เรื่องสั้นหลอน หญิงสาวผู้ยืนอยู่คนเดียวในความมืด
คุณเคยรู้สึกรักใครแบบไม่มีเหตุผลบ้างไม๊ แบบประมาณว่าก็ชอบคนๆ นั้นมากๆ ทั้งที่เขาหรือเธอคนนั้นไม่ได้ทำอะไรให้เราชอบเลย แถมบางครั้งคนเหล่านั้นก็ไม่ได้หน้าตาสวยหล่อหรือมีอะไรพิเศษเลย แต่แค่เราอยู่ด้วยหรือแค่นั่นใกล้ๆ ก็มีความสุขแล้ว เหมือนอย่างผมที่ได้เจอเธอคนนั้นที่ใต้ต้นไม้ เธอผู้โดดเดี่ยวซึ่งนั่งอยู่คนเดียวยามค่ำคืน โดยมีผมนั่งเป็นเพื่อนอยู่เงียบๆ โดยไม่พูดอะไร
เรื่องมันเกิดขึ้นวันนั้นในช่วงหน้าร้อน ผมที่ค่อนข้างเกเรไม่สนใจเรียนจนถูกโรงเรียนไล่ออกมา จนพ่อกับแม่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับผมท่านจึงส่งผมมาอยู่กับอาที่ต่างจังหวัด ที่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ผมเคยใช้ชีวิตมาสมัยเด็ก ที่นี่ผมได้เจอเพื่อนเก่ามากมายที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันมา แถมหลายคนที่สมัยเด็กเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ แต่ตอนนี้แต่ละคนนั้นเป็นสาวสวยจนผมอดตามจีบไม่ได้ แต่ด้วยความเกเรของผมจึงไม่ค่อยมีสาวๆ มาสนใจ ผมที่อยู่กับอาจึงให้มาช่วยงานในไร่ที่ช่วงกลางคืนที่นี่จะมืดเร็ว ทุกคนในหมู่บ้านจะปิดไฟนอนจนหมด ผมที่ยังติดนิสัยของคนกรุงจึงนอนไม่หลับ ไอ้ครั้นจะไปเปิดทีวีดูรายการต่างๆ ก็เกรงใจอาเลยเลือกที่จะออกมาเดินเล่นนอกบ้านแทน
ซึ่งหมู่บ้านนี้บ้านแต่ละหลังจะอยู่ห่างกันและมีเสาไฟฟ้าเป็นช่วงๆ ที่ยังไม่ค่อยมีความเจริญเท่าใดนัก และในระหว่างที่ผมกำลังเดินอยู่นั่นเองผมก็เห็นผู้หญิงคนนึงนั่งอยู่ที่ใต้ต้นไม้ริมทาง ซึ่งข้างหน้าคือทุ่งข้าวสาลีที่กำลังโต แรกๆ ที่ผมเห็นก็ไม่รู้สึกอะไรก็คิดว่าแปลกดีที่มีคนมานั่งอยู่ตรงนั้น แต่ที่แปลกไปกงว่านั้นคือไม่ว่าจะเป็นวันฝนตกหรือหนาวขนาดไหนเธอคนนั้นก็ยังสวมเสื้อผ้าตัวเดิมนั่งอยู่ที่เดิม
ซึ่งพอไปถามคุณอาถึงเรื่องผู้หญิงคนนั้นที่นั่งใต้ต้นไม้ท่านก็บอกไม่รู้ไม่เคยเห็น ซึ่งไม่ใช่แค่คุณอาแต่ทุกคนในหมู่บ้านก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่รู้จักไม่เคยเห็น หรือมีข่าวว่าผู้หญิงมาตายที่นี่ ซึ่งถ้าเธอไม่ใช่ผีก็คงจะเป็นคนแปลกหน้าที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไงผมที่พยายามตามดูเธอทุกวัน ที่วันนี้ก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ไปนั่งข้างๆ เธอคนนั้น
“นี่คุณ คุณเป็นผีรึเปล่า” หญิงสาวคนนั้นไม่ตอบ เธอยังคงมองไปยังลานกว้างที่ตอนนี้ข้าวสาลีได้ถูกเก็บไปหมดแล้ว “ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณคืออะไรแต่ผมเห็นคุณทุกวันตอนกลางคืน เห็นนั่งอยู่คนเดียวคงจะเหงาเลยมานั่งคุยด้วย เพราะผมเองก็เหงา” ผมพูดคนเดียวกับผู้หญิงคนนั้น ขณะที่เธอก็ไม่ตอบอะไร สายตาของเธอว่างเปล่าไม่กระพริบตาเลยแม้แต่ครั้งเดียว และเมื่อดูใกล้ๆ เธอคนนี้ก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับผม และถ้าถามว่าเธอสวยไม๊ก็บอกว่าไม่ เธอก็เหมือนผู้หญิงธรรมดาในชุดเสื้อกระโปรงสีขาวผมยาว
ในทุกๆ วันผมจะเดินมานั่งกับเธอพร้อมเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอคนนั้นฟังทั้งเรื่องราวสนุกๆ ที่ได้ทำกับเพื่อน ไปจนถึงเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะมาเล่าทำไมแต่ก็อยากมาเล่าให้เธอคนนั้นได้ฟัง
“วันนี้ผมไปตกปลามากับพวกทาโน่ด้วย เราได้ปลาตัวใหญ่มากๆ จนเอาไปให้คุณป้าทามาเอะกับคุณลุงฟูจิตะด้วย พวกท่านขอบคุณเราสองคนใหญ่เลยที่เอาปลามาให้ พอมาถึงบ้านก็เล่าเรื่องตกปลาได้ให้อาฟัง แกก็โมโหบอกทำไมไม่เอามาบ้านด้วย เราก็ลืมไปเลยว่าต้องเอากลับบ้านมากินด้วย เมื่อตอนเย็นเกือบไม่ได้กินข้าวเพราะอายังโกรธ แต่เห็นแบบนี้คุณอาเค้าเป็นคนใจดีถึงจะขี้โมโหก็เถอะ” ผมพูดไปหัวเราะไป “ตัวผมน่ะนะเป็นพวกชอบโดนดูถูกว่าเป็นคนไม่เอาไหน ทำอะไรก็ไม่มีความอดทนทั้งที่ก็พยายามทำแล้วแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนเรื่องงานหรือเรื่องจีบสาว มันเหมือนโลกนี้ไม่มีอะไรที่น่าสนใจเลย ทุกอย่างมันก็แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเราจะทำสิ่งพวกนี้ไปทำไม ทำเพื่อให้คนอื่นยอมรับในตัวเราหรอ หรือทำเพื่อเงิน พอได้เงินมาแล้วยังไงต่อชีวิตมันมีแค่นี้เองหรอ” ผมถอนหายใจแรงๆ และมองมาทางผู้หญิงคนนั้น “วันนี้ก็ขอบคุณที่รับฟังนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมานั่งเป็นเพื่อนใหม่”
ในทุกๆ คืนผมจะมานั่งเพื่อพูดคุยเรื่องต่างๆ กับเธอคนนั้น ซึ่งในตอนแรกก็ไม่มีใครสนใจในสิ่งที่ผมทำ จนเริ่มมีคนมาเห็นว่าผมนั้นกำลังนั่งคุยอยู่กับใครจริงๆ ทุกคนก็เลยมาดูเพื่อพยายามพูดคุยกับเธอคนนั้น แต่หญิงสาวก็ไม่พูดด้วย และเมื่อมีคนพยายามจะจับตัวเธอ ก็ปรากฏว่ามีไฟฟ้าอ่อนๆ ช๊อตที่คนๆ นั้นจนไม่มีใครจับตัวเธอได้ ซึ่งโชคดีที่ตั้งแต่ที่รู้จักกันมาผมก็ไม่เคยไปจับตัวของเธอเลย และในช่วงเวลาก่อนเช้าหญิงสาวคนนั้นจะลุกขึ้นยืนและเดินหายในในป่าใกล้ทุ่งข้าวสาลี ที่เมื่อมีคนพยายามเดินตามไปเพียงไม่นานเธอคนนั้นก็หายตัวไปแล้ว และในเวลาพลบค่ำเธอคนนั้นก็จะเดินกลับออกมาจากป่าและนั่งที่เดิม ซึ่งตอนแรกผู้คนในหมู่บ้านต่างก็ตื่นเต้นกับเรื่องนี้ จนผมไม่สามารถไปนั่งคุยกับเธอได้ จนเวลาผ่านไปผู้คนก็เลิกสนใจหญิงสาวคนนั้น เพราะไม่ว่าจะทำอะไรเธอคนนั้นก็ยังนั่งชั่นเขาอยู่เฉยๆ จนผมสามารถกลับมานั่งพูดกับเธออีกครั้ง อ้อเกือบลืมบอกไปพวกชาวบ้านได้ตั้งชื่อให้ผู้หญิงคนนั้นว่าชิสุคานะ ที่แม้ผมจะไม่เห็นด้วยกับชื่อนี้แต่เมื่อทุกคนพร้อมใจกันตั้งชื่อนี้ก็ตามใจ
และในวันนั้นเองก็มีเรื่องราวบางอย่างเกิดขึ้น เมื่อกลุ่มวัยรุ่นขี้เมาจากต่างหมู่บ้านที่ได้ยินข่าวลือเรื่องชิสุคานะจึงมาดู พวกมันที่ดูจากภายนอกก็ทราบทันทีว่าต้องเป็นคนไม่ดี และคิดจะทำเรื่องร้ายๆ กับชิสุคานะแน่ๆ แต่พวกนั้นไม่รู้ว่าเมื่อไปจับตัวของชิสุคานะจะโดนไฟฟ้าช๊อต แถมยิ่งจับนานก็ยิ่งโดนช๊อตนาน จนบางคนเคยสลบไปหลายวันเพราะเผลอจับจนโดนช๊อตติดอยู่แบบนั้นหลายนาที ซึ่งวัยรุ่นพวกนี้ก็คงจะโดนแบบนั้นเมื่อมาท้าทาย
“อีนั่งนี่นั่งเชิดขอแม่ตบซักที” หญิงสาวที่มากับกลุ่มคนเหล่านี้ตบหน้าชิสุคานะอย่างแรง แต่ก็ไม่มีอะไรขึ้นขึ้นกับชิสุคานะ ตรงข้ามหญิงสาวคนนั้นกลับโดนช๊อตจนล้มลงบนพื้น “แกทำอะไรแฟนชั้นว่ะนังบ้า แบบนี้ต้องโดน” ผมที่เห็นเหตุการณ์ก็รีบไปห้ามทันที เมื่อเห็นชายคนนั้นจะเอาไม้เบสบอลมาตีชิสุคานะ แต่ผมที่ไปขวางก่อนจนโดนตีเสียเอง
“บ้าเอ๊ย ตายรึเปล่าไม่รู้ไปกันเถอะ” นักนักเลงที่เห็นผมเลือดอาบจนสลบ พวกมันก็วิ่งหนีไปทันที จนผมมารู้สึกตัวก็ช่วงเช้าเมื่อชิสุคานะเดินผ่านผมไปเมื่อถึงเวลา ขณะที่ผมที่มึนและเจ็บหัวก็เดินทางกลับบ้าน ก่อนทราบข่าวว่ามีวัยรุ่นมาเผาต้นไม้ตรงนั้นทิ้ง แถมยังขุดดินเหมือนจะค้นหาอะไรแถวนั้น ซึ่งผมเดาว่าพวกนั้นคงคิดว่าชิสุคานะเป็นผีที่ตายตรงนั้น และคงจะมีซากกระดูกเธอแต่ก็ไม่พบอะไรจนเผาต้นไม้ทิ้งเพื่อไม่ให้ชิสุคานะมานั่ง แต่เปล่าเลยแม้ไม่มีต้นไม้ชิสุคานะก็ยังมานั่งตรงนั้นที่เดิมจุดเดิม และในทุกๆ คืนผมก็ยังคงมานั่งและคุยกับเธอจนมันเกิดเป็นความรักขึ้นมาโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว
ซึ่งมันคงจะเริ่มต้นมาจากความเคยชินที่ได้เจอได้พูดคุยจนกลายเป็นความรัก ซึ่งแม้จะมีสาวๆ ในหมู่บ้านมาบอกรักผมก็ไม่สนใจ เพราะผมมีความสุขกับการได้นั่งคุยกับเธอที่ขอแค่นี้จริงๆ วันเวลาผ่านเลยไปจนวันเป็นเดือนกลายมาเป็นปีจนถึงตอนนี้ผมที่แก่หัวหงอกก็ยังคงเดินมานั่งที่เดิม เพื่อคุยกับหญิงสาวคนนั้นที่เธอไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่วันแรกที่เราพบกันจนมาถึงวันนี้ แต่วันนี้หลายอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อจู่ๆ ชิสุคานะที่เคยยนั่งเงียบก็ยิ้มออกมาพร้อมกับยืนขึ้น และมีเสียงของใครบางคนที่เป็นผู้หญิงดังขึ้นมาว่า “นั่งเหม่ออะไรของเธอยัยชิสุคานะ เดี๋ยวทิ้งให้อยู่ที่นี่คนเดียวเลย” เสียงหญิงสาวดุชิสุคานะ ขณะที่ผมนั่งอ้าปากค้างเมื่อเห็นรอยยิ้มและได้ยินเสียงของเธอเป็นครั้งแรก
“ขอโทษทีพอดีตรงนี้ลมมันเย็นดีนั่งแล้วเพลินไปหน่อย “ ชิสุคานะพูดกับเสียงที่ไม่มีตัวตน “ตอนที่นั่งอยู่ชั้นก็เหมือนหลุดไปอีกมิตินึง ที่นั่นชั้นได้ฟังเรื่องราวต่างๆ จากผู้ชายคนนึง เขาชอบมาเล่าเรื่องนั่นนี่ให้ฟัง” ชิสุคานะพูดยิ้มๆ ขณะที่เสียงซึ่งไม่มีตัวตนก็ดุขึ้นมา “แกอย่าพูดแบบนี้ซิขนลุกไปหมดแล้ว แกยิ่งชอบทำตัวแปลกๆ อยู่ ไม่เอาๆ กลับบ้านกันเถอะมานี่ตั้งหลายชั่วโมงแล้ว
หวังว่าคงกลับไปทันช่วงเย็นพรุ่งนี้มีสอบด้วย” ผมยืนดูชิสุคานะยืนคุยและยิ้มอยู่แบบนั้น ขณะที่น้ำตาของผมก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นกิริยาท่าทางอันน่ารักนั้นของเธอเป็นครั้วแรก ขณะที่ชิสุคานะเดินยิ้มไปพร้อมกับเสียงที่มองไม่เห็น และค่อยๆ หายไปต่อหน้าต่อตาผม ซึ่งหลังจากวันนั้นก็ผมก็ไม่เห็นชิสุคานะมานั่งที่ตรงนี้อีกเลย ขณะที่ตัวผมก็ใจสลายนั่งอยู่เดียวดายตรงจุดนั้นเพื่อรอชุสุคานะ จบ.....