เรื่องสั้นกรุงเทพเมืองซอมบี้ ตอนที่ 8 เหยื่อ
ตอนที่ 8 เหยื่อ
กรุงเทพฯ 3 เดือนหลังจากเหตุการณ์โรคระบาดที่เปลี่ยนคนกลายเป็นผีดิบ
ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในความเงียบงัน ถนนทุกสายคราคล่ำไปด้วยรถยนต์และรถมอเตอร์ไซด์ที่จอดทิ้งไว้เป็นแถวแนวยาวตลอดถนนทุกสายในกรุงเทพ ศพมนุษย์ที่ตายคารถเพราะถูกไฟไหม้ยังคงนอนเน่าดำเป็นตอตะโกตายซากอยู่ตรงนั้น บนรถเมล์ที่ถูกไฟไหม้ยังมีซากศพผู้โดยสารที่หนีตายออกมาไม่ทัน นอนกองทับถมทิ้งเอาไว้แบบนั้น นอกจากศพไฟไหม้ยังมีศพที่เน่าเปื่อยตามท้องถนนให้เห็นตลอดทาง บ้านเรือนถูกทิ้งร้างตึกสูงไร้ผู้คนอยู่อาศัย รถไฟฟ้าใต้ดินกลายเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างที่มืดสนิทมีเพียงหนูและแมลงสาปเท่านั้นที่วิ่งไปมา รถไฟฟ้าถูกจอดคาทิ้งไว้กลางรางพร้อมซากศพผู้โดยสารทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ที่ตอนนี้เน่าจนหนอนขึ้นส่งกลิ่นเหม็นไกลเป็นกิโล
สิ่งเดียวที่ยังคงอาศัยอยู่บนโลกนี้ก็คือเหล่าศพคนตายที่ยังไม่ตาย พวกมันเหล่านี้ยังคงมีชีวิตอาศัยปะปนไปกับความเงียบงันของโลกที่สาบสูญ พวกมันในตอนนี้ร่างกายผอมแห้งกรังไปด้วยกล้ามเนื้อที่ขาวซีด เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งบ่งบอกถึงการเดินทางตากแดดตากลมมาตลอด 3 เดือน บางตัวแขนขาดขาขาดหรือขาดครึ่งท่อน ก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างไม่น่าเป็นไปได้ เพราะพวกมันคือคนตาย คือความตายที่ออกเดินอย่างไม่มีวันจบ เพื่อไล่ล่าคนเป็นที่ยังมีชีวิตเป็นอาหาร
"ปัง!!! ...โครม!!!! " เสียงดังโครมครามของสิ่งก่อสร้างข้าวของที่พังทลายเมื่อไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่แล้ว
"ก๊ากกกกกก ก๊ากกกก" แค่เพียงเสียงเล็กน้อยก็สามารถเรียกพวกศพที่ได้ยิน ส่งเสียงร้องเรียกพวกเดียวกันเองให้มารวมกันตรงจุดที่เกิดเสียงได้เป็นจำนวนมาก
"ดูนั่นพวกมันวิ่งไปทางนั้นกันแล้ว" เสือชายร่างใหญ่หัวโล้นผิวดำสักเสื้อเผ่นที่หัวไหล่ซ้ายบอกกับชายอีกสองคนที่แอบดูพวกศพที่วิ่งไปตามเสียงร้องอย่างรวดเร็ว
"แต่ข้าว่าตอนกลางวันพวกมันดูจะวิ่งไม่เหมือนตอนกลางคืนเลย แกคิดแบบนั้นไหมว่ะไอ้กระทิง" ชายร่างผอมสูงโปร่งหนังหุ้มกระดูกผมหยิกหยอยหันมาพูดกับชายร่างเล็กผิวดำร่างอ้วนกลมที่ยืนอยู่ข้างๆ
ทั้งสามคนยืนดูพวกศพหลายตัวที่กำลังวิ่งหกล้มหกลุก ชนนั่นชนนี่ระหว่างทางที่วิ่งตามเสียงที่ได้ยินไป
"แรดพูดถูก" กระทิงชายร่างเล็กผิวดำพูดขึ้นมา "พวกมันดูจะวิ่งชนไปชนมา แถมบางตัวยังวิ่งชนรถเหมือนจะมองไม่ชัด แต่พอกลางคืนพวกมันดูจะวิ่งเร็วไม่ชนนั่นนี่แบบนี้เลย"
"งั้นก็สรุปได้ว่ามันมองกลางวันไม่ชัดแต่มองกลางคืนชัด" แรดชายร่างผอมจดสิ่งที่พูดลงในสมุด
"ตอนนี้ที่เรารู้ก็คือหูพวกมันไวต่อเสียง มันร้องเรียกพวกเดียวกันเองได้เมื่อพบเหยื่อ และพวกมันก็มองกลางวันไม่ชัดแต่มองกลางคืนชัด" แรดชายร่างผอมอ่านสิ่งที่จดในสมุดให้เพื่อนทั้งสองคนฟัง
"พวกมันคาดเดาง่ายซะยิ่งกว่าปล้นร้านทองที่มียายซิ้มหนังเหี่ยวเฝ้าร้านซะอีก" กระทิงชายร่างเล็กผิวดำพูดยิ้มๆ
"ไปกันเถอะ ตรงนั้นมีร้านขายของอยู่ น่าจะมีเหล้าหลงเหลือสักขวดสองขวด ไม่ได้กินเหล้ามาหลายวันชักเปรี้ยวปาก" เสือชายร่างใหญ่หัวโล้นเอามือรูดปากระหว่างพูด
"ทำเป็นพูดดีไปเพิ่งจะกินไปเมื่อวันก่อนเองไม่ใช่หรอแก" แรดชายร่างผอมที่ยืนถือมีดดาบเล่มยาวพูดแซว
"ลืมไป ลืมไป" เสือที่ถือท่อนไม้ที่เปื้อนเลือดหัวเราะเบาๆ
ทั้งสามคนยืนอยู่ที่ชั้นสองของบ้านหลังหนึ่งที่ใช้เป็นแหล่งซ่อนตัวจากพวกศพ พวกเขาทั้งสามคนคือผู้รอดชีวิตจากวันสิ้นโลกเมื่อสามเดือนก่อน
"ไปกันเถอะ" กระทิงชายร่างเล็กผิวดำที่ถือปืนลูกซองบอกกับคนทั้งสองให้ลงมาที่หน้าบ้าน ที่มีรถหุ้มเกราะของทหาร REVA 4x4 ที่เป็นรถหุ้มเกราะแบบล้อยางขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นรถหุ้มเกราะของทหารที่ทั้งสามคนบังเอิญไปเจอมา
"ลุยกันเลยพี่น้อง!!! " เสือที่เป็นคนขับตะโกนออกมา ก่อนจะเหยียบคันเร่งจนมิด รถหุ้มเกราะส่งเสียงดังกระหึ่มดังลั่นถนน สร้างความสนใจให้กับพวกศพที่ได้ยินเป็นจำนวนมาก
"จุดประทัดเลย" แรดชายร่างผอมตะโกนบอกกระทิงชายร่างเล็กผิวดำที่เปิดประตูด้านบนโยนประทัดที่จุดแล้วไปบนถนนระหว่างที่รถวิ่งไป เพื่อดึงดูดความสนใจของพวกศพให้ไข้วเขวจนไม่สนใจตามรถ
"กรุงเทพนี่ดีจริงๆ เลยมีร้านเซเว่น อีเลฟเว่นอยู่เป็นพันๆ สาขายังไงก็ไม่อดเหล้าตายถ้ายังหาร้านพวกนี้อยู่" เสือชายร่างใหญ่หัวโล้นตะโกนออกมาดังลั่นรถ ก่อนจะเหยียบคันเร่งอีกครั้งเพื่อชนรถที่จอดขวางถนนทุกคันตรงหน้าออกไปให้พ้นทาง
"ชนแล้วนะโว้ย!!! " เสือตะโกนออกมาเสียงดัง ก่อนจะเอารถพุ่งเข้าชนใส่ร้านสะดวกซื้อที่เป็นกระจกจนรถพุ่งเข้ามาด้านในของร้าน
"ลุยเลยสาวๆ " แรดชายร่างผอมกระโดดออกมาจากรถเป็นคนแรก และตรงดิ่งไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ทันทีเพราะที่นั่นมีเหล้าหลากหลายยี่ห้อวางโชว์อยู่
ทั้งสามหยิบฉวยทุกอย่างที่เอาไปได้ทั้งของกินของใช้ที่มีอยู่มากมาย แม้จะมีการปล้นสะดมอยู่ทั่วทุกที่ในกรุงเทพตอนเกิดเหตุเมื่อสามเดือนก่อน แต่ด้วยความวุ่นวายที่กระจัดกระจายกันไปโดยที่ทุกคนไม่ทันตั้งตัว จึงทำให้ร้านสะดวกซื้อหลายร้านยังมีข้าวของหลงเหลืออยู่
"ไม่รับขนมจีบซาลาเปาด้วยหรอคะ ซื้อตอนนี้แถมหัวคนหนึ่งหัวด้วยนะคะ" เสือยืนที่หลังเค้าเตอร์คิดเงินพูดยิ้มๆ กับเพื่อนทั้งสอง เขาเอาหัวศพคนตายที่อยู่บนพื้นมาตั้งบนเคาน์เตอร์แคชเชียร์เป็นเชิงล้อเล่น
"ทำเป็นเล่นไปเดี๋ยวพวกมันก็แห่มาหรอก เร็วเข้าหยิบทุกอย่างที่เอาไปได้" กระทิงชายร่างเล็กตะโกนด้วยน้ำเสียงดุดันพร้อมกับโยนอาหารน้ำดื่มให้แรดที่ยืนอยู่ที่รถ
"ขอมันฝรั่งทอดด้วย เอารสสาหร่าย นั่นเลยเอามาให้หมด" เสือตะโกนบอกแรดที่ช่องขนม
ขณะที่ด้านนอกบนถนนตอนนี้พวกศพที่ได้ยินเสียงเอะอ่ะโวยวาย เริ่มเดินกึ่งวิ่งมาที่ร้านบ้างแล้ว
"พวกเอ็งเก็บของไป เดี๋ยวข้าขอไปซ้อมมือนอกร้านสักหน่อย" แรดชายร่างผอมควงมีดดาบขนาดยาวที่คล้ายดาบญี่ปุ่นออกไปนอกร้าน เมื่อเขาได้ยินเสียงร้องของพวกศพที่กำลังวิ่งมา
"มาเลย มาเลยไอ้พวกตายซาก" แรดกวัดแกว่งดาบไปมาฟันใส่ศพที่วิ่งมาจนคอขาดแขนขาดไปหลายตัวอย่างช่ำชอง "สะใจจริงๆ พี่น้อง!!! " แรดตะโกนเสียงดังนอกร้าน
และในระหว่างที่ทั้งสามกำลังเลือกปล้นสินค้ากันอย่างเมามัน จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มร่างผอมที่เป็นพนักงานเซเว่น อีเลฟเว่นออกมาจากหลังร้านด้วยท่าทางอิดโรยเนื้อตัวมอมแมมยืนมองคนทั้งสองรื้อข้าวของด้วยความแปลกใจ
"ขอบคุณสวรรค์ ในที่สุดผมก็เจอคนอื่นที่รอดชีวิต" พนักงานชายยิ้มออกมาด้วยความดีใจเมื่อเห็นชายทั้งสองคนที่กำลังเลือกสินค้ากันอยู่
"มีปลากระป๋องด้วย" ทั้งสองยืนเลือกสินค้าโดยที่ไม่สนใจชายหนุ่มที่ยืนยิ้มแม้แต่น้อย
"พวกคุณเองก็หนีตายเหมือนผมใช่ไหม....ผมแอบอยู่หลังร้านตั้งแต่เกิดเรื่อง มีแต่ความวุ่นวายรถชนกันคนไล่ฆ่ากัน ผมกลัวมากจนไม่กล้าไปไหน กลางคืนผมก็ต้องนอนฟังเสียงพวกมันร้องโหยหวน นึกว่าคงจะไม่เจอใครอีกแล้วที่รอดชีวิต คิดว่ามีผมเหลืออยู่คนเดียวเสียอีก ขอบคุณสวรรค์จริงที่พบพวกพี่" ชายหนุ่มวิ่งเข้ามาเกาะแขนเสือชายร่างใหญ่ที่สักเสือเผ่นบนไหล่
"อะไรของแก เกะกะคนจะหาของ" เสื้อชายร่างใหญ่ไม่สนใจชายหนุ่มพนักงานร้านสะดวกซื้อแม้แต่น้อย เขาทั้งสองคนดูไม่ยินดียินร้ายกับคนที่พบเลย
"เฮ้ย มีคนรอดด้วยหรอว่ะ" แรดที่เดินเข้ามาในร้านพบหนุ่มพนักงานร้านสะดวกซื้อ จึงทักขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
"พี่ครับผมขอไปกับพวกพี่สามคนด้วยได้ไหมครับ ผมไม่รู้ว่าจะอยู่ที่นี่ได้อีกนานแค่ไหน พี่พาผมไปด้วยนะครับขอร้อง" ชายหนุ่มพนักงานร้านสะดวกซื้อมาอ้อนวอนแรดชายร่างผอม
"เอาไงดี" แรดหันมาถามเพื่อนทั้งสองคนที่กำลังเอาของกินขึ้นรถ
"แล้วแต่แก" กระทิงบอกกับแรดด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ
"ก็ได้ ไปเก็บข้าวของแกมา เราจะไปด้วยกัน" แรดพูดกับชายหนุ่มพนักงานร้านสะดวกซื้อ
"ขอบคุณครับพี่ขอบคุณ" ชายหนุ่มดีใจยิ้มน้ำตาไหลจับมือของแรดเขย่าแรงๆ หลายครั้ง ก่อนจะหันหลังกลับไปเพื่อไปเก็บของ
"ฉึก!!! " เสียงของมีดดาบที่แทงจากด้านหลังทะลุด้านหน้าของชายหนุ่มที่หน้าอก โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัวเมื่อหันหลัง
"กูโกหก ฮ่า ฮ่า ฮ่า" แรดถีบร่างชายหนุ่มพนักงานร้านสะดวกซื้อจนล้มลงไปนอนกองพื้นด้วยความสะใจ"เอาไปให้เกะกะรถเปล่าๆ ถ้าแกเป็นผู้หญิงล่ะก็ไม่แน่ข้าอาจจะพาไปด้วยก็ได้" แรดพูดจบก็เดินขึ้นรถพร้อมกับเพื่อนอีกสอง ทิ้งร่างของชายหนุ่มที่นอนสิ้นหวังอยู่ในร้านสะดวกซื้อ
"ปัง ปัง ปัง!!! " เสียงประทัดถูกจุดโยนเข้าไปในร้านสะดวกซื้อก่อนที่รถจะวิ่งไป เรียกพวกศพที่วิ่งมาตามมาให้เห็นร่างของชายหนุ่มพนักงานร้านสะดวกซื้อที่พยายามตะเกียดตะกายคลานเอาชีวิตรอด พวกศพจึงรุมกัดกินร่างของชายหนุ่มทั้งเป็นอย่างน่าอนาถใจยิ่งนัก
ทั้งสามหัวเราะกันอย่างสนุกสนานเมื่อขึ้นรถพร้อมเหล้าและอาหารจำนวนมาก ตลอดสามเดือนที่ผ่านมาทั้งสามทำแบบนี้เรื่อยมา เพราะโลกที่สาบสูญแห่งนี้ไม่มีกฎหมายไม่มีผิดชอบชั่วดีไม่มีอะไรทั้งสิ้น นอกจากความอยู่รอดของตนเองเท่านั้น
และคืนนั้นคนทั้งสามดื่มฉลองกันอย่างเมามายในรถหุ้มเกราะอย่างมีความสุข เหมือนดังกับว่าโลกใบนี้คือโลกที่น่าอยู่สำหรับพวกเขา
รุ่งเช้า เสือเดินออกมาจากรถด้วยสภาพเมาค้าง เขาเดินออกมายิงกระต่ายไม่ไกลจากรถหุ้มเกราะที่จอดอยู่
"กากกกก กากกกก" เสียงร้องของศพหญิงสาวที่นอนร่างขาดครึ่งท่อนไม่มีแขน สภาพใบหน้าตรงแก้มซ้ายแหว่งไปจนเห็นฟัน เธอเลือกตาที่มีเพียงข้างเดียวพร้อมกับส่งเสียงร้องเพื่อจะตะเกียกตะกายมาหาร่างของเสือที่ยืนยิงกระต่ายอยู่
"ว่าไงจ๊ะคนสวย มาแอบดูอนาคอนด้าของพี่แบบนี้ไม่งามเลยนะตัวเอง" เสือพูดยิ้มๆ กับร่างศพครึ่งท่อนด้วยอาการเมาค้าง ก่อนจะยิงกระต่ายใส่หน้าศพขาดครึ่งท่อนนั้นอย่างน่าทุเรศ
เมื่อส่างเมาทั้งสามก็ออกเดินทางกันต่ออย่างไร้จุดหมาย พวกเขาเดินทางไปเรื่อยๆ แวะเติมน้ำมันตามปั๊มที่ยังคงมีอยู่ตามจุดต่างๆ ในกรุงเทพ เรียกได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างยังมีอยู่เหลือเฟือตราบเท่าที่ยังไม่เน่าเสีย พวกเขาก็ยังคงตักตวงได้อย่างไม่ขาดสาย
"เฮ้ยนั่นป้ายอะไรวะ" แรดที่เปลี่ยนมาเป็นคนขับอ่านป้ายผ้าตัวโตที่แขวนบนสะพานลอยตัวใหญ่ว่า "ที่นี่ยังมีผู้รอดชีวิตชายหญิงเหลืออยู่ ช่วยด้วย" พร้อมกับลูกศรชี้มายังทางเข้า
"มันเขียนว่ามีคนรอดชีวิตทั้งชายแล้วก็หญิง" แรดอ่านป้ายระหว่างที่รถวิ่งเข้าใกล้ "มีผู้หญิงเหลืออยู่" แรดอ่านป้ายซ้ำอีกครั้ง
ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างรู้ใจเมื่อพูดถึงสตรีเพศ
"จะรออะไรอีก ไปกันเถอะพี่น้อง" กระทิงตะโกนออกมาด้วยสีหน้าหื่นกระหาย
ทั้งสามขับไปตามลูกศรที่ถูกพ่นด้วยสีสเปรย์ที่ชี้มาตามทางตลอด จนเข้ามาในซอยลึกถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า "หมู่บ้านหรรษาวิลล์ ที่หน้าหมู่บ้านมีประตูรั้วลูกกรงเหล็กขนาดใหญ่ปิดทับด้วยไม้กระดานอยู่หน้าหมู่บ้าน และบนถนนหน้าหมู่บ้านก็มีสีสเปรย์สีแดงเขียนตัวหนังสือตัวโตๆ บนถนนว่า "ช่วยด้วยเราอยู่ที่นี่ ช่วยเราด้วย"
ทั้งสามคนลงมาจากรถเดินตรงไปที่ประตูรั้วด้วยความสงสัย ก่อนที่ประตูรั้วจะเปิดออกมาเองท่ามกลางความแปลกใจของทั้งสามที่ยืนเตรียมพร้อมอยู่แล้ว
เมื่อประตูเปิดออกมาทั้งสามก็พบกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงในชุดนักศึกษามหาลัยหลายคน ยืนถือไม้อยู่หน้าประตูที่เปิดออกมา
"พวกคุณเป็นมนุษย์ใช่ไหม" นักศึกษาชายคนหนึ่งตะโกนออกมาด้วยสีหน้าท่าทางหวาดวิตก ขณะที่พวกผู้หญิงหลายคนต่างก็ยืนเกาะกลุ่มกันท่าทางหวาดกลัวอยู่ด้านหลังนักศึกษาชายคนนี้
"เราเป็นคนไม่ใช่พวกผีดิบ" กระทิงตะโกนออกไปเมื่อเห็นกลุ่มนักศึกษา ทั้งสามคนวางอาวุธพร้อมกันอย่างช้าๆ
"พวกเรามีอาหารมีน้ำมีเหล้ามีอาวุธ เราแค่อยากหาที่หลบภัยเท่านั้น พวกนายมีที่หลบภัยให้เราอยู่ด้วยได้ไหม เราเดินทางมาไกลจนไม่รู้จะไปที่ไหนแล้ว" แรดตะโกนออกไปด้วยท่าทางเป็นมิตร
"พวกคุณจะไม่ทำอะไรพวกเราใช่ไหม ที่นี่มีแค่พวกเราชายหญิงไม่กี่คนเท่านั้น" นักศึกษาชายตะโกนถาม
"พวกเราคือคนที่รอดชีวิตกลุ่มสุดท้ายในโลก เราควรอยู่ร่วมกันเอาไว้ดีกว่า" กระทิงตะโกนบอกไป
เหล่านักศึกษาชายหญิงกระซิบกระซาบกันเองอยู่นานสองนานเพื่อปรึกษาเรื่องนี้ จนได้ข้อสรุปขึ้นมา
"เรายินดีต้อนรับทุกคนครับ" นักศึกษาชายตะโกนบอกก่อนจะเปิดประตูให้คนทั้งสามเข้าไปในหมู่บ้าน
"เข้าทาง" ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างรู้ใจเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้
เมื่อขับรถเข้ามาประตูทางเข้าหมู่บ้านก็ถูกปิดลง ด้านในของหมู่บ้านเป็นหมูบ้านจัดสรรสำเร็จรูปที่ตอนนี้บ้านหลายหลังยังสร้างไม่เสร็จ ขณะที่บ้านหลายหลังสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว จึงไม่น่าแปลกที่ตรงทางเข้าจะมีประตูเหล็กปิดทางเข้าออกเอาไว้
ที่นี่เหมือนปราการดีๆ เลยแกว่าไหม" แรดที่เป็นคนขับรถพูดกับเพื่อนทั้งสองระหว่างขับเข้ามาตามทางที่พวกนักศึกษาเดินนำ
"เรื่องนั้นช่างมันก่อน ตอนนี้ข้าสนใจแต่สาวๆ วะ มีแต่เด็กๆ นักศึกษาสวยๆ ทั้งนั้นเลย แบบนี้สวรรค์ชัดๆ เลย" เสือพูดด้วยท่าทางหื่นกระหายระหว่างมองนักศึกษาสาวที่เดินไปมาในหมู่บ้าน
"อย่ารีบหื่นออกไปเชียว ทำกระโตกกระตากไปเดี๋ยวไก่จะตื่นหมด ทำตามแผนที่วางเอาไว้ เมื่อมีโอกาสค่อยเก็บพวกผู้ชายให้หมด ส่วนผู้หญิงทั้งหมดจะได้เป็นของเราสามคน" แรดบอกกับเพื่อนทั้งสอง
"ฮาเร็มแท้ๆ เลย ไม่น่าเชื่อว่าโลกที่มีแต่พวกผีดิบแบบนี้จะมีแต่สิ่งดีๆ ที่พวกเราครอบครองได้" กระทิงยิ้มฟันเหลืองอย่างออกหน้าออกตา
รถหุ้มเกราะขับมาจอดที่บ้านหลังใหญ่ใจกลางหมู่บ้านที่มีสนามหญ้ากับบ่อน้ำพุตั้งอยู่หน้าทางเข้า ที่นั่นมีชายหญิงสามสี่คนยืนรอพวกเขาอยู่ ทั้งสามลงมาจากรถด้วยสีหน้าเข้มขรึม ขณะที่ชายหญิงทั้งสี่ก็เดินมาหาคนทั้งสามด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแบบเป็นมิตร
"ยินดีต้อนรับทุกคนครับ ผมชื่อบอยเป็นหัวหน้านักศึกษาของที่นี่ครับ ส่วนน้องคนนี้ชื่อครีม อีกคนชื่อริน แล้วก็นี่ก้องครับ" นักศึกษาร่างอ้วนตี๋แนะนำตัวเองและเพื่อนๆ
"ของพี่ชื่อกระทิง คนนี้ชื่อแรด ส่วนไอ้อ้วนนี่ชื่อเสือ" กระทิงแนะนำตัว
นักศึกษาทั้งสี่คนกระซิบกันเบาๆ เมื่อรู้ชื่อของคนทั้งสาม โดยเฉพาะนักศึกษาสาวที่ชื่อครีมกับริน แอบมองมาทางคนทั้งสามก่อนจะรีบหันหน้ากลับทันที
"เอ่อ....พวกพี่ใช่แก๊งเสือสิงกระทิงแรดที่ปล้นธนาคารในข่าวเมื่อหลายเดือนก่อนใช่ไหมครับ" ก้องนักศึกษาชายร่างผอมถามคนทั้งสาม
"ใช่ พวกเราเอง พวกน้องกลัวพวกพี่ใช่ไหม" แรดพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
"..............." ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทุกคนมีสีหน้าไม่สู้ดีเมื่อถูกถามแบบนี้
"ไม่ต้องกลัวไปหรอกน้องๆ " กระทิงยิ้มฟันเหลือง "ถึงพวกพี่จะเป็นโจรปล้นธนาคารแต่พวกพี่ก็ไม่ใช่คนเลวหรอก พวกพี่แค่พยายามหาเงินเอาไปให้พ่อกับแม่เพื่อปลดค่าจำนองที่ดินที่ถูกพวกนายหน้ายึดไปก็เท่านั้นเอง พวกน้องสบายใจได้" แรดกับเสือมองหน้ากันเมื่อฟังกระทิงพูดโกหกปั้นน้ำเป็นตัวอย่างหน้าตาย
"ใช่ๆ แทนที่น้องๆ จะกลัวพวกพี่ๆ น้องๆ ควรกลัวพวกผีดิบข้างนอกจะดีกว่า พวกมันทั้งวิ่งเร็วทั้งกินไม่เลือกหน้า พวกพี่กว่าจะรอดชีวิตมาได้จนถึงตอนนี้เลือดตาแทบกระเด็นเลยนะ" แรดรับไม้ต่อทันทีเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
"พวกพี่พูดถูก โลกข้างนอกหน้ากลัวกว่านี้มาก เราที่เป็นคนที่รอดชีวิตควรร่วมมือกันถึงจะถูก" บอยชายร่างอ้วนหน้าตี๋พูดยิ้มๆ
"ใช่ ใช่ ข้างนอกผีดุมากๆ ขนาดไอ้สิงยังถูกเราฆ่า เอ๊ยถูกพวกผีดิบเอาไปกินเลย" เสือพยักหน้ารับคำแบบงงๆ เมื่อถูกแรดสะกิดขาแรงๆ ตามภาษาคนโง่
"งั้นพวกพี่พักตามสบายเลยนะครับ มีคนเก่งๆ อย่างพวกพี่อยู่ด้วยเราก็สบายใจ" ก้องพูดยิ้มๆ
ทั้งสามคนมาพักกันที่บ้านพักรับรองหลังหนึ่ง ที่เป็นบ้านโชว์ซึ่งถูกสร้างเสร็จแล้วมีเฟอร์นิเจอร์ครบ
"นี่น้องที่นี่มีคนอยู่เท่าไหร่" แรดถามก้องนักศึกษาชายที่มาส่งทั้งสามที่บ้านพัก
"มีทั้งหมด 18 คนครับ มีผู้ชาย 5 ผู้หญิงหญิง 13 คน ก่อนหน้านี้มีอยู่ราวๆ 30 คน พวกเราหนีมาจากมหาลัยที่อยู่ใกล้ๆ นี้ครับ" ก้องนักศึกษาชายตอบ
"แล้วคนอื่นๆ หายไปไหนกันหมด" กระทิงถามต่อ
"พวกนั้นออกไปหาอาหารข้างนอกครับ แต่ออกไปก็ไม่เคยกลับมาครบเลย ล่าสุดก็ออกไปหาอาหาร8คน สามวันมาแล้วไม่มีใครกลับมาเลย" ก้องพูดเสียงสลด
"ไม่เป็นไร พวกพี่มีอาหารเยอะ เดี๋ยวน้องเอาไปแจกให้ทุกคนกินให้อิ่มเลยไม่ต้องเกรงใจ" แรดบอก
"ยกเว้นเหล้า โอ๊ย....เหล้าด้วยก็ได้" เสือพูดด้วยท่าทางไม่พอใจแต่ก็ต้องยอมเพราะถูกเหยียบเท้า
ทั้งสามยืนดูพวกนักศึกษาชายหญิงเดินมาเอาของกินออกจากรถหุ้มเกราะ นักศึกษาหญิงหลายคนหันมายิ้มให้คนทั้งสามอย่างเป็นมิตร
"ขอบคุณพวกพี่ๆ มากนะคะที่แบ่งอาหารให้พวกเรา" ครีมนักศึกษาสาวสวยเดินมายกมือไหว้คนทั้งสามด้วยรอยยิ้ม
"ไม่เป็นไร" กระทิงรับไหว้ด้วยรอยยิ้ม
"ครีม....!!!! มาช่วยทางนี้เร็ว" เสียงของพลนักศึกษาชายหน้าตาดีตะโกนเรียกครีมให้มาช่วยยกของด้วยสีหน้าไม่พอใจ
"ขอตัวก่อนนะคะ" ครีมรีบวิ่งไปหาแฟนหนุ่มเมื่อพูดจบ ทั้งสองคนกระซิบกระซาบกันเบาๆ เมื่อครีมเดินมาหาพล ก่อนที่พลจะหันมามองทางคนทั้งสามด้วยสายตาไม่พอใจ
"แกเห็นไหม" กระทิงกระซิบกับแรด
"อืม" แรดรับคำโดยไม่พูดอะไร
ตกกลางคืนก็มีงานเลี้ยงรอบกองไฟเพื่อฉลองการมาของทั้งสาม อาหารและเหล้าที่ทั้งสามคนนำมาถูกเอามาใช้กินกันอย่างมีความสุข มีการร้องรำทำเพลงกันอย่างเมามายเพื่อลืมความทุกข์และความกลัวที่เคยผ่านมา ทั้งสามแอบมองเหล่านักศึกษาสาวที่กำลังนั่งดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน ใจของทั้งสามคนคิดแต่เรื่องอกุศลตลอดเวลา
"ทนไม่ไหวและ ขอตัวไปยิงกระต่ายแป๊บ" กระทิงช่ายร่างเล็กบอกกับเพื่อนๆ ก่อนจะลุกขึ้นมาในห้องน้ำ ระหว่างที่แรดกำลังเดินไปห้องน้ำก็ได้ยินพวกนักศึกหลายคนแอบคุยกันที่บ้านหลังหนึ่ง
"พวกนี้เป็นโจรปล้นธนาคารโคตรน่ากลัวเลย" เสียงนักศึกษาชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา "ท่าทางก็ดูไม่น่าไว้วางใจ ไม่รู้ว่าผ่านอะไรมาบ้างทั้งเหล้าทั้งยาเสพติด"
"แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากคนพวกนี้แล้วนะ เราจำเป็นต้องมีพวกเขาไม่งั้นเราก็อดตาย" เสียงนักศึกษาสาวคนหนึ่งพูดแย้ง
"ใช่ แกก็รู้ว่าเราออกไปข้างนอกไม่ได้ กลุ่มสุดท้ายที่ออกไปหาอาหารก็ไม่กลับมาเป็นเดือนแล้ว ถ้าเราไม่มีพวกเขาเราจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร" เสียงนักศึกษาชายอีกคนพูดสนับสนุนนักศึกษาสาวคนนั้น
"เราเองไม่ชอบพวกนั้น ดูสกปรกยังไงไม่รู้" นักศึกษาสาวอีกคนพูดเสียงแหลม
"ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง ยังไงเราก็ต้องมีคนพวกนี้เพื่อความอยู่รอด พวกเขาจะช่วยเราให้มีชีวิตอยู่ได้ไปอีกเป็นเดือน ใครไม่เห็นด้วยก็ตามใจแต่ข้าจะเอาพวกเขาให้อยู่ด้วย" เสียงชายคนหนึ่งพูดเป็นเด็ดขาดก่อนที่ทุกคนจะเลิกคุยกัน
"เป็นไปตามแผน" กระทิงคิดในใจเมื่อทุกอย่างไปได้ด้วยดี
ตกกลางคืนหลังงานฉลอง ทั้งสามคนก็วางแผนเพื่อที่จะกำจัดพวกผู้ชายให้หมด
“ข้ามีแผนดีๆ แล้ว พวกแกฟังนะ...." กระทิงบอกเพื่อนทั้งสามถึงแผนการอันชั่วร้ายของตน....
รุ่งขึ้นทั้งสามจึงเรียกนักศึกษาทั้งหมดมาประชุมกันที่บ้านพัก
"ในฐานะที่เราสามคนเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการเอาตัวรอดจากชีวิตด้านนอกมา พวกเราสามคนจึงขอตั้งตนเองเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยของที่นี่ เพื่อความสงบสุขโดยที่เราจะร่วมมือกับผู้ชายทุกคนที่นี่เพื่อจัดกลุ่มออกตรวจตราบริเวณโดยรอบที่แห่งนี้ และจัดกลุ่มออกไปหาอาหารกันเพื่อพวกเราทุกคนที่นี่จะได้มีกินกันอย่างอิ่มท้อง มีใครเห็นด้วยบ้าง" แรดบอกกับทุกคน
"เห็นด้วยค่ะ!!!! " ครีมนักศึกษาสาวสวยยกมือสนับสนุน ขณะที่นักศึกษาคนอื่นๆ ต่างก็เห็นด้วยกับสิ่งนี้อย่างพร้อมเพรียง ยกเว้นพลกับนักศึกษาสองสามคนที่ไม่ยกมือเห็นด้วย
"ดีงั้นเริ่มจากออกลาดตระเวนพื้นที่รอบๆ กันก่อน ไอ้เสือพาน้องผู้ชาย 3 ไปตรวจพื้นที่รอบๆ ด้วยรถเพื่อหาอาหารตามร้านขายของ แล้วก็ไปเติมน้ำมันด้วย" กระทิงบอกเสือ "ส่วนแกแรดพาน้องผู้ชายสองคนไปตรวจพื้นที่รอบกำแพงด้านในหมู่บ้านว่ามีช่องอะไรไหม จะได้ไม่มีพวกผีดิบแอบเล็ดลอดเข้ามาในนี้ได้"
"ได้" เสือกับแรดรับคำ
"ส่วนที่เหลือก็ทำตัวกันตามสบายนะจ๊ะสาวๆ เลิกประชุม" กระทิงพูดจบทุกคนก็แยกย้ายกันไปทั้งสามคนมองตากันอย่างรู้ใจถึงแผนที่วางเอาไว้เมื่อคืน....
"เสือ แกต้องพาพวกผู้ชายขับรถออกไปไกลๆ แล้วทิ้งพวกมันให้ถูกพวกผีดิบจับกินให้หมด ส่วนแกแรดพาพวกมันไปเดินสำรวจรอบๆ หมู่บ้านที่ลับหูลับตาแล้วก็จัดการซะ ถ้าจะให้เนียลๆ หน่อยแกก็หาผีดิบมาปล่อยสักตัวสองตัว จะได้มีข้ออ้างว่าพวกผู้ชายถูกฆ่ายังไง แล้วพอพวกผีเข้ามาพวกเราก็จะเป็นฮีโร่มาช่วยพวกสาวๆ ทีนี้พอไม่มีพวกผู้ชายพวกเราก็จะมีสาวๆ ให้กินเป็นฮาเร็มกันเลย" กระทิงบอกแผนกับคนทั้งสอง
"แล้วแกทำอะไรระหว่างที่พวกข้าออกไปทำงาน" เสือถาม
"ข้าก็จะเตรียมตัวรอจัดการผีดิบยังไงล่ะ" กระทิงบอกกับเสือ
ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เสือพานักศึกษาชาย 3 คนขับรถหุ้มเกราะออกไปข้างนอกหมู่บ้าน ขณะที่แรดก็พานักศึกษาชายสองคนไปตรวจรอบๆ ด้านหลังหมู่บ้านที่เป็นบ้านร้างที่ยังสร้างไม่เสร็จ
กระทิงที่รอเพื่อนทั้งสองคนทำงาน เขาก็เดินสำรวจตามที่ต่างๆ ในหมู่บ้าน เพื่อดูสาวๆ ที่อยู่ในหมู่บ้านกำลังทำงานกันอยู่
"ทำอะไรกันจ๊ะสาวๆ " กระทิงถามสาวๆ ที่กำลังเอาเนื้อแดดเดียวมาตาก
"กำลังตากเนื้อเค็มคะ พวกเราเรียนทางด้านเกษตรและอาหารมาค่ะ เลยรู้จักวิธีถนอมอาหารรูปแบบต่างๆ " รินนักศึกษาสาวบอกกับกระทิง
"เรามีผักด้วยนะคะ มันขึ้นตามรั้วถึงจะมีแค่ตำลึงกับกล้วยแต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย" ครีมพูดยิ้มๆ กับกระทิง
"ดีแล้วที่น้องๆ รู้จักเอาตัวรอดแบบนี้" กระทิงแอบมองหน้าอกครีมเมื่อพูดกับเธอ
เวลาผ่านไปจนตกเย็นแรดก็กลับมาที่ใจกลางหมู่บ้านพร้อมนักศึกษา 2 คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ขณะที่เสือยังไม่กลับมาเลย
"ทำไมเอ็งไม่ทำตามแผน" กระทิงด่าแรดเมื่อเขากลับมาด้วยความไม่พอใจ
"ก็รอบๆ กำแพงไม่มีช่องอะไรเลย จะเอาผีดิบมาจากไหนกันวะ" แรดว่ากลับ
"ถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องเปลี่ยนแผนใหม่ แล้วไอ้เสือมันหายหัวไปไหนของมันวะ" กระทิงพูดด้วยท่าทางไม่พอใจเมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้
จนถึงมื้อเย็นกระทิงก็ยังไม่กลับมา ตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเงียบงัน เพราะผู้ชายสามคนที่มีพลกับบอยอยู่ในกลุ่มที่ออกไปกับเสือยังไม่กลับมา
"ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวพวกนั้นก็กลับมาเชื่อพี่" แรดปลอบใจนักศึกษาทุกคนที่กำลังเสียขวัญ โดยเฉพาะครีมที่นั่งซึมเพราะเป็นห่วงพลแฟนหนุ่มที่ยังไม่กลับมา
ตกกลางคืนเมื่อทุกคนแยกย้ายกันไปนอน แรดก็วางแผนใหม่ขึ้นมาได้
"กระทิงเดี๋ยวคืนนี้แกออกไปนอกหมู่บ้าน ไปล่อผีดิบมาสักสองสามตัวมาปล่อยในหมู่บ้าน เดี๋ยวข้าจะแง้มประตูเอาไว้ให้ พอแกมาถึงข้าจะไปชวนผู้ชายสองคนนั่นมาที่ประตูจะได้ให้พวกมันถูกผีดิบกิน" แรดออกความคิด
"ตกลงตามนี้" กระทิงรับคำ
ตกดึกทั้งคู่จึงทำตามแผนที่วางเอาไว้ แรดแอบเปิดประตูทางเข้าหมู่บ้านแล้วให้กระทิงรีบออกไปนอกหมู่บ้าน ขณะที่แรดเตรียมพร้อมรอสัญญาณอยู่หลังประตู กระทิงพร้อมกับไม้เบสบอลเหล็กเดินไปเดินมาแถวทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งซอยทางเข้าหมู่บ้านตอนนี้มีแต่พงหญ้าคารกทึบมืดสนิทตลอดทาง มีเพียงแสงจากไฟฉายเท่านั้นที่เป็นเครื่องนำทาง
"ทีต้องการตัวล่ะไม่มีสักตัว ผีจ๋าผี" กระทิงเดินไปบ่นไปในพุ่มหญ้ารกๆ จนมาเจอลานรอดรถแห่งหนึ่งข้างกำแพงหมู่บ้าน ที่ข้างกำแพงนี้มีรถหลายคันสภาพดีๆ ซึ่งพร้อมใช้งานจอดทิ้งเอาไว้เป็นสิบๆ คัน แต่ไร้ซึ่งคนขับหรือวี่แววคนแถวนั้นเลย
กระทิงเดินสำรวจไปเรื่อยๆ จนมาเจอรถหุ้มเกราะของตน จอดทิ้งเอาไว้ที่กำแพงหมู่บ้าน แต่ข้างในรถกลับไม่มีใครอยู่เลยและไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรืออะไรทั้งนั้นในรถ "ไอ้เสือไปไหนของมัน" กระทิงบ่นดังๆ เมื่อส่องไปในรถไม่เจอใคร จนกระทั่งเขาไปเห็นประตูเหล็กประตูหนึ่งที่กำแพงเขาจึงเปิดเข้าไปด้วยความสงสัย เมื่อเข้ามาเขาก็พบว่าตัวเองนั้นอยู่ในส่วนของหมู่บ้าน ซึ่งเป็นบ้านหลังหนึ่งที่สร้างเสร็จแล้ว กระทิงเดินจากประตูเข้ามาในส่วนของห้องๆ หนึ่ง เขาส่องไฟเข้าไปดูด้านในห้อง ที่เป็นเหมือนห้องครัวธรรมดา มีตู้เย็นขนาดใหญ่กับเครื่องครัวเช่นมีดกระทะหม้อ กระทิงส่องไฟดูรอบๆ ห้องก่อนจะไปสะดุดตากับโหลอะไรบางอย่างที่วางเอาไว้ที่ชั้นวางของ
"......!!!! " กระทิงส่องไฟดูโหลเหล่านั้นก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อโหลดองเหล้าขนาดใหญ่เหล่านั้นใส่ลูกตาคนเอาไว้หลายดวง ส่วนโหลอื่นๆ ก็ใส่อวัยวะพวกหัวใจตับปอดเอาไว้แยกเป็นโหลๆ เหมือนดองเค็ม และยังมีกองเสื้อผ้าชายหญิงที่อยู่ตรงมุมห้อง กระทิงแปลกใจและตกใจกับสิ่งที่เห็นมากๆ จนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าข้างในตู่เย็นจะมีอะไร "อุ๊บ!!! " กระทิงอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเปิดตู้เย็นออกมาก็พบกับกล่องอะไรบางอย่างหลายกล่องอยู่ในนั้น และที่ด้านล่างของตู้เย็นก็มีแขน 2 ข้างของคนอยู่ในนั้น และแขนข้างหนึ่งก็มีรอยสักรูปเสือเผ่นอยู่ที่หัวไหล่ ซึ่งเป็นรอยสักเดียวกับที่เสือสักเอาไว้
"อะไรว่ะเนี้ย!!!! " กระทิงอุทานออกมาด้วยความตกใจ
"เห็นแล้วซินะครับความลับของพวกเรา" บอยที่ยืนอยู่ด้านหลังของกระทิงพูดยิ้มๆ ด้วยหน้าตาเป็นมิตร
"พะพวกแก!!! ..." กระทิงสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงของบอยที่ด้านหลัง "พะพวกแกกะกิน....!!! "
"ครับ เพื่อความอยู่รอดบนโลกที่โหดร้ายเราจึงต้องทำ...." บอยนักศึกษาชายพูดยิ้มๆ ในมือของเขามีมีดอีโต้ด้ามโต
"งะงั้นเนื้อแดดเดียวนั่นก็!!!! " กระทิงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตกใจ ดวงตาของเขาจ้องไปที่มีดอีโต้ในมือของบอยนักศึกษาชาย "อย่านะ!!!! ไม่นะ....ไม่...!!!! " กระทิงดวงตาเบิกโพลงด้วยความกลัวสุดขีด
"ฉับ!!!! อ๊ากกกกก!!!! ฉับ!!! ฉับ!!! " เสียงของมีดอีโต้ฟันลงบนชิ้นเนื้อพร้อมเสียงร้องโหยหวนของใครบางคนดังกึกก้องท่ามกลางความเงียบงัน....
"เมื่อไหร่มันจะมาสักที รอจะเมื่อยแล้ว" แรดยืนบ่นคนเดียวที่หน้าประตูหมู่บ้าน โดยที่ไม่รู้ว่าด้านหลังของเขามีกลุ่มชายหญิงหลายคนกำลังยืนอยู่
"พี่คะ.." ครีมนักศึกษาสาวเรียกแรดให้หันมา "ขอบคุณที่กรุณาเรื่องอาหารแก่พวกเรานะคะ" ครีมนักศึกษาสาวสวยพูดยิ้มๆ พร้อมกับชูมีดเล่มยาวออกมาต่อหน้าแรด
"ไม่..........!!!!! " เสียงร้องของชายหนุ่มร่างผอมดังกึกก้องทั่วหมู่บ้าน ท่ามกลางความมืดมิด
และแล้วความสงบสุขที่กลับมาเยือนหมู่บ้านแห่งนี้อีกครั้ง....
"ขอบคุณสำหรับอาหารนะคะ"