มนตราวายสะ ตอนที่ 11 หิว (คุณ) ต้องได้กิน (4)
+++++++++
วายสะขยับตัวนั่งพิงพนักโซฟาดึงร่างบอบบางที่เหนื่อยอ่อนขึ้นมานั่งบนตักพลางกอดเอาไว้แล้วจูบซับที่ขมับของหญิงสาวเบา ๆ “คุณนี่ทั้งหอมและหวานไม่เสียแรงที่เฝ้าทะนุถนอมมานาน” แน่นอนว่าตลอดหลายปีที่ผ่าน ถึงตัวเขาจะอยู่ที่หิมพานต์ แต่ก็ได้มอบหมายหน้าที่ดูแลสกุณาให้กับพลิศน์ เพราะรู้ดีว่าถ้าเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง เด็กน้อยที่แสนดีในวันวานอาจจะไม่ได้พบอนาคตที่ดีอย่างวันนี้ก็เป็นได้
“คุณมักพูดเหมือนเรารู้จักกันมานาน” สกุณาบ่นอู้อี้ ซุกใบหน้าเข้ากับอกกว้างเปล่าเปลือยที่แสนจะอบอุ่นพรางหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
“คุณเคยเลี้ยงสัตว์ไหม” จู่ ๆวายสะก็เปลี่ยนเรื่องทำให้สกุณาที่กำลังจะเคลิ้มหลับลืมตาขึ้นแล้วถอนหายใจ เมื่อคิดถึงสัตว์เลี้ยงตัวแรกและตัวเดียวของเธอ
“เคยค่ะ ไม่รู้ป่านนี้มันจะเป็นยังไงบ้าง มันดูฉลาดจนบางครั้งฉันคิดว่า มันอาจจะกลับมาหาฉันในสักวัน แต่จนถึงตอนนี้ฉันก็ไม่ได้เจอมันอีกเลย ไม่สิ เหมือนฉันเคยเจอตัวที่มีลักษณะคล้ายมันแต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นมันหรือแค่ตัวที่เหมือนมันเท่านั้นกันแน่” น่าแปลกที่จนถึงตอนนี้เธอก็ไม่สามารถลืมเจ้าไฟได้ มันเหมือนมีเครื่องตอกย้ำให้คิดถึงมันอยู่เสมอ ว่าแล้วเธอก็เผลอยกนิ้วนางข้างซ้ายที่ใคร ๆ ต่างก็บอกว่ามันคล้ายแหวนขึ้นมาลูบเล่น
“คุณไม่เคยลืมมันเลยเหรอ”
“ค่ะ มันเป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกและตัวเดียวของฉันเลย” สกุณาตอบอย่างไม่ลังเล เธอไม่รู้หรอกว่าคนอื่นเขาลืมสัตว์เลี้ยงที่หายไปหรือตายไปไวแค่ไหน หรือจะไม่เคยลืมเหมือนเธอ
“ทำไม...” วายสะยกมือขึ้นประคองใบหน้านวลที่ยังคงมีเลือดฝาดพลางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“คงเพราะมันเคยโดนพ่อแม่ฉันทำร้ายและฉันได้ช่วยมันเอาไว้ ฉันเลยรู้สึกรักและสงสารมันมาก”
“คุณรักมัน” วายสะถามย้ำบางประโยคที่เขาอยากแน่ใจ
“ค่ะ ฉันรักมันมาก แต่จู่ ๆ มันก็หนีหายโดยไม่ได้ร่ำลา ทั้งที่จริง ๆ ฉันเองก็ตั้งใจจะปล่อยให้มันเป็นอิสระอยู่แล้ว”
“จริงเหรอ”
“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ พอถึงเวลานั้นจริง ๆ ฉันอาจจะตัดใจไม่ได้ แอบแม่เลี้ยงไปตลอดก็ได้” สกุณาหัวเราะอย่างเขิน ๆ
“หมายถึงที่คุณรักมัน” วายสะถามน้ำด้วยสีหน้าจริงจัง
“จริงสิคะ ถึงมันจะเป็นสัตว์ที่หลายคนรังเกียจ แต่สำหรับฉันมันน่ารักมาก ๆ เลยนะคะ” สกุณาพูดด้วยแววตาเป็นประกาย
“มันเองก็รักคุณมาก มันจะกลับมาหาและอยู่กับคุณตราบที่คุณไม่ทอดทิ้งมันแน่นอน”
“คะ...” สกุณาครางออกมาอย่างงง ๆ กะพริบตามองใบหน้าหล่อเหลาปริบ ๆ เลยโดยเขาจูบลงที่เปลือกตา ปลายจมูก แก้ม และริมฝีปากอย่างนุ่มนวลแผ่วเบา “รู้ไหมอีกามันเป็นสัตว์รักเดียวใจเดียวนะ”
สกุณาพยักหน้า เพราะชอบ โตมาเธอจึงได้ศึกษาข้อมูลของสัตว์ชนิดนี้มาพอสมควร แต่นั่นไม่เท่ากับสิ่งที่เธอกำลังสงสัยอยู่ในตอนนี้ “คุณรู้ได้ไงคะว่าสัตว์ที่ฉันพูดถึงมันคืออีกา”
“คุณเคยพูดตอนที่เราเจอกันครั้งแรก ที่ผมฝากให้คุณดูแลอีกาที่ผมเอาไปรักษา” วายสะโคลงศีรษะไปมาอย่างไร้พิรุธ
“จริงด้วยสินะคะ” สกุณาพยักหน้าอย่างคนที่เพิ่งนึกได้ และไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจำเรื่องเราเหล่านี้ได้มากกว่าตัวเธอเองด้วยซ้ำ และในระหว่างที่ใจลอยอยู่นี่เอง จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าตัวลอยขึ้น “อุ๊ย! อะไรคะเนี่ย” เธอถามอย่างตกใจเพราะตอนนี้กำลังถูกวายสะอุ้มเดินเข้าไปในห้องนอนแล้ว
“ผมยังไม่อิ่มจะไปกินคุณต่อในห้อง” วายสะตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
“แต่ฉันหิวข้าวแล้วนะคะ” สกุณาโอดครวญเขิน ๆ ทั้งที่ก็ไม่ได้หิวอะไรมากมาย
“กินคุณก่อนค่อยกินข้าวแล้วกัน เดี๋ยวผมทำให้กินเอง” วายสะบอกพลางวางร่างบอบบางนั้นลงบนที่นอนอย่างเบามือ โดยที่ร่างของตัวเองคร่อมอยู่ด้านบน
“ฉันมีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยเหรอคะ” สกุณาถามพลางเบือนหน้าหนีอย่างเขิน ๆ
“ไม่มี” พูดจบวายสะก็ก้มลงไป มอบจุมพิตให้คนใต้ร่างอย่างดูดดื่ม ซึ่งสกุณาก็ตอบรับมันอย่างไม่เกี่ยงงอน ให้เขานำพาไปจนสุดปลายทางของความสุขอีกครั้ง
และที่น่าแปลกคือ ภายใต้ความมืดเธอคล้ายเห็นเขามีปีกเหมือนกับครั้งแรก ทั้งที่ก่อนหน้าที่โซฟาไม่เห็นจะมี แต่เธอก็สรุปคนเดียวเอาเองว่า น่าจะเพราะความมืดบวกกับความเตลิดเปิดเปิงของสติจึงเกิดภาพหลอน และเป็นภาพที่เธอรู้สึกว่ามันทำให้วายสะดูลึกลับน่าค้นหามากยิ่งขึ้น