มนตราวายสะ ตอนที่ 13 ผู้ใจดี (1)
+++++++++
13
ผู้ใจดี
การแต่งตั้งผู้นำคนใหม่ ถูกจัดขึ้นท่ามกลางความยินดีของบรรดาเผ่ากากุลิที่เดินทางมาร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์กันอย่างล้นหลาม แต่ก็มีบุคคลบางกลุ่มที่ไม่ได้พอใจกับพิธีนี้สักนิดเดียว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเก็บความไม่พอใจนั้นเอาไว้ข้างใน ทำให้เมื่อเสร็จพิธีบุคคลเหล่านั้นก็กลับโลกมนุษย์ทันที ไม่แม้แต่จะอยู่ร่วมงานเฉลิมฉลอง
“ผมมีธุระที่จะต้องไปจัดการ ต้องกลับก่อน จากนี้ไปก็หวังว่าจะได้เห็นการทำงานที่ทุ่มเทและการปกครองที่ชาญฉลาดของท่านผู้นำคนใหม่นะครับ” บุรินทร์ก้มศีรษะลงเล็กน้อย ทว่าสายตากลับปรายมองผู้นำคนใหม่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผู้นำอาวุโสสภาสูงพลางกดยิ้มเยาะ
“ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องพึ่งพาและขอคำชี้แนะจากผู้นำเขตในแต่ละพื้นที่เช่นกัน” วายสะตอบกลับอย่างใจเย็น
“ถ้าว่างก็คงได้ช่วยเด็กน้อยไม่รู้ความอย่างท่านล่ะนะ” บุรินทร์ตอบกลับด้วยถ้อยคำที่พลิศน์คิดว่าไม่สมควรเท่าไหร่จึงปรามขึ้น “ท่านบุรินทร์”
“ผมลาล่ะ” พูดจบก็เดินผละออกไปทันที
“ให้ผมสั่งสอนให้หรือไม่” พลิศน์ถามอย่างไม่พอใจกับความจองหองที่อีกฝ่ายมีต่อวายสะ
“ไม่ต้อง ผมจะทำให้เขาสยบด้วยตัวเอง” แม้จะไม่พอใจกับท่าทีอีกฝ่าย แต่วายสะก็เข้าใจ การปกครองคนหมู่มาก การที่จะมีคนไม่ชอบไม่ใช่เรื่องแปลก ตราบใดที่คนผู้นั้นยังไม่เป็นภัย เขาก็แค่จับตาดูอีกฝ่ายมากเป็นพิเศษนิดหน่อยและจะทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป
“แค่วันแรกก็เจอแล้วใช่ไหมล่ะ” ผู้เฒ่าเวทินถามเสียงกลั้วหัวเราะพลางยกมือลูบเคราของตัวเอง
“ครับ”
“ถ้าทำให้ผู้ใต้ปกครองภักดีไม่ได้ก็จะลำบากหน่อยล่ะนะ”
“ผมคิดว่าตัวเองจัดการและควบคุมได้ครับ” วายสะยืนยันเสียงหนักแน่น และเรื่องนี้เขาได้ศึกษาจากคนเป็นพ่อมาพอสมควร และท่านก็เน้นย้ำมากเป็นพิเศษ
“มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แม้จะเป็นงูพิษ แต่ถ้ารู้จักจัดการและควบคุมได้ ก็สามารถนำมันมาใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน” ผู้เฒ่าแนะนำลอย ๆ
“แล้วถ้าเกินการควบคุมล่ะครับ” วายสะย้อนถามยิ้ม ๆ
“การกำจัดทิ้งก็ไม่ได้เป็นวิธีที่เลวร้ายสักเท่าไหร่ บางครั้งเนื้อร้ายก็จำเป็นต้องตัดทิ้งก่อนที่มันจะลุกลาม” ผู้เฒ่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่คล้ายกับไม่ได้จริงจังเท่าไหร่ แต่สีหน้านั้นกลับตรงกันข้าม และเรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร เอาตามความเป็นจริง การที่บุรินทร์พูดจาล่วงเกินผู้นำแบบนี้ มีสิทธิ์ฆ่าทิ้งเดี๋ยวนั้นเลยก็ยังได้
“ผมจะจำเอาไว้ครับ” วายสะน้อมรับคำสั่งสอน
“วันนี้ดื่มฉลองให้เต็มที่ หลังจากนี้ไปก็เตรียมตัวเข้ารับการฝึกเวทอย่างหนัก” ผู้เฒ่าตบที่ไหล่กว้างของท่านผู้นำคนใหม่เบา ๆ อย่างให้กำลังใจ เพราะต่อจากนี้ เด็กคนนี้ต้องเจออะไรที่มันหนักหนาอีกเยอะ
“ครับ” วายสะรับคำด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่หนักแน่น ผู้เฒ่าพยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะหันไปมองโกสุมที่เดินเข้ามาหา
“ข้ามีเรื่องจะปรึกษาหน่อยน่ะครับ”
“งั้นข้าขอตัวสักครู่นะ”
เมื่อท่านผู้เฒ่าเดินผละออกไป วายสะก็หันมาพูดกับคนสนิทอย่างพลิศน์ “หลังจากนี้ไปผมต้องพึ่งพาคุณอาและทุกคนแล้วนะ”