ถ้าพูดถึงเรื่องกิน “เนื้อสุนัข” ชาติในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมไปทั้งประเทศไทยนั้น รับประกันได้เลยว่าไม่เป็นสองรองใครเหมือนกัน แต่มีอยู่ประเทศหนึ่ง กินกันเป็นล่ำเป็นสันถึงขั้นมีฟาร์มสุนัขไว้เพื่อบริโภคโดยเฉพาะ ประเทศนั้นคือประเทศ เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่คนไทยรู้จักกันดีนั่นแหละ
ไม่น่าเชื่อว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว อะไรๆก็ดูทันสมัยไปซะทุกอย่าง ยังมีการนิยมบริโภคเนื้อสุนัขกันอยู่อย่างแพร่หลาย ซึ่งผู้ที่นิยมชอบทานเนื้อเจ้าตูบนี้ก็จะเป็นกลุ่มนักกินที่ค่อนข้างสูงอายุและวัยผู้ใหญ่ในกลุ่มที่ใช้แรงงาน กลุ่มคนเหล่านี้มีความเชื่อกันว่า เนื้อสุนัขนั้น เป็นยารักษาโรคขนานเอกอย่างหนึ่ง กินแล้วมีเรี่ยวมีแรง แก้หนาว ซึ่งก็จะสอดคล้องกันอยู่บ้างสำหรับความเชื่อของคนไทยบางกลุ่ม
สิ่งที่รับกันได้ยากคือ ก่อนการฆ่านั้น มักจะมีการทุบตี และทรมานสุนัข นัยว่าทำให้อดรีนาลีนหลั่งออกมา ทำให้เนื้อสุนัขมีความนุ่มขึ้น รสชาติอร่อยขึ้น ฟังดูไม่น่าเชื่อสำหรับรสนิยมการบริโภคแบบนี้ในประเทศเกาหลีใต้
แต่ละปีมีสุนัขเคราะห์ร้ายถูกนำไปบริโภค ทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมายมากถึง 2.5 ล้านตัว จึงมีการรวมตัวกันของกลุ่มอาสาสมัคร ด้วยเหตุผลที่ว่า ในขณะที่หลายๆคนกำลังพุ่งเป้าไปที่ความเจริญ ซอฟท์พาวเวอร์ด้านการบันเทิง กีฬา การท่องเที่ยว รวมไปถึงอาหารการกิน แต่ปัญหาการบริโภคเนื้อสุนัขยังเป็นปัญหาเรื้อรังที่ไม่ได้รับการหยิบขึ้นมาแก้ไขให้เปลี่ยนแปลงไปในทางทีดีเอาเสียเลย จนมีการผลักดันร่างกฎหมายใหม่ “ห้ามกินเนื้อสุนัข” เพื่อประกาศใช้อย่างจริงจัง เพื่อหวังยุติเรื่องที่ดูแล้วไม่น่าจะโสภาต่อสายตานานาชาติซักเท่าไหร่
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ที่ผ่านมารัฐบาลเกาหลีใต้เองได้พยายามผลักดันเรื่องแบบนี้มาหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ต้องพบความล้มเหลว เพราะปัญหานี้ได้ฝังรากลึกลงไปในสังคม และเสียงคัดค้านถึงเสรีภาพในการประกอบธุรกิจจากกลุ่มผู้ค้าเนื้อสุนัข และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีเงินสนับสนุนค่อนข้างมาก
ก็ได้แต่หวังว่าวัฒนธรรมที่ดูจะล้าหลังอยู่ในประเทศที่เจริญทั้งด้านวัตถุและความคิดนี้ ควรจะถูกกำจัดออกไปได้เสียที เพราะเอาเข้าจริงๆ เนื้อสุนัขก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าเนื้ออื่นๆ แต่อาจจะมีของแถมเป็นเชื้อโรคจากสัตว์ไม่พึงประสงค์อย่าง เห็บ เหมา หมัด ไม่รวมไปถึงการหาสุนัขเพื่อนำมากิน หรือมาขายเพื่อบริโภค ในบ้านเราถือว่าผิดกฎหมายทารุณสัตว์แบบเต็มๆอีกด้วย