วิธีไล่ลมในท้อง ลดแก๊สในท้อง ลดอาการท้องอืด
โดยเฉลี่ยแล้วผู้ใหญ่นั้นมีการขับแก๊สออกวันละ 13-21 ครั้งต่อวัน แก๊สในท้องเป็นเรื่องปกติของระบบย่อยอาหารแต่ถ้าหากมีแก๊สสะสมในลำไส้และไม่สามารถขับออกได้ จะทำให้เริ่มรู้สึกแน่นท้องและไม่สบายตัว อาการแน่นท้องจากแก๊ส ท้องอืด และผายลมบ่อย ถูกกระตุ้นได้จากอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย หรือ ท้องอืด นอกจากนั้นยังอาจเกิดได้จาก การรับประทานอาหารมากเกินไป การกลืนอาหารระหว่างที่กินหรือดื่ม การเคี้ยวหมากฝรั่ง การสูบบุหรี่ และการรับประทานอาหารบางชนิด
วิธีไล่ลมในท้องแบบง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
มีหลากหลายวิธีที่นำไปใช้เพื่อช่วยขับลมในท้องออกจากร่างกายได้
1.ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายอาจช่วยไล่ลมในท้องได้ โดยการเดินหลังกินอาหาร ช่วยให้ลมในท้อง หรือ อาการท้องอืดดีขึ้นได้ หากรู้สึกจุกเสียดและแน่นท้อง ให้ออกกำลังกายรูปแบบอื่น อย่างเช่น กระโดดเชือก หรือ วิ่ง เพื่อช่วยขับลมในท้องให้ออกไป
นอกจากนี้ การเล่นโยคะท่าต่าง ๆ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการแน่นท้องได้เช่นกัน โดย โยคะท่าต่าง ๆ เช่น ท่า Child’s Post และท่า Happy Baby ซึ่งจะช่วยให้ลมในท้องเคลื่อนที่และออกจากร่างกาย
2.การนวดท้อง
การนวดเบา ๆ บริเวณหน้าท้อง ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร และช่วยไล่ลมให้เคลื่อนตัวออกจากร่างกายได้
วิธีนวด โดยนวดถูเป็นวงกลมตามเข็มนาฬิกาบริเวณหน้าท้อง เริ่มจากวางมือบริเวณด้านขวาล่างใกล้กับกระดูกเชิงกราน ค่อย ๆ นวดถูเป็นวงกลมขึ้นไปจนถึงบริเวณใต้ซี่โครง จากนั้นนวดไปทางซ้ายและลงมาที่ด้านซ้ายล่างบริเวณเหนือสะโพก แล้วนวดวนไปทางสะดือ ทำซ้ำขั้นตอนต่าง ๆ ประมาณ 10 นาที จะช่วยให้อาการท้องอืด หรือ อาการมีลมในท้องดีขึ้น
3.สมุนไพร
วิธีไล่ลมในท้องด้วยสมุนไพร เป็นการรักษาจากธรรมชาติที่อยู่คู่คนไทยมานาน สมุนไพรที่มีฤทธิ์ช่วยขับลมมีหลายชนิด สามารถนำมาต้มเป็นเครื่องดื่ม หรือนำมาประกอบอาหารได้ อย่างเช่น ขิง ผักชีฝรั่ง กะเพรา กานพลู และยังสามารถนำสมุนไพรบางชนิดมาทำเป็นชาได้ อย่างเช่น ชาเปปเปอร์มินต์ ชาคาโมมายล์ เป็นต้น ซึ่งช่วยในการไล่ลมในท้องได้เช่นกัน
4.น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล
ช่วยต่อต้านแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการสะสมของแก๊สในท้อง จึงช่วยรักษาอาการท้องอืด ไล่ลมในท้อง และช่วยย่อยอาหารได้ วิธีทำ ผสมน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล 1 ช้อนโต๊ะ กับ ชา หรือ น้ำอุ่น ดื่มก่อนเริ่มกินอาหาร หรือดื่ม 3 ครั้งต่อวัน ตามความต้องการเพื่อไล่ลม สามารถดื่มได้จนกว่าอาการจะดีขึ้น
5.หลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด
อาหารบางชนิดมักก่อให้เกิดแก๊ส หรือ ลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ อย่างเช่น กะหล่ำปลี บรอกโคลี มันฝรั่ง ข้าวโพด ผลิตภัณฑ์จากนมที่มีส่วนผสมของแล็กโทส น้ำอัดลม ถั่วต่าง ๆ ของทอด และอาหารที่มีรสจัด เป็นต้น ดังนั้น การหลีกเลี่ยงการกินอาหารดังกล่าว เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันการเกิดลมในท้อง
6.ใช้ยารักษา
หากลองใช้วิธีข้างต้นแล้วยังไม่ดีขึ้น อาจใช้วิธีไล่ลมในท้องออกจากร่างกายด้วยการกินยาขับลม เช่น ยาไซเมทิโคน (Simethicone) ซึ่งออกฤทธิ์โดยการรวบรวมแก๊สในกระเพาะอาหาร เพื่อให้ขับลมออกมาง่ายขึ้น ยาที่มีอยู่ภายใต้ชื่อการค้าหลายชื่อ ควรรับประทานตามคำแนะนำบนฉลากยา และปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาหากคุณกำลังรับประทานยาอื่นหรือกำลังตั้งครรภ์
ยาอีกหนึ่งชนิดที่อาจช่วยรักษาได้ คือ ถ่านกัมมันต์ (Activated Charcoal) ถึงแม้จะเป็นยารักษาผู้ที่ได้รับพิษ สารเคมีหรือยาเกินขนาด แต่ก็เป็นอีกชนิดหนึ่งที่สามารถช่วยกำจัดแก๊สที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ได้ โดยให้รับประทานก่อนรับประทานอาหารและ 1 ชั่วโมงหลังทานอาหาร