รีวิวหนังดัง THE MINISTRY OF UNGENTLEMANLY WARFARE แสบจารชนคนพลิกโลก
อ้างอิงจากเหตุการณ์จริงจากไฟล์ลับของ Winston Churchill ที่มีการเปิดเผยในปี 2016 ว่าด้วยปฏิบัติการ Post Master ที่มีการใช้งานสายลับซุ่มทำลายเสบียงและอุปกรณ์จำเป็นสำหรับเรือดำน้ำของฝ่ายนาซี ในช่วงปี 1942 ถือเป็นปฏิบัติการเถื่อนที่ไม่เป็นทางการ ลับสุดยอด และสุ่มเสี่ยงจากทั้งฝ่ายอังกฤษพวกเดียวกันเอง และฝ่ายตรงข้ามอย่างเยอรมัน
ผลงานการกำกับของ Guy Ritchie และผู้อำนวยการสร้างมือทองอย่าง Jerry Bruckheimer จะมารังสรรค์ผลงานอันแสบสันของจารชนผู้ไม่แคร์คำสั่งของใคร ขอแค่ได้ปฏิบัติภารกิจไล่เชือดนาซีก็พอ
เรื่องย่อ
เมื่อนาซีเรืองอำนาจในยุโรป ความหวังสุดท้ายที่มีอยู่จึงเป็นของอังกฤษ ประเทศเดียวที่กำลังต่อกรกับนาซี แต่ชาติพันธมิตรอย่างอเมริกาก็ยังเข้ามาช่วยไม่ได้ เพราะเรือดำน้ำของนาซีคอยยิงสกัดทุกครั้งไป นั่นทำให้นายกรัฐมนตรีอังกฤษ Winston Churchill มอบหมายงานให้กับ Brigadier Gubbins M ในการส่งสายลับทำลายเรือดำน้ำของนาซี
สายลับที่ว่าคือคนเลือดเดือดไร้สังกัดอย่าง Gus March-Phillips เป็นผู้นำภารกิจภาคสนามครั้งนี้ โดยเขาได้คัดเลือกคนเข้าทีมเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็น Anders Lassen มือธนูของทีม Geoffrey Appleyard เจ้าแห่งการเดินเรือ Freddy Alvarez มือวางระเบิดประจำทีม และ Henry Hayes
นอกจากนี้ยังมีคนของรัฐสมทบอีกสองคนคือ Marjorie Stewart หญิงสาวแพรวพราวเจ้าเสน่ห์ที่เชี่ยวชาญงานสายลับเป็นอย่างดี กับ Heron ชายผิวสีที่แฝงตัวทำธุรกิจสีเทาในถิ่นนาซีที่ขึ้นชื่อว่าตังเขาเอาตัวรอดเก่ง
ทั้ง 7 คนจะแบ่งเป็นสองฝั่ง ทำงานในฝั่งของตัวเองก่อนจะมาบรรจบกันในตอนท้ายสังหารเหล่าทหารนาซี พร้อมกับต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเมื่อทุกอย่างเกิดผิดแผนขึ้นมากะทันหัน
นักแสดงนำ
- Henry Cavill รับบทเป็น Gus March-Phillips
- Eiza González รับบทเป็น
- Alan Ritchson รับบทเป็น Anders Lassen
- Alex Pettyfer รับบทเป็น Geoffrey Appleyard
- Babs Olusanmokun รับบทเป็น Heron
- Hero Fiennes Tiffin รับบทเป็น Henry Hayes
- Henry Golding รับบทเป็น Freddy Alvarez
- Til Schweiger รับบทเป็น Heinrich Luhr
- Cary Elwes รับบทเป็น Brigadier Gubbins 'M'
- Rory Kinnear รับบทเป็น Churchill
- Freddie Fox รับบทเป็น Ian Fleming
ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์
1.หนังดำเนินเรื่องสนุก ไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด แม้หนังจะเจือด้วยเหตุผลทางการเมืองและสงครามโลกครั้งที่ 2 คนดูก็ยังสนุกไปกับหนังได้ โดยที่ไม่ต้องรู้ประวัติศาสตร์ให้เวียนหัวมาก่อนจะเข้าใจและเพลิดเพลินไปกับหนังได้
2.การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของตัวละครเมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน ถือว่าเป็นจุดเฉียดเป็นเฉียดตายที่น่าสนใจ ถือว่าหนังมีอะไรให้น่าลุ้นก็เป็นข้อดีที่ครีเอเตอร์ชื่นชมตรงจุดนี้
3.จุดอ่อนของหนังเรื่องนี้ก็พอมีอยู่บ้าง คือหนังไม่มีอะไรให้น่าจดจำเป็นพิเศษ ยังไม่สามารถสร้างความประทับใจแบบติดตาตรึงใจเอาไว้ได้ ดูจบแล้วเดี๋ยวผ่านไป ไม่มีความรู้สึกอยากกลับมาดูซ้ำอีกรอบเหมือนหนัง Blockbusters เรื่องอื่นๆ
4.การแสดงของ Henry Cavil ถือว่าใช้ได้ แม้บทบาทจะต้องถูกแบ่งไปให้กับคนอื่นๆในทีมด้วย ทำให้บทบาทในเรื่องยังไม่มีน้ำหนักมากเท่าไหร่
5.ขณะที่ตัวแย่งซีนได้ดีที่สุดและเป็นผู้หญิงคนเดียวในเรื่องคือ Eiza Gonzalez รับบทเป็น Marjorie Stewart สามารถถ่ายทอดการแสดงออกมาได้ดี ทั้งแววตาที่คมคายกับน้ำเสียงที่หวานชื่น โปรยเสน่ห์ล่อลวงทหารนาซีให้อยู่หมัด นี่ถือว่าเธอได้บทบาทที่มีน้ำหนักที่ส่งผลต่อสถานการณ์ตรงหน้าด้วย
6.การออกแบบคิวบู๊ถือว่าใช้ได้ มีการสู้ประชิดตัวในที่โล่งและที่แคบ ซึ่งจะเป็นการใช้ปืน ธนู และมีดสั้นสลับกันไป เพิ่มความมันสำหรับคนชอบสไตล์ Action ที่บอกเลยว่าเดือด จนทำให้หนังได้เรท R โดยปริยาย
7.หนังมีความเป็น Comedy เจืออยู่ด้วย เน้นความกวนบาทาของตัวละครผสมอยู่ในเรื่อง ขึ้นชื่อว่าเป็นการกำกับของ Guy Ritchie แล้ว บอกเลยว่านี่คือแนวถนัดของเขา
8.ทีมนี้บอกเลยว่าโคตรเดือด จนกระทั่งได้รับฉายาว่าเปรียบเสมือนกระทรวงการสู้รบแบบไม่เป็นลูกผู้ชาย ไม่ชอบทำตามคำสั่ง สั่งให้ถอยก็จะไม่ทำตามหากว่าตนยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ ลุยอย่างเดียว แต่ก็ไม่ได้ลุยแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ พวกเขาลุยอย่างชาญฉลาด เราจะได้เห็นความเป็นทีมและกวนบาทาของแต่ละคน