงจำครั้งเก่า

 

"ข้าไม่เห็นจำได้เลยว่ามีของแบบนี้อยู่" เพื่อนชายร่างอ้วนของจ้อนเกาหัวพูดออกมา

 

"เอ็งจำไม่ได้หรอว่ะไอ้ทอง ก็ไอ้ลูกกลมๆ ดำๆ ที่หล่นลงมาจากฟ้านั่นไง" จ้อนทบทวนความทรงจำของเพื่อน

 

"ไหนว่ะลูกดำๆ ข้าเห็นแต่ลูกทองๆ เอ็งขี้โม้ที่หว่า" เพื่อนร่างผอมตัวเล็กชะโงกหน้าไปดูในศาลเห็นลูกบอลสีทองที่ถูกปิดด้วยทองเปลววางอยู่ในศาล

 

"เดี๋ยวข้าหยิบมาให้ดูถ้าเอ็งไม่เชื่อ!!!! " จ้อนเดินไปที่ศาลไม้และหยิบลูกแก้วสีทองออกมาจากในศาล

 

"ไหนๆ สีดำตรงไหนกัน" เพื่อนร่างผอมของจ้อนคว้าลูกแก้วจากมือของจ้อนมาดู

 

"อย่างแย่งซิเดี๋ยวข้าขูดทองคำเปลวออกก่อนเอ็งจะได้เชื่อข้า!!! " จ้อนแย่งลูกแก้วคืนมาจากเพื่อน

 

"ข้าขูดเอง!!! " เพื่อนร่างผอมของจ้อนแย่งคืน

 

"เอามานี่!!! " จ้อนแย่งคืนด้วยท่าทางไม่พอใจ

 

ทั้งสองคนยื้อแย่งกันไปมาจนลูกแก้วนั้นก็ตกลงจากมือของเด็กชายทั้งสอง หล่นลงบนก้อนหินที่อยู่บนพื้น

 

"แกร๊ก....ฟู่!!!! ฟู่!!!! ฟู่!!!! " เสียงของลูกแก้วที่แตกดังขึ้นมาเบาๆ เมื่อมันกระทบลงก้อนหิน ก่อนจะมีเสียงดังฟู่คล้ายเสียงแก๊สรั่วพุ่งออกมาจากลูกแก้ว

 

"แค๊กๆ แค๊กๆๆๆ " เด็กชายทั้งสามคนลำลักควันที่พุ่งออกมาจากลูกแก้ว

 

"เหม็นจริงๆ เลย อย่างกะหมาเน่า!!!! " จ้อนเอามือปิดจมูกอุทานออกมาเสียงดัง

 

"พวกเอ็งทำอะไรกันตรงนั้น!!! " ลุงแก่ๆ คนหนึ่งที่เดินกลับมาจากสวน เห็นทั้งสามจึงตะโกนดุเสียงดัง

 

"ตัวใครตัวมันโว้ย!!!! " เด็กทั้งสามวิ่งหนีออกจากตรงนั้นด้วยท่าทางตกใจ ทิ้งลูกแก้วที่พ่นควันเหม็นๆ เอาไว้บนพื้นโดยไม่มีใครรู้

 

"ไอ้เด็กพวกนี้ ซนจริงๆ เลย!!! " ชายแก่ตะโกนด่าตามหลังพวกจ้อนที่วิ่งหนีไป

 

"เหม็นอะไรว่ะ!!! " ชายแก่บ่นดังๆ ก่อนจะเดินจากไป

 

สายลมที่พัดพาปลิวกลิ่นเหม็นที่ว่าลอยเข้าไปในหมู่บ้านโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว

 

ตกดึกคืนนั้นเองจ้อนก็มีอาการแปลกๆ เขาไอออกมาไม่หยุดหน้าซีดและมีเหงื่อออกเป็นจำนวนมาก

 

"ให้กินยาแล้วก็ไม่ดีขึ้นเลยพ่อเอ็ง แบบนี้คงต้องเรียกหมอจากในตัวเมืองมารักษาแล้ว" แม่ของจ้อนพูดด้วยความเป็นห่วงลูกชายของตน

 

"งั้นเดี๋ยวข้าไปบอกพ่อผู้ใหญ่ก่อนแล้วกัน เขาจะได้โทรไปแจ้งสาธารณะสุขแต่เช้า" พ่อของจ้อนรีบออกมาจากกระท่อมวิ่งตรงไปที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน ที่เป็นบ้านบ้านไม้แบบยกพื้นสูง

 

เมื่อพ่อของจ้อนมาถึงบ้านผู้ใหญ่ เขาก็พบกลุ่มคนอีกหลายคนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ก่อนตนแล้ว

 

"ลูกเอ็งก็มีอาการไม่สบายแบบแปลกๆ ด้วยใช่ไหมว่ะ!!! " ลุงผู้ใหญ่บ้านร่างอ้วนลงพุงหัวล้านนุ่งผ้าขาวม้า พูดกับพ่อของจ้อนเมื่อเห็นเขาวิ่งหน้าตาตื่นมา

 

"จ๊ะ ไม่รู้ว่าไปโดนอะไรมา เมื่อตอนเย็นให้แม่หมอรักษาแล้วแต่ก็ไม่หาย คงต้องพึ่งยาของในเมืองแล้วจ๊ะพ่อผู้ใหญ่" พ่อของจ้อนบอก

 

"ไม่ใช่แค่ลูกเอ็งหรอกที่เป็น ลูกชายข้ากับคนอื่นๆ ในหมู่บ้านก็เป็นโรคเดียวกัน" พ่อของทองเด็กชายร่างอ้วนพูดกับพ่อของจ้อน

 

"งั้นเอาแบบ นี้คืนนี้พวกเอ็งไปดูแลลูกๆ กับคนป่วยไปก่อน พอเช้าข้าจะโทรศัพท์ไปแจ้งกรมสาธารณะสุขที่อำเภอมาตรวจ ตอนนี้โทรไปก็ไม่มีใครรับสายหรอก ไปๆ แยกย้ายบ้านใครบ้านมัน" ลุงผู้ใหญ่บ้านบอกกับชาวบ้านที่มาชุมนุม ก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันกลับบ้านของตนอย่างไม่มีทางเลือก

 

8.30 นาที. กรมสาธารณสุขประจำจังหวัด

 

"ฮาโหล สวัสดีคะ กรมสาธารณะประจำจังหวัดคะ อ๋อ ลุงผู้ใหญ่สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยคะ" หญิงสาวผมยาวตัวเล็กในชุดกราวแบบหมอรับสายจากโต๊ะทำงานของตน "ที่หมู่บ้านมีโรคระบาดหรอคะ อาการของโรคเป็นยังไงพอจะอธิบายได้ไหมคะ" หญิงสาวจดอาการป่วยที่ผู้ใหญ่บ้านรายงานมาอย่างละเอียด "ค่ะ เราจะรีบไปตรวจสอบทันที" หญิงสาววางสายเมื่อคุยกับลุงผู้ใหญ่บ้านเสร็จ

 

"ที่หมู่บ้านเกิดอะไรขึ้นหรอ" ชายร่างอ้วนไว้เคราในชุดซาฟารีที่นั่งโต๊ะใกล้ๆ กันถามหญิงสาว

 

"ที่หมู่บ้านเกิดโรคประหลาด ทางผู้ใหญ่เรียกเราให้ไปตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน" หญิงสาวรีบกดโทรศัพท์ไปแจ้งเรื่องนี้กับหัวหน้าหน่วยทันที

 

"ก็ไม่ได้คิดจะว่าอะไรหรอกนะ แต่ชาวบ้านในป่าในดงแบบนั้นชอบจับกิ้งก่าเอยแมลงเอยมากิน ก็ไม่แปลกที่จะเกิดโรคระบาดแบบนั้นขึ้นมาได้" ชายร่างอ้วนไว้เคราพูดกับหญิงสาวระหว่างที่เธอรอสายจากหัวหน้า

 

"พี่ต้อมก็พูดเกินไป หนูเองก็โตมาจากที่หมู่บ้านนั้นเหมือนกันนะ" หญิงสาวพูดเสียงดุใส่ต้อมชายร่างอ้วน

 

"ขอโทษจ๊ะ พี่ไม่รู้ว่าแป้งโตมาจากที่นั่น" ชายร่างอ้วนพูดเสียงเบาลงเมื่อพูดไปตรงจุด

 

"คะหัวหน้า เมื่อกี้ทางผู้ใหญ่บ้านหนองยายแวงโทรศัพท์มาบอกว่าที่นั่นเกิดโรคระบาด ขอให้ทางเราส่งคนไปรักษา คะได้ค่ะ จะรีบดำเนินการทันทีคะ" แป้งวางสายโทรศัพท์เมื่อพูดจบ

 

"หัวหน้าว่ายังไงบ้าง" ต้อมถามแป้งโดยที่เขาก็พอจะทราบคำตอบดีอยู่แล้วว่ามันคืออะไร

 

"หัวหน้าอนุญาตให้เราส่งเฮลิคอปเตอร์กับหมอไปตรวจที่หมู่บ้านทันทีเดี๋ยวนี้เลยคะ" แป้งพูดจบเธอก็รีบโทรศัพท์ไปบอกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมออกเดินทาง

 

"ให้เดานะ หัวหน้าก็คงจะเป็นคนที่เกิดจากที่นั่นใช่ไหม ถึงได้อนุมัติเรื่องเร็วขนาดนี้" ต้อมเกาหัวเบาๆ ระหว่างพูด

 

"ก็รู้อยู่แล้วยังจะมาถามอีก" แป้งพูดเสียงดุ

 

หลังจากนั้นไม่ถึงชั่วโมง แป้งก็เรียกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่กับอุปกรณ์สำหรับตรวจรักษาและวิจัยโรคมาไว้ที่เฮลิคอปเตอร์ทั้งสองลำ

 

"ทุกคนพร้อมนะคะ" แป้งที่เป็นหัวหน้าหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ยืนพูดกับกลุ่มคน 13 คนที่หน้าเฮลิคอปเตอร์ "จากนี้ไปเราจะไปตรวจวิจัยและรักษาโรคระบาดที่หมู่บ้านหนองยายแวง ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ให้ดีเหมือนอย่างเคย และทำรายงานการตรวจรักษาส่งให้ดิฉันเมื่องานเสร็จด้วย มีแค่นี้ค่ะ" เมื่อแป้งพูดจบทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่เตรียมเอาไว้

 

เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นจากฟ้า พาทุกคนสู่หมู่บ้านในป่าที่ห่างไกลความเจริญ

 

"โรคอาหารเป็นพิษรึเปล่า" ชายร่างผอมผิวดำพูดกับแป้งระหว่างที่นั่งเฮลิคอปเตอร์ไปกับหน่วยสาธารณะสุขเคลื่อนที่ในฐานะแพทย์ฝึกหัด

 

"ไม่น่าจะใช่นะแป้งว่า จากที่ผู้ใหญ่บ้านบอกมาผู้ป่วยมีอาการไออย่างต่อเนื่องไม่หยุด แขนขาไม่มีแรง ตัวเย็นเฉียบมีเหงื่อออกเป็นจำนวนมาก ดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวกับโรคอาหารเป็นพิษเลย" แป้งบอกกับแพทย์ฝึกหัดที่มากับหน่วยสาธารณะสุข

 

"ไม่เคยได้ยินอาการแบบนี้มาก่อน" ต้อมชายร่างท้วมมีเคราพูดทำท่าคิด

 

"ขอให้อย่ามีไม่มีอะไรร้ายแรงเลย" แป้งบ่นออกมาดังๆ ด้วยความไม่สบายใจ

 

เฮลิคอปเตอร์บินอยู่เหนือป่าอันเขียวขจี ก่อนจะมาแล่นลงที่หมู่บ้านเล็กๆ กลางป่าที่อยู่ห่างไกลความเจริญ เมื่อเฮลิคอปเตอร์มาถึงหมู่บ้าน ทั้งหมดก็รีบขนของลงมายังกระโจมกลางหมู่บ้าน ที่เป็นเพิงไม้ขนาดใหญ่ที่มีโต๊ะเก้าอี้หลายตัวตั้งอยู่ ที่นี่มีผู้ป่วยทั้งชายหญิงเด็กคนแก่ต่างก็นั่งรอรับการรักษาอยู่ที่นี่แล้ว

 

"ดูจากสภาพแล้วไม่น่าจะเป็นโรคติดต่อทางลมหายใจ เพราะคนในหมู่บ้านใกล้ชิดกันขนาดนี้น่าจะเป็นทั้งหมดหมู่บ้านไปแล้ว" ต้อมพูดกับแป้งระหว่างขนของลองมาจากเฮลิคอปเตอร์

 

"ถ้าไม่ใช่โรคติดต่อก็น่าจะเป็นอาหารเป็นพิษ คงต้องไปตรวจสอบที่แหล่งน้ำกับสอบถามชาวบ้านดู" ชายร่างผอมผิวดำพูดกับแป้ง

 

"เดี๋ยวให้คนไปตรวจสอบ" แป้งตบไหล่ชายหนุ่มเบาๆ

 

เมื่อทุกคนขนของลงมาจากเฮลิคอปเตอร์เรียบร้อย แพทย์ฝึกหัดและหมอก็เริ่มทำงานของตนทันที โดยเริ่มตรวจรักษาคนที่มีอาการหนักสุดไปหาคนที่ป่วยน้อยที่สุด

 

"เจาะเลือดพวกที่มีอาการหนักๆ มาเรียบร้อยแล้ว" ต้อมเอาหลอดบรรจุเลือดมาให้แป้งที่กำลังส่องกล้องจุลทรรศน์ตรวจหาโรคอยู่

 

"ขอบคุณ" แป้งหน้าบึ้งๆ ด้วยความไม่สบายใจเมื่อรับกล่องบรรจุหลอดเลือด

 

"เป็นไง เจออะไรในแหล่งน้ำบ้างไหม" ต้อมลูบเคราตัวเองระหว่างยืนคุยกับแป้ง

 

"ไม่มีอะไรผิดปกติ แหล่งน้ำสะอาดบ่อน้ำที่ใช้ก็ปกติ ชาวบ้านไม่ได้ไปจับตัวอะไรแปลกๆ มากินหรือโดนตัวอะไรกัด แค่จู่ๆ ทุกคนก็ไม่สบายขึ้นมาพร้อมๆ กันอย่างไม่ทราบสาเหตุ" แป้งเอาเลือดที่ได้มาส่องกล้องจุลทรรศน์ระหว่างคุยกับต้อม

 

"หัวหน้า ยาแก้ไอ้ไม่ช่วยอะไรเลย คนป่วยอุณหภูมิลดต่ำมากๆ ชีพจรก็เต้นช้าลง ความดันเลือดก็ลด มันเหมือนทุกอย่างในร่างกายพร้อมใจกันทำงานช้าลง แต่กลับไม่มีอาการตัวร้อนหรือเป็นไขเลย" บอมชายร่างผอมผิวดำเดินส่ายหน้ามาพูดกับแป้งเพื่อรายงานสิ่งที่ตนตรวจเจอ

 

"ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนตั้งแต่ทำงานมา" ต้อมอุทานออกมาเบาๆ

 

"ทั้งสองคนดูมาดูอะไรนี่ซิ..." แป้งมีสีหน้าตกใจ เธอเรียกเพื่อนร่วมงานทั้งสองคนให้มาดูสิ่งที่เธอเห็นในกล้องจุลทรรศน์

 

"อะไรว่ะเนี้ย..???!! " ต้อมอุทานออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ เมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏในกล้องจุลทรรศน์

 

"เม็ดเลือดของผู้ป่วยกำลังถูกยึดครองจากเชื้ออะไรบางอย่าง ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต" บอมเอามือปาดเหงื่อที่หน้าด้วยท่าทางเป็นกังวลหลังจากส่องกล้องจุลทรรศน์ ในภาพของกล้องจุลทรรศน์ปรากฏภาพของเซลเม็ดเลือดของผู้ป่วยที่เป็นเซลสีแดงสดทรงกลม กำลังถูกเซลของไวรัสสีเขียวเข้มเข้าไปยึดครองจนเซลเม็ดเลือดเปลี่ยนจากสีแดงสด เป็นสีเขียวอย่างรวดเร็ว

 

"มันเชื้ออะไรกัน??!!! " แป้งอุทานออกมาเบาๆ เธอพยายามดูซ้ำแล้วซ้ำอีกจนแน่ใจว่าเธอเข้าใจไม่ผิด

 

"เหมือนว่าเชื้อโรคพวกนี้มันกำลังยึดครองเซลในร่างของของคนป่วย" ต้อมมองหน้าเพื่อนร่วมงานทั้งสองคนด้วยท่าทางตกใจ

 

"เราต้องรายงานเรื่องนี้กับศูนย์ใหญ่ให้รู้ มันไม่ใช่เรื่องที่เราจะจัดการเองได้แล้ว" แป้งหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เธอมีอาการตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนกดเบอร์โทรศัพท์ไม่ถูก "อ่ะ...ฮาโหล!!! คะนี่ดิฉันเอง!!! ตอนนี้เราเจอโรคประหลาดที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนคะหัวหน้า!! เราไม่รู้ว่ามันคืออะไรแล้วก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป!!! " แป้งพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เธอทำอะไรไม่ถูกเมื่อมาเจอสถานการณ์แบบนี้ "ค่ะดิฉันจะทำตามที่ท่านบอก!!! " แป้งวางสายเมื่อพูดจบ

 

"ทางศูนย์ใหญ่ว่าอย่างไงบ้างแป้ง" ต้อมถามแป้งด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

 

"เขาให้เราเอาเลือดไปตรวจสอบที่ศูนย์ด่วนที่สุด!!! เดี๋ยวพี่ช่วยเอาหลอดเลือดนี้ไปให้นักบินเอาไปให้ที่ศูนย์ใหญ่ด้วยนะค่ะ" แป้งพูดกับต้องพร้อมกับส่งกล่องใส่หลอดเลือดให้เขา

 

"แต่เฮลิคอปเตอร์เรามีแค่2ลำเองนะ ไปตอนนี้ลำหนึ่งกว่าจะบินกลับมารับพวกเราคงกินเวลานานมาก เราไม่น่าจะ" ต้อมพูดไม่ทันจบก็มีเสียงร้องโวยวายออกมา เมื่อจ้อนกับเด็กอีกสี่คนที่นอนป่วยเริ่มชักกระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรง

 

"คุณก็เห็นแล้วไม่ใช่หรอว่ามันเกิดอะไรขึ้น!!! " แป้งมองตาต้อมเมื่อพูดกับเขา

 

"เธอพูดถูกเราจะรอช้าอยู่ไม่ได้แล้ว" ต้อมบอกกับแป้ง ก่อนจะปล่อยให้เธอนำหลอดใส่เลือดไปที่เฮลิคอปเตอร์

 

"ทุกคนออกไปอย่ามุงคนป่วยครับ!!!! " บอมชายผิวดำรีบวิ่งมาดูอาการคนป่วยทันที แต่ไม่ทันที่เขาจะพูดจบเด็กชายจ้อนก็หยุดชักและนอนแน่นิ่ง

 

"มันเกิดอะไรขึ้นคะคุณหมอ!!! " แม่ของจ้อนพูดกับบอมชายผิวดำที่กำลังตรวจชีพจรเด็กชายจ้อน

 

"เสียใจด้วยครับ เขาตายแล้ว" บอมพูดเสียงสลดบอกแม่ของเด็กชายจ้อน

 

"ไม่จริงใช่ไหม!!!! " แม่ของจ้อนร้องไห้โฮกอดศพลูกชายที่ตายอย่างทรมาณ

 

"!!!! " และตอนนั้นเองจู่ๆ ผู้ป่วยหลายคนต่างก็มีอาการชักกระตุกและหยุดหายใจตามเด็กชายจ้อน แพทย์และผู้ช่วยต่างพากันช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีอาการชัก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าช่วยจับผู้ป่วยที่มีอาการชักนอนนิ่งๆ ก่อนที่ผู้ป่วยจะหมดลมหายใจไปในที่สุด ตอนนี้เสียงร้องของความเสียใจและเสียไอของคนในหมู่บ้านดังระงมไปทั่ว ท่ามกลางความตกใจและแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

"นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!! ทำไมคนในหมู่บ้านถึงล้มตายตามๆ กันแบบนี้!!! " ผู้ใหญ่บ้านเดินกึ่งวิ่งมาหาแป้งที่กำลังยืนมองเฮลิคอปเตอร์บินขึ้นไปบนฟ้า

 

"หนูเองก็ไม่ทราบเหมือนกันคะ แต่เราส่งเลือดผู้ป่วยไปที่ศูนย์ใหญ่แล้วไม่นานคงรู้ผลตรวจและวิธีการรักษา" แป้งบอกกับผู้ใหญ่บ้านที่กำลังยืนคิ้วขมวดด้วยความทุกใจ เมื่อเห็นลูกบ้านหลายคนกำลังล้มตาย

 

"คงเป็นเพราะผีพุ่งใต้นั่นแน่ๆ ที่นำเรื่องร้ายๆ มาสู่หมู่บ้าน" ผู้ใหญ่บ้านนึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในหมู่บ้านด้วยความโมโห

 

"ผีพุ่งใต้อะไรนะค่ะ??? " แป้งถามลุงผู้ใหญ่

 

"เมื่อหลายเดือนก่อนมีดาวตกลงมาจากฟ้า พวกชาวบ้านคิดว่ามันคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลยเอากราบไหว้ ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นของไม่ดีที่นำพาโรคร้ายมาสู่หมู่บ้าน" ลุงผู้ใหญ่โมโหเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

 

"ผีพุ่งใต้...หรือว่าจะเป็นอุกาบาต" แป้งรีบโทรไปรายงานเรื่องนี้กับศูนย์ใหญ่ทันที "ค่ะ ดิฉันก็ไม่แน่ใจหรอกนะคะว่ามันจะเกี่ยวกันไหม แต่มันเป็นสิ่งเดียวที่คนในหมู่บ้านจะคิดออก คะได้คะ" แป้งหันไปมองในกระโจมที่ตอนนี้คนในหมู่บ้านหลายคนที่ไม่เป็นอะไร เริ่มมีอาการไอออกมา "ตอนนี้มีผู้ป่วยเสียชีวิตแล้วคะ คะ รีบส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือด้วยคะ คะ" แป้งเดินไปเดินมาระหว่างคุยโทรศัพท์ เธอมีอาการเครียดจนทำอะไรไม่ถูก

 

และตอนนั้นเอง....จู่ๆ เสียงไอและเสียงร้องไห้ของชาวบ้านก็เงียบลงจนแป้งรู้สึกแปลกใจ

 

"ก๊ากกกกก!!!! ก๊ากกกก!!! " เมื่อเธอหันไปมองที่กระโจม เธอก็ได้ยินเสียงร้องแปลกๆ ดังออกมาจากที่นั่น พร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานและความตกใจแทรกตามมา และมีกลุ่มคนวิ่งหนีออกมาจากกระโจมด้วยท่าทางแตกตื่น

 

"เกิดอะไรขึ้น....!!!! " แป้งถามชายคนหนึ่งที่วิ่งผ่านมาด้วยความแปลกใจ

 

"หนี...หนีเร็วเข้า!!! พวกนั้นถูกปอบสิง!!! " ชายคนหนึ่งบอกแป้งด้วยสีหน้าตกใจสุดขีดก่อนจะวิ่งหนีหายไปในหมู่บ้าน ทุกคนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดกันอย่างเอาเป็นเอาตาย มีเพียงแป้งเท่านั้นที่วิ่งกลับไปที่กระโจมนั่นอย่างไม่รอช้า

 

เมื่อเธอไปถึงที่นั่นหญิงสาวก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อเธอเห็นภาพของคนที่เคยเป็นผู้ป่วยนอนใกล้ตายมะรอมมะล่อ และคนที่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อกี้ กำลังนั่งฉีกท้องควักไส้พุงของคนที่ไม่ได้เป็นอะไรออกมากินอย่างหิวโหย

 

"หนีเร็ว...!!! " บอมคว้ามือแป้งที่ยืนตะลึงอยู่หน้ากระโจม เธอเห็นเด็กชายจ้อนกำลังควักเอาตับของแม่ตนเองมากินอย่างหิวโหย ขณะที่คนป่วยคนอื่นๆ ต่างก็พากันกัดกินร่างของคนที่ไม่ได้ป่วยทั้งเป็นในกระโจมนั่น

 

"ก๊าก ก๊ากกกกกก!!!! " เหล่าคนที่ติดเชื้อต่างพากันร้องตะโกนเสียงแหลมเหมือนเป็นการสื่อสารกัน ก่อนที่คนติดเชื้อคนอื่นๆ จะวิ่งไล่คนที่ไม่ได้เป็นอะไรอย่างบ้าคลั่ง

 

แป้งกับบอมรีบวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตตรงเข้าไปในหมู่บ้านพร้อมกับคนอื่นๆ บางคนที่แก่หรือวิ่งไม่ทันก็ถูกพวกที่ติดเชื้อรุมขย้ำควักเครื่องในออกมากินเหมือนปอบแย่งอาหาร ขณะที่คนที่ถูกควักไส้ก็ยังคงมีชีวิตอยู่ชั่วขณะหนึ่งเพื่อมองเครื่องในตัวเองถูกกินก่อนตาย

 

"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!!! ทำไมคนป่วยถึงไล่ฆ่าคนแบบนี้ล่ะ!!! " แป้งถามบอมด้วยความตกใจ เมื่อทั้งสองวิ่งเข้ามาหลบในกระท่อมหลังหนึ่ง ขณะที่ด้านนอกก็มีเสียงร้องของคนที่โดนทำร้ายตลอดเวลา

 

"ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน!!! " บอมที่กำลังล็อคประตูบ้านพูดกับแป้งด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตกใจสุดขีด "เราต้องรีบหนีออกไปจากที่นี่!!! "

 

"เราหนีไปไหนไม่ได้นายก็รู้ ที่นี่เป็นป่าล้อมหมู่บ้านหมดทุกทาง ต้องเดินตัดป่าไม่ขับเฮริคอปเตอร์ออกไปเท่านั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้นักบินจะเป็นยังไง" แป้งพยายามควบคุมสติและใช้ความคิด แต่การสลัดภาพอันน่าสยดสยองที่เกิดขึ้นในกระโจมให้ออกไปจากหัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

 

"ผมขับเป็น ผมเคยเรียนมาบ้างไม่ถึงกับเก่งอะไรแต่ก็พอขับไปจากที่นี่ได้" บอมบอกกับแป้ง

 

"ถ้าอย่างนั้นจะรออะไรอีก อยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์" แป้งหาอาวุธที่มีในบ้านหลังนี้จนเจอมีดพร้าเล่มโตเป็นอาวุธ

 

"จากตรงนี้ต้องวิ่งไปที่เฮลิคอปเตอร์อย่างเดียวเท่านั้น คงช่วยเหลือใครไม่ได้ คุณคงเข้าใจตรงนี้นะครับ" บอมบอกกับแป้ง

 

"ฉันเข้าใจเรื่องนั้นดีนายไม่ต้องย้ำหรอก ยิ่งเราช่วยคนเราก็จะยิ่งช้า โอกาสรอดก็จะน้อยลงไปด้วย ฉันเข้าใจเรื่องนั้นดี" บอมพูดกับแป้งถึงสิ่งที่ควรทำ

 

"นับสามนะครับ" บอมยืนรอที่ประตูมองหน้าแป้งที่อยู่ในท่าเตรียมพร้อม ในมือของเธอมีมีดพร้าที่พร้อมจะใช้งานเมื่อจำเป็น

 

แป้งพยักหน้าบอกบอมเมื่อเธอพร้อม....

 

"สาม!!!! " บอมเปิดประตูทันทีเมื่อนับสาม

 

"ก๊ากกกกกก ก๊ากกกก!!! " เมื่อเปิดประตูออกมาเธอก็เจอคนติดเชื้อคนหนึ่งอยู่ที่หน้าบ้านที่เธออยู่ แป้งจึงไม่รอช้าใช้มีดพร้าจามเข้าที่หัวของชายคนนั้นจนล้มลงนอนตายคากองเลือดบนพื้น

 

"ไปกันเถอะ!!! " เธอบอกกับบอมที่ยืนอึ้งอ้าปากค้าง

 

ทั้งสองคนค่อยๆ เดินออกมาจากบ้านอย่างช้าๆ ระหว่างทางเธอพบศพชาวบ้านนอนตายอยู่หลายศพ แป้งสะกิดชี้ให้บอมดูตรงมุมหนึ่งบนถนน ที่เห็นชาวบ้านหลายคนกำลังนั่งรุมกินร่างแพทย์ในชุดกราวที่นอนชักกระตุกอยู่บนพื้น

 

"กรี๊ดดดดดด!!! " ตอนนั้นเองก็มีหญิงสาวคนหนึ่งร้องออกมาจากอีกมุมหนึ่งของหมู่บ้าน ทำให้กลุ่มผู้ติดเชื้อได้ยินและวิ่งตามเสียงร้องไป

 

เมื่อสบโอกาสทั้งสองจึงรีบวิ่งผ่านตรงนั้นไปทันที

 

ระหว่างทางที่หนีทั้งคู่ก็เห็นบ้านหลายหลังมีคนแอบอยู่ โดยทุกคนต่างปิดประตูเงียบไม่มีใครกล้าออกมา จะมีก็แต่แอบมองตามช่องหน้าต่างหรือเห็นเงาแว๊บๆ เท่านั้น

 

"รีบไปกันเถอะ!!! เราช่วยอะไรไม่ได้คุณก็รู้!!! " บอมบอกกับแป้งเพื่อให้เธอรีบหนีไปที่เฮลิคอปเตอร์โดยไม่ต้องสนใจคนเหล่านั้น

 

ทั้งสองคนวิ่งออกมาจากหมู่บ้าน ผ่านกระโจมที่เต็มไปด้วยคราบเลือดเศษเนื้อและซากศพคนตาย ที่กระจัดกระจายเป็นชิ้นๆ อยู่ตามพื้น โดยไม่มีร่างของพวกที่ติดเชื้ออยู่ตรงนั้นเลย

 

"ก๊ากกกกก ก๊ากกกก!!! " มีเสียงร้องดังกึกก้องอยู่ในป่าเป็นระยะเมื่อทั้งสองวิ่งมาที่เฮลิคอปเตอร์เมื่อมาถึงเฮลิคอปเตอร์ทั้งสองรู้สึกโล่งอกที่สามารถวิ่งมาถึงได้อย่างปลอดภัย และพบนักบินกำลังนั่งอยู่ในห้องคนขับ

 

"พี่คะรีบหนีไปจากที่นี่เร็วเข้า!!! " แป้งกับบอมรีบขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์และบอกคนขับให้บินขึ้นฟ้าทันที

 

"บ้าเอ๊ย....!!! " บอมอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นนักบินตายไปแล้วในสภาพถูกยิงกลางแสกหน้า

 

"ฉันเป็นคนทำเองล่ะ" เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นที่ด้านหลังของคนทั้งสองบนเฮลิคอปเตอร์

 

"พี่ต้อม!!! หมายความว่ายังไงคะ!!! " แป้งอุทานออกมาเบาๆ ด้วยท่าทางตกใจ

 

"พี่เป็นคนฆ่านักบินเอง เพื่อไม่ให้มันบินขึ้นไปตอนนี้จนกว่าพี่จะได้ของที่ต้องการ" ต้อมเล็งปืนมาที่แป้งที่ถือมีดพร้า

 

"ของที่ต้องการ!! ??? " บอมพูดขึ้นมาด้วยท่าทางแปลกใจ

 

"ใช่ของที่ฉันต้องการ" ต้อมเล็งปืนมาที่มือของแป้งและเขย่าปืนเบาๆ เพื่อเป็นการบอกให้เธอทิ้งมีด

 

แป้งทิ้งมีดพร้าด้วยความไม่พอใจ

 

"ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันคืออะไร แต่พอได้ยินจากชาวบ้านว่ามีผีพุ่งใต้ตกลงมาเมื่อหลายเดือนก่อน บวกกับสิ่งที่เกิดขึ้นฉันเลยคิดว่าเจ้าสิ่งที่ว่านี้น่าจะทำประโยชน์อะไรได้บ้างไม่มากก็น้อยในเชิงธุรกิจ" ต้อมบอกกับคนทั้งสอง

 

"อย่าบอกนะว่าแกจะเอาอุกาบาตนั่นไปทำเป็นอาวุธเชื้อโรค" แป้งคิ้วขมวดพูดขึ้นมาด้วยท่าทางเจ็บใจ

 

"ก็ประมาณนั้น" ต้อมยักไหล่ "แค่เลือดของผู้ป่วยอาจจะไม่มากพอที่จะไปขาย แต่ถ้าได้แหล่งแพร่เชื้อมาก็อาจจะเอามาขายได้ คิดว่านะ แต่มันมีปัญหาอยู่นิดหนึ่งตรงที่"

 

"แกไม่กล้าไปเอามันมาเองใช่ไหม" บอมพูดก่อนที่ต้อมจะพูดออกมา "เวลาแบบนี้แทนที่แกจะคิดถึงการเอาตัวรอด แต่แกกลับคิดถึงแต่เรื่องเงิน" บอมต่อว่าต้อมด้วยความโมโห

 

"ก็มันน่าจะเอาไปทำประโยชน์ได้นี่นา เผลอๆ ถ้าคิดยาแก้ออกมาได้ เราจะได้ขายทั้งยาแก้พิษและตัวพิษไปพร้อมกันเลยก็เป็นได้ ไม่คิดว่าน่าสนใจหรอ" ต้อมยิ้มฟันขาว

 

"แกมันชั่ว....!!! " แป้งตะโกนว่าต้อม

 

"จะว่ายังไงก็ตามใจเถอะ ตอนนี้ฉันต้องการคนขับเฮลิคอปเตอร์ 1 อัตตรา กับคนที่จะอาสาไปเอาอุกาบาตรนั่นมาให้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครควรทำหน้าที่อะไรใช่ไหม" ต้อมชี้ปืนมาทางบอม

 

"ฉันรู้ว่าแกขับมันเป็น ขึ้นมานั่งที่คนขับและทำแบบนั้นซะถ้าอยากจะมีชีวิตรอด!!! " ต้อมตะโกนเสียงดุ "ส่วนเธอต้องไปเอาอุกาบาตรก้อนนั้นมาให้ฉัน ไม่งั้นก็อดไปจากที่นี่!!! "

 

"ได้....!!! แป้มรับคำ แต่แกต้องสัญญาว่าจะพาเราสองคนไปจากที่นี่" แป้งพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

"คำไหนคำนั้น" ต้อมยิ้มให้แป้ง "เดี๋ยวจะขับเฮลิคอปเตอร์ล่อพวกที่ติดเชื้อไปให้ เธอแค่ไปเอามันมาและกลับมาที่นี่ง่ายๆ แป๊บเดียวก็เสร็จ"

 

"ได้ฉันจะทำ" แป้งมองตาของบอมที่นั่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์

 

"ออกบินเลยกัปตัน" ต้อมพูดกับบอมที่อยู่ในที่นั่งคนขับ

 

เฮลิคอปเตอร์ส่งเสียงดังเมื่อใบพัดเริ่มหมุน ทำให้เหล่าผู้ที่ติดเชื้อได้ยิน

 

"เสียงเฮลิคอปเตอร์เรียกพวกมันมาทางเรา" บอมบอกกับต้อมเมื่อเห็นผู้ติดเชื้อกำลังวิ่งออกจากป่ามาทางเฮลิคอปเตอร์

 

"รีบไปที่ศาลในป่าตรงนั้น เดี๋ยวจะกลับมารับ" ต้อมตะโกนบอกแป้งให้เธอวิ่งไปที่ชายป่า

 

แป้งรีบวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปในป่าทันที ขณะที่เฮลิคอปเตอร์ค่อยๆ บินขึ้นมาจากฟ้าอย่างช้าๆ โดยมีต้อมเป็นคนยิงปืนใส่ผู้ที่ติดเชื้อที่วิ่งมา

 

"ไปๆๆๆๆ " ต้อมบอกกับบอมให้เอาเครื่องบินขึ้น

 

"ก๊ากกกกกก ก๊ากกกก!!! " เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นฟ้าท่ามกลางเสียงร้องของผู้ที่ติดเชื้อที่ไม่สามารถตามเฮลิคอปเตอร์ได้

 

แป้งวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตมาที่ท้ายหมู่บ้านตามที่ต้อมบอก เธอเห็นเฮลิคอปเตอร์บินผ่านเธอไปบนฟ้า พร้อมกับผู้ที่ติดเชื้อที่วิ่งตามเสียงเฮลิคอปเตอร์ไปอย่างรวดเร็ว เธอจึงสามารถไปที่ท้ายหมู่บ้านได้อย่างปลอดภัย

 

เมื่อมาถึงที่ศาลเจ้าในป่า แป้งก็ได้กลิ่นเหม็นโชยออกมาเป็นอันดับแรก เมื่อเธอเดินไปที่ศาลก็เห็นลูกแก้วลักษณะคล้ายลูกบอลตั้งอยู่ในศาล วินาแรกที่เห็นแป้งไม่คิดว่าสิ่งนี้คืออุกาบาตร แต่ด้วยรูปลักษณ์และทองคำเปลวที่แปะรอบลูกแก้ว จึงทำให้แป้งรู้ว่าสิ่งนี้คืออุกาบาตรอย่างแน่นอน

 

"แกไม่มีทางได้มันไปหรอก แค๊ก แค๊ก!!! " แป้งหยิบก้อนหินแถวนั้นมาแทนเพื่อหลอกต้อมว่ามันคืออุกาบาตร แป้งรีบวิ่งออกจากศาลทันทีเมื่อหยิบก้อนหินมาได้ เธอวิ่งกลับมาที่จุดเดิมที่เธอเคยอยู่ ซึ่งตอนนี้มีจ้อนที่กลายเป็นผีดิบไปแล้วกำลังยืนรอแป้งอยู่ตรงนั้นพอดี

 

"ก๊ากกกกกก!!! " เมื่อจ้อนเห็นแป้งมันก็ร้องออกมาเสียงดัง และตรงเข้าทำร้ายเธอทันที

 

"ไปลงนรกซะเถอะ!!! " แป้งขว้างก้อนหินในมือใส่หน้าจ้อนอย่างแรง จนก้อนหินเจาะหน้าของจ้อนบริเวณดั้งยุบลงไปกับก้อนหิน แป้งเดินมาดึงก้อนหินออกจากหน้าของจ้อนโดนใช้เท้ายันหัวของจ้อนก่อนจะดึงก้อนหินออกมาได้

 

ไม่นานเฮลิคอปเตอร์แล่นลงมาจอดตรงจุดที่แป้งยืนอยู่พอดี

 

"ยืนบื้ออะไรอยู่ ขึ้นมาเร็วเข้า!!! " ต้อมตะโกนเรียกแป้งที่ยืนอยู่ข้างศพของจ้อน

 

"ก๊ากกกกกก!!! " จู่ๆ แป้งก็ร้องออกมาเสียงดัง พร้อมกับวิ่งเข้ามากัดที่แขนของต้มทันที

 

"อะไรว่ะเนี้ย!!! นังบ้า!!! อ๊ากกกก!!! " ต้อมร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกกัด เขาชกหน้าของแป้งอย่างแรงจนเนื้อที่แขนของเขาหลุดติดปากของแป้งไปด้วย "เอาเครื่องขึ้นๆ!!! " ต้อมตะโกนบอกบอมด้วยความเจ็บปวด

 

"ก๊ากกกกก!!! " แป้งที่กลายเป็นผีดิบวิ่งตรงมาที่เฮลิคอปเตอร์

 

"ไปตายซะนังบ้า!!! " ต้อมยิงปืนใส่แป้งไปหลายนัดเมื่อเครื่องบินขึ้น

 

เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นฟ้าอย่างปลอดภัย

 

"บ้าเอ๊ยหมดโอกาสทำเงินพอดี เพราะนังนั่นดันไปติดเชื้อโรคซะก่อน!!! " ต้อมที่ถูกกัดบ่นอุทานออกมาด้วยความเจ็บใจเมื่อไม่ได้ตามที่หวัง

 

"แต่ผมว่าตรงข้ามมากกว่า" บอมที่เป็นคนขับเฮลิคอปเตอร์พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสุขุม "คุณไม่แปลกใจหรอกครับ ว่าทำไมจู่ๆ คุณแป้งถึงกลายเป็นแบบนั้น ทั้งที่เธอก็ไม่ใช่คนในหมู่บ้านแต่กลับกลายร่าง"

 

"ก็เพราะนังนั่นไปรับเชื้อที่อุกาบาตรมานะซิถึงกลายเป็นแบบนั้น!!! " ต้อมเอาผ้ามาพันแขนที่ถูกกัด

 

"ผมว่าไม่น่าจะใช่ เพราะผู้ป่วยทั้งหมดในหมู่บ้านที่ได้รับเชื้อมา ทุกต่างแสดงอาการหลังจากได้รับเชื้อไปหลายชั่วโมง แต่ในกรณีของคุณแป้ง เธอรับเชื้อในเวลาไม่นานจึงไม่น่าจะเป็นไปได้" บอมพูดโดยไม่หันมามองทางต้อม

 

"แกต้องการจะบอกอะไรกันแน่!!! " ต้อมพูดกับบอมด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เขาหงุดหงิดกับอาการปวดที่แขนเป็นอย่างมาก

 

"ที่ผมจะบอกก็คือ เธอติดเชื้อเพราะผมเป็นคนทำให้เธอเป็นแบบนั้นเองครับ" บอมกันมามองทางต้อมแล้วยิ้มให้เขา

 

"แกว่าอะไรนะ!!! " ต้อมคิ้วขมวดมองมาทางบอมด้วยความตกใจ

 

"คณได้ยินถูกแล้วผมเป็นคนทำให้เธอเป็นแบบนั้นเอง โดยการฉีดเลือดของผู้ติดเชื้อให้เธอโดยที่เธอไม่รู้ตัว เพื่อต้องการพิสูจน์ว่าไวรัสในเลือดจะสามารถแพร่เชื้อได้ไหม ผมจึงต้องทำการทดสอบเดี๋ยวนั้น และผลก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ การติดเชื้อรวดเร็วกว่าการสูดเข้าทางลมหายใจหลายเท่า ซึ่งก็เท่ากับว่าคุณที่ถูกกัดก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นผีดิบกว่า 90% ถ้าผมคำนวนไม่ผิด" บอมหันมายิ้มให้ต้อมที่กำลังตกใจ

 

"แก....!!! " ต้อมเริ่มไอออกมาอย่างรุนแรง

 

"ตอนแรกผมก็คิดแบบเดียวกับคุณเรื่องไปเอาอุกาบาตร แต่โอกาสที่จะติดเชื้อจากสิ่งนั้นมันสูงเกินไปที่จะเสี่ยง ผมจึงต้องทดสอบเรื่องเลือดทันทีเมื่อมีโอกาส" บอมหยิบปืนออกมาจากกางเกงของตน

 

"แกมันเลว....!!! " ต้อมอ้วกออกมาอย่างรุนแรงเมื่อพูดจบ

 

"เพื่อโลกใบนี้ต้องมีคนที่เสียสละ" บอมพูดจบเขาก็หันยิงกลางแสกหน้าของต้อมทันที จนเขาหล่นลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ตกลงมาในป่า

 

"ฮาโหล ใช่นี่ผมเอง ผมบังเอิญเจอมันเข้าพอดี สิ่งที่เราตามหามาตลอดหลายปี เชื้อไวรัสในตำนานที่ทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ บอกท่านผู้นั้นด้วยว่าเลือดที่อยู่กับสาธารณะสุขใช้ทำเชื้อไวรัสได้ ใช่ ทีนี้เราก็จะสามารถสร้างโลกที่มีแต่สีเขียวได้แล้ว มันจะไม่ใช่ความฝันอีกต่อไปสำหรับพวกเรา" บอมพูดยิ้มๆ ระหว่างโทรศัพท์กับใครบางคน

 

"เริ่มแผนขั้นที่ 2 ทันที" ชายที่อยู่อีกฟากหนึ่งของสายโทรศัพท์พูดยิ้มๆ อย่างพอใจก่อนจะวางสายโทรศัพท์ลง

 

เฮลิคอปเตอร์บินกลับเข้าไปในเมือง ทิ้งหมู่บ้านหนองยายแวงให้กลายเป็นนรกอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่มีใครรู้ชะตากรรมเลยว่าชาวบ้านจะเป็นอย่างไรต่อไป....

เนื้อหาโดย: yongyee
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
yongyee's profile


โพสท์โดย: yongyee
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 มาแน่! คนทั่วไปรับผ่านดิจิทัลวอลเล็ต กระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568เพชรปากปลาร้าหน้าเป๊ะ ลองทาลิปสติกบนปาก ทำเอาทัวร์ลงสนั่น ร้านค้ารับเรื่อง สั่งให้โละยกแผงเลย!น้ำใจยิ่งใหญ่! หนุ่มไร้เงินขอติดรถกลับบ้าน เจอผู้ให้เต็มคันสุดอบอุ่นรีบมา! คืนนี้วันสุดท้ายแล้ว "ตำรวจตกน้ำ" ไวรัลสุดเสียวกาชาด 2567 หล่อ เปียก ฮา พุ่งกระจาย!โบราณสถานอายุกว่า 1,300 ปี แห่งไซบีเรีย ซึ่งเต็มไปด้วยปริศนาที่รอคำตอบ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เฮ! เงินไร่ละพันยังมาต่อเนื่อง! ชาวนารับเงินช่วยเหลือ ธ.ก.ส. กันอยู่หรือเปล่า? มาอัปเดตกันหน่อย!รีบมา! คืนนี้วันสุดท้ายแล้ว "ตำรวจตกน้ำ" ไวรัลสุดเสียวกาชาด 2567 หล่อ เปียก ฮา พุ่งกระจาย!อย่าท้าทายระบบ! "สารวัตรแจ๊ะ" เผยสาเหตุที่ต้องใส่แมสก์ และสวมหมวกตลอดเวลาสั่งพักงานยกชุด! 18 ตำรวจจราจร ปมตั้งโต๊ะจับปรับ 'เจอจ่ายจบ'"
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
โบราณสถานอายุกว่า 1,300 ปี แห่งไซบีเรีย ซึ่งเต็มไปด้วยปริศนาที่รอคำตอบโบสถ์เซนต์แมรี่แห่งไซออน, เอธิโอเปียเขาพระวิหาร: สัญลักษณ์แห่งความงดงามและความขัดแย้งภาพสุดท้าย
ตั้งกระทู้ใหม่