หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

มาตรการหารายได้เข้ารัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยไม่ต้องให้ต่างชาติซื้อ/เช่าอสังหาริมทรัพย์ 99 ปี

โพสท์โดย doctorsopon

มาตรการหารายได้เข้ารัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยไม่ต้องให้ต่างชาติซื้อ/เช่าอสังหาริมทรัพย์ 99 ปี

 

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส  

 

             ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ทำหนังสือถึงนายกฯ ฉบับที่ 5 เสนอมาตรการหารายได้เข้ารัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยไม่ต้องให้ต่างชาติซื้อ/เช่าอสังหาริมทรัพย์ 99 ปี รายละเอียดดังนี้

 

---------

 

ที่ AREA.08/109/67

 

6    สิงหาคม    2567

 

เรื่อง      มาตรการหารายได้เข้ารัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยไม่ต้องให้ต่างชาติซื้อ/เช่าอสังหาริมทรัพย์ 99 ปี

 

เรียน     นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

 

                     เนื่องด้วยศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย AREA ประสงค์จะสนับสนุนให้รัฐบาลหารายได้มาพัฒนาประเทศชาติ จึงขอเสนอมาตรการต่างๆ ดังดังนี้:

 

                     1. เก็บภาษีผู้มีทรัพย์สินราคาสูง ในภาวะที่ประชาชนทั่วไปประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ มีหนี้ครัวเรือนสูง ประชาชนผู้มีฐานะดีจึงพึงแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมในการสนับสนุนประเทศชาติในยามนี้:

                     1.1 ในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาเกินกว่า 20 ล้านบาทตามราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ให้ทางราชการประเมินราคาใหม่ตามราคาตลาดและให้เสียภาษีและค่าธรรมเนียมโอนตามราคาตลาด

                     1.2 ในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาเกินกว่า 20 ล้านบาทตามราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ให้ทางราชการประเมินราคาใหม่ตามราคาตลาด และประเมินราคาเมื่อแรกครอบครองตามราคาตลาด และให้เก็บภาษีกำไรจากส่วนต่างของราคาทั้งสองที่ 20% ของกำไร

                     1.3 เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสูงเกินกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไป ให้ทางราชการประเมินราคาใหม่ตามราคาตลาดและให้เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามอัตราที่กำหนด และให้ยกเลิกการลดหย่อนภาษีโดยทำการเกษตรใจเขตเมืองซึ่งถือเป็นการเลี่ยงภาษี โดยให้ถือว่าที่ดินเหล่านี้เป็นที่ดินเปล่าที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ตามควรและเก็บภาษีในฐานที่ดินเปล่า

 

                     2. เปิดสัมปทานกาสิโนลอยน้ำบนเรือสำราญ แทนที่จะสร้างกาสิโนใหม่บนที่ดินซึ่งอาจมีการแย่งผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม รัฐบาลน่าจะพิจารณาให้สัมปทานเรือสำราญที่เป็นกาสิโนมาเปิดให้เล่นการพนันในน่านน้ำไทย เช่น ปากอ่าวไทย เมืองพัทยา ภูเก็ต-ทะเลกระบี่ เป็นต้น รัฐบาลยังสามารถได้ค่าธรรมเนียมและภาษีจากผู้เล่นอีกต่างหาก ทุกวันนี้ก็มีกาสิโนลอยน้ำบนเรือสำราญจากสิงคโปร์มาที่ภูเก็ตอยู่แล้ว ในพื้นที่หนึ่งๆ อาจมีเรือสำราญบริการได้มากกว่า 1 ลำ โดยแต่ละลำสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ราว 5,000 คน สามารถสร้างรายได้ได้มหาศาลเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ

 

                     3.  ก่อสร้างรถไฟฟ้าใจกลางเมืองโดยการให้สัมปทานหรือการระดมเงินผ่านพันธบัตรรัฐบาล

                     3.1 นราธิวาสราชนครินทร์-พระรามที่ 3-ท่าพระ (แทนรถ BRT ซึ่งเป็นระบบที่ขาดประสิทธิภาพและเป็นปัญหาการกีดขวางระบบขนส่งมวลชนอื่นในระยะยาว)

                     3.2 อนุสาวรีย์ชัย-คลองสามเสน-รามคำแหง ซ.12 (เชื่อมสายสีส้ม)

                     3.3 สะพานพระรามที่ 9-รัชดาภิเษก-พระรามที่ 4-เอกมัย-ลาดพร้าว ซึ่งเป็นแนวคล้ายกับรถไฟฟ้าสายสีเทาของกรุงเทพมหานคร แต่ไม่ผ่านทองหล่อ และไม่ไปถึงรามอินทราซึ่งมีปริมาณผู้ใช้สอยจำกัด

                     3.4 รถไฟฟ้ามวลเบา (Light Rail หรือ Monorail) ที่ควรดำเนินการเชื่อมกับรถไฟฟ้ามาตรฐาน เพื่อรองรับการจราจรในเมือง ได้แก่

                     3.4.1 ถนนทหาร-ประดิพัทธ์-สุทธิสาร-ลาดพร้าว 64 หรืออาจสร้างคร่อมบนคลองบางซื่อ ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านเหนือของถนนข้างต้นแทนเพื่อประหยัดค่าเวนคืนและปัญหาการจราจรในระหว่างการก่อสร้างก็อาจสามารถทำได้เช่นกัน

                     3.4.2 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ถนนสามเสน โดยคร่อมบนคลองสามเสน เพื่อเชื่อมต่อรถไฟฟ้าบีทีเอส กับรถไฟฟ้าสายบางซื่อ-ราชบูรณะ

                     3.4.3 เทเวศน์-หัวลำโพง โดยสร้างเลียบถนนกรุงเกษมโดยรักษาคลองผดุงกรุงเกษมเอาไว้ ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายบางซื่อ-ราชบูรณะ กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่หัวลำโพง

                     3.4.4 ช่องนนทรี-สวนพลู-ถนนจันทน์-เจริญกรุง-สี่พระยา-พญาไท โดยเชื่อมระหว่างรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีช่องนนทรี กับพื้นที่ปิดล้อมถนนสวนพลู ถนนจันทน์ ถนนเจริญกรุง บางรัก สี่พระยา และตรงออกสู่ถนนพญาไทถึงสถานีรถไฟฟ้า BTS ที่สยาม

                     3.4.5 สุขุมวิท 39-แสนแสบ-สุขุมวิท 55 เชื่อมกับระบบรถไฟฟ้า BTS 2 สถานีคือสถานีพร้อมพงษ์และสถานีทองหล่อ

                     3.4.6 อุดมสุข-อ่อนนุช โดยเป็นการเชื่อมสถานีรถไฟฟ้า BTS 2 สถานีคือสถานีอุดมสุข ไปตามถนนอุดมสุข ถึงสวนหลวง ร.9 และออกสู่ถนนอ่อนนุช เชื่อมกับสถานีอ่อนนุช ทั้งนี้ต้องมีข้อกำหนดให้สามารถสร้างอาคารพักอาศัยรอบๆ สวนหลวง ร.9 ได้

                     การให้สัมปทานเช่นนี้เชื่อว่าในกรณีรถไฟฟ้ามาตรฐานทั่วไปแบบเดียวกับ BTS 3 สายข้างต้น คงเป็นเงินประมาณเส้นละ 40,000 ล้านบาทโดยเฉลี่ย (โดยเปรียบเทียบเบื้องต้นกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน) ส่วนกรณีรถไฟฟ้ามวลเบา 6 เส้นทาง น่าจะเป็นเงินเส้นทางละ 20,000 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงินประมาณ 240,000 ล้านบาท

                     การทำรถไฟฟ้าในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป จะทำให้มีเอกชนสามารถเข้าร่วมประมูลได้มากขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันเสรี โดยไม่ต้องถูกผูกขาดโดยรายใหญ่ และรัฐบาลแทบไม่ต้องเสียงบประมาณแผ่นดิน เพียงแต่ควบคุมและตรวจสอบการจัดทำสัญญาที่ไม่เสียเปรียบภาคเอกชน

 

                     4. การอนุญาตให้ก่อสร้างอย่างหนาแน่นแต่ไม่แออัด โดยที่ในเขตกรุงเทพมหานครมีข้อจำกัดในการก่อสร้างมากมายทั้ง พรบ.ควบคุมอาคาร ประกาศกระทรวงมหาดไทย ผังเมือง และข้อกำหนดของกรุงเทพมหานคร ทำให้การก่อสร้างอาคารต่าง ๆ จำกัด เมื่อมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าใจกลางเมืองมากขึ้น จะทำให้การอยู่อาศัยในเมืองมีความเหมาะสมมากกว่าการออกไปอยู่ชานเมือง เป็นการรุกและทำลายพื้นที่เกษตรกรรมนอกเมือง ทำให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม ในสิงคโปร์และนิวยอร์ก มีความหนาแน่นของประชากร (Density) ถึงประมาณ 7,000 - 10,000 คนต่อตารางกิโลเมตร ในขณะที่กรุงเทพมหานครมีเพียงประมาณ 3,500 คนต่อตารางกิโลเมตร แต่สิงคโปร์กลับกลายเป็นเมืองในสวน ในขณะที่กรุงเทพมหานครกลับมีการพัฒนาอย่างแออัด (Overcrowdedness) ตามแนวราบแผ่กระจายไปอย่างไม่เป็นระบบ

                     แนวทางการดำเนินการก็คือการกำหนดผังเมืองใหม่โดยให้การก่อสร้างในเขตใจกลางเมือง สามารถสร้างสูงได้ถึงประมาณ 15-20 เท่าของขนาดแปลงที่ดิน (Floor Area Ratio: FAR) โดยให้เว้นพื้นที่โดยรอบให้เป็นพื้นที่สีเขียว ส่งเสริมการก่อสร้างอาคารอัจฉริยะ อาคารเขียว เพื่อไม่ก่อมลภาวะ ทั้งนี้ตัวอย่างโครงการที่น่าสนใจได้แก่ อาคารชาญอิสระทาวเวอร์ 1 ถ.พระรามที่ 4 โดยเฉพาะอาคารวอลสตรีททาวเวอร์ ถ.สุรวงศ์ ซึ่งสร้างได้ถึงประมาณ 20 เท่าต่อ 1 หรืออาคารสเตททาวเวอร์ก็ 30 เท่าต่อ 1 ของ FAR

                     สมมติให้พื้นที่พาณิชยกรรมเพิ่มขึ้น 2 ล้านตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่ๆ ขายได้ประมาณ 70% หรือ 1.4 ล้านตารางเมตร และสมมติให้ตารางเมตรละ 60,000 บาท ก็เป็นเงิน 84,000 ล้านบาทที่เพิ่มขึ้นหากส่วนที่เพิ่มจากกฎหมายเดิม เก็บภาษี 10% ก็จะได้ภาษีนำมาพัฒนาท้องถิ่นเพิ่มเติมอีก 8,400 ล้านบาท

การอยู่อาศัยในใจกลางเมือง ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการขยายไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ระบบคมนาคมและขนส่งมวลชนออกไปชานเมืองอย่างไม่สิ้นสุดได้อีก เท่ากับประหยัดงบประมาณแผ่นดินไว้พัฒนาทางด้านอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อไป ยิ่งกว่านั้นเมืองก็ไม่ขยายตัวอย่างไร้ขอบเขต คุณภาพชีวิตของประชาชนก็จะดีขึ้น แทนที่จะเสียเงิน เสียเวลาเดินทางไกลบนท้องถนน และเป็นการลดมลภาวะอีกด้วย

 

                     5. การนำที่ดินของรัฐใจกลางเมืองมาพัฒนาเชิงพาณิชย์ ที่ดินของรัฐใจกลางเมืองสามารถนำมาพัฒนาเชิงพาณิชย์เพื่อหารายได้ได้อย่างยั่งยืน เช่น นำมาใช้ก่อสร้างเป็นศูนย์ธุรกิจใจกลางเมือง (Central Business District: CBD) แห่งใหม่ซ้อนอยู่ใน CBD เดิม โดยให้มีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่รวมกันในที่เดียว ทำให้เกิดพลังเกื้อหนุนกัน คล้ายบริเวณสีลม-สุรวงศ์-สาทร ซึ่งทำให้การดำเนินธุรกิจมีประสิทธิภาพ ไม่เสียเวลาเดินทาง ราคาค่าเช่าก็จะไม่ตกต่ำเช่นอาคารที่ตั้งอยู่โดด ๆ

                     เช่นที่ดินกองทหารที่อยู่แถวสนามเป้า ที่ดินแปลงนี้มีขนาดประมาณ 900 ไร่ เป็นที่ตั้งของราชการทหาร มีอาณาบริเวณตั้งแต่สนามเป้าถึงสโมสรกองทัพบก โดยด้านตะวันออกติดถนนวิภาวดีซึ่งมีดอนเมืองโทลเวย์และทางด่วนขั้นที่หนึ่ง ส่วนด้านตะวันตกก็ติดกับถนนพหลโยธินซึ่งมีรถไฟฟ้าบีทีเอสและทางด่วนขั้นที่ 2 ที่สามารถต่อเชื่อมเข้าแปลงที่ดินได้ ภายในที่ดินแปลงนี้ยังสามารถเพิ่มสาธารณูปโภค เช่น รถรางไฟฟ้าขนาดเล็กระหว่างอาคาร ทางด่วน และระบบโทรคมนาคมที่ทันสมัย ฯลฯ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของการเป็น CBD ทั้งนี้สิงคโปร์ก็เคยทำรถไฟฟ้าขนาดเล็กเชื่อมต่อพื้นที่จนสำเร็จแล้ว

                     อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษก็คือการจ่ายค่าชดเชยในการย้ายหน่วยราชการ ออกไป รวมทั้งความสูญเสียประโยชน์ในการอยู่ใจกลางเมืองของครอบครัวข้าราชการ อาจมีการจัดสร้างที่อยู่อาศัยทดแทนในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งคงต้องใช้เงินพอสมควรเพื่อให้สมเกียรติ แต่ก็คงไม่มากนักหากเทียบกับประโยชน์ที่ประเทศชาติจะได้รับ

                     ที่ดินขนาด 900 ไร่ดังกล่าวนี้ หากนำที่ดิน 40% ไปพัฒนาเป็นสาธารณูปโภค ยังเหลือที่ดินเพื่อการพัฒนาเชิงพาณิชย์ถึง 540 ไร่ และสามารถตั้งอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ เช่น ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ที่สีลมซึ่งมีขนาดประมาณ 8 ไร่ ได้ถึงประมาณ 68 อาคาร สำหรับความเป็นไปได้ทางการเงินเบื้องต้นโดยสังเขปของการพัฒนาที่ดินแสดงไว้ในตารางท้ายนี้ ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 216,000 ล้านบาท หรือเป็นเงินตารางวาละประมาณ 1,000,000 บาท  หากให้เช่าระยะยาว 50 ปี ก็คงเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 50% ของราคาตลาดหรือ 108,000 ล้านบาท อันจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้มากทีเดียว

                     นอกจากที่ดินแปลงดังกล่าวข้างต้น ในเขตกรุงเทพมหานครยังมีที่ดินของทางราชการอีกเป็นจำนวนมากที่สามารถนำมาพัฒนาเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวมได้ เช่น

                     5.1 ที่ดินกรมทหาร เขตดุสิต ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางนับพันไร่

                     5.2 พื้นที่กรมทหาร ถ.โยธี พญาไท ซึ่งมีขนาดใหญ่และมีทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าผ่านเช่นกัน

                     5.3 โรงซ่อมรถไฟ บึงมักกะสัน ซึ่งมีทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าผ่านเช่นกัน

                     5.4 ที่ดินคลังน้ำมัน ถ.พระราม 3 ติดแม่น้ำเจ้าพระยา

                     5.5 ท่าเรือคลองเตยและที่ดินการท่าเรือฯ ที่ตลาดคลองเตยและโดยรอบ

                     5.6 ที่ดินการรถไฟตั้งแต่สถานีหัวลำโพงและบริเวณตามเส้นทางรถไฟ เป็นต้น

                     ที่ดินเหล่านี้หากสามารถนำมาพัฒนาได้จริง ย่อมทำให้เกิดมูลค่าการพัฒนาไม่ต่ำกว่า 4 ล้านล้านบาท หรือมากกว่างบประมาณแผ่นดินไทย ที่ผ่านมาประเทศเพื่อนบ้านก็ได้ทำการย้ายส่วนราชการออกนอกเมืองเป็นจำนวนมากทั้งในกรุงมะนิลาและนครโฮชิมินห์ซิตี้ เป็นต้น แต่การนำที่ดินมาให้สัมปทานนี้ ควรแยกเป็นแปลงย่อยเพื่อป้องกันการผูกขาดตัดตอน

 

                 จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้

 ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง

(ดร.โสภณ พรโชคชัย)*

ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย

บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส

Email: sopon@area.co.th

 

* วิทยาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต ที่ดินที่อยู่อาศัย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย เป็นผู้ประเมินค่าทรัพย์สินและนักวิจัยด้านอสังหาริมทรัพย์ แต่ไม่เป็นนายหน้าหรือพัฒนาที่ดินเอง เพื่อความเป็นกลางโดยเคร่งครัด เคยเป็นที่ปรึกษาสหประชาชาติหลายหน่วยงาน ธนาคารโลก ADB ในโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เคยเป็นที่ปรึกษากระทรวงการคลัง เวียดนาม อินโดนีเซีย รวมทั้งโครงการของกระทรวงการคลังกัมพูชา และรัฐบาลของชาติอื่นๆ เช่น เนปาล เมียนมา ยูกันดา ในเรื่องอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ยังพาตั้งแต่ระดับรัฐมนตรี อธิบดีไปดูงานอสังหาริมทรัพย์ ภาษีที่ดินในแคนาดา ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ มาเลเซีย ยุโรป สหรัฐ สิงคโปร์ และออสเตรเลีย และขณะนี้ยังเป็นนายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์สากลประจำประเทศไทย (FIABCI) ซึ่งเป็นสหพันธ์อสังหาริมทรัพย์ที่มีนักพัฒนาที่ดินใหญ่ๆ และนักวิชาชีพอสังหาริมทรัพย์รวมตัวกันมากที่สุดถึง 70 ประเทศทั่วโลก มีสมาชิกนับล้านคน

ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: https://www.area.co.th/t/7996
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
doctorsopon's profile


โพสท์โดย: doctorsopon
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
20 VOTES (5/5 จาก 4 คน)
VOTED: nuudaw, sky555, nj009, njgulf0408
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
10 ความลับเรื่องสุขภาพที่คุณไม่เคยรู้! ทำตามนี้ชีวิตเปลี่ยนแน่นอน‘Luxury Shaming’ อับอายที่จะอวดว่ารวย เทรนด์เศรษฐีจีนยุคใหม่ เลิกอวดรวย ขอแพงแบบเงียบ ๆNetflix เปิดตัว Squid Game 2 ส่งตุ๊กตาสังหารบุกทั่วโลกงานกาชาดร้อนแรง! หมวดกรุ๊ปหล่อกล้ามใหญ่ ตำรวจน้อยตกน้ำที่สาวๆ ตามหาหนังสือพิมพ์ดังสู้ไม่ไหว ประกาศปิดกิจการสิ้นปีนี้เกินไป!! หนุ่มไปกินก๋วยเตี๋ยว ดันเจอลุงพนักงานร้านยืนฉี่ต่อหน้าต่อตา ทำไมไม่ไปเข้าห้องน้ำดี ๆ 😂”Billie Jean“ ไก่เลี้ยงในอังกฤษที่ชอบวิ่งข้ามถนน จนเจ้าของต้องซื้อเสื้อแจ็คเก็ตสะท้อนแสงให้ใส่ เพื่อความปลอดภัยเรื่องเล่าของสายลมแห่งรักหนุ่ม ไมค์ พิรัชต์ 35 ปี แล้วนะ ผ่านวันคลัายวันเกิด 19 ธ.ค.ดูดวง 12 นักษัตร เดือนมกราคม 2568
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ดูดวง 12 นักษัตร เดือนมกราคม 2568”Billie Jean“ ไก่เลี้ยงในอังกฤษที่ชอบวิ่งข้ามถนน จนเจ้าของต้องซื้อเสื้อแจ็คเก็ตสะท้อนแสงให้ใส่ เพื่อความปลอดภัยหนังสือพิมพ์ดังสู้ไม่ไหว ประกาศปิดกิจการสิ้นปีนี้หนุ่ม ไมค์ พิรัชต์ 35 ปี แล้วนะ ผ่านวันคลัายวันเกิด 19 ธ.ค.เรื่องเล่าของสายลมแห่งรัก
กระทู้อื่นๆในบอร์ด บ้าน คอนโด ที่ดิน
12 เคล็ดลับสร้างครัวสุดอบอุ่นที่ใครๆ ก็อยากมานั่งเล่น!วิธีสร้างบ้านสวยด้วยต้นไม้: การออกแบบสวนในบ้านที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม"รวมไอเดียแต่งบ้านให้น่าอยู่ ในงบประหยัดที่ใครก็ทำได้Poolvilla Pattaya ที่นี่บอกเลยตรงปกมากเหมาะสำหรับพาครอบครัวหรือเพื่อน มาพักผ่อนปาร์ตี้
ตั้งกระทู้ใหม่