มนตราวายสะ ตอนที่ 7 คะแนนนำและความลำเอียง (4)
+++++++++
และเมื่อสองแม่ลูกนั้นไปโรงพยาบาลสกุณาก็เก็บข้าวของที่ถูกทิ้งเอาไว้อย่างไม่ไยดี แล้วเดินไปยังแผงขายของที่อยู่ริมถนนในซอย
“คุณจะไปไหนครับ” วายสะที่เดินตามไม่ห่างถามขึ้นอย่างสงสัย
“เอาของไปไว้ให้คนเมื่อกี้ที่แผงขายผลไม้น่ะค่ะ”
“รู้จักเหรอ”
“ซื้อผลไม้กับเขาบ่อย ๆ น่ะค่ะ” สกุณายิ้มให้คนที่พยักหน้ารับน้อย ๆ ก่อนจะเอาของในมือไปวางที่โต๊ะบนแผงพร้อมกับบอกป้าร้านข้าง ๆ ไว้ด้วย “ป้าคะฝากของไว้ให้ร้านนี้ด้วยนะคะ พอดีลูกชายเขาวิ่งตกบันไดตอนนี้พาไปโรงบาลอยู่ค่ะ”
“เป็นอะไรมากไหมล่ะ ไอ้โจมันก็ดื้ออะเนาะ อยู่ไม่สุข อย่างกับลิงแน่ะ”
“ไม่รู้เลยค่ะ รู้แค่ว่าสลบยังไม่ฟื้น ยังไงของวางไว้ตรงนี้นะคะ”
“จ้ะ ขอบใจมากจ้ะ”
สกุณายิ้มรับเล็กน้อย แล้วเดินผละออกมาพร้อมกับเอ่ยขึ้น “หวังว่าเด็กจะไม่เป็นอะไรนะคะ”
“ไม่รอดหรอกครับ”
คำตอบของวายสะทำให้สกุณาถึงกับหยุดเดิน เงยหน้าขมวดคิ้วมองเขาอย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ “คุณอย่าไปแช่งลูกเขาสิคะ แค่ตกบันไดเอง อีกอย่างน้องเขาก็ยังหายใจอยู่ด้วย ถ้าคอหักก็ว่าไปอย่าง”
“ก็แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ พ้นคืนนี้ไปก็ไม่มีอีกแล้วลมหายใจนั้น” วายสะพูดอย่างที่ตัวเองเห็น เรื่องที่อีการ้องเป็นลางบอกเหตุเกี่ยวกับการเสียชีวิตของมนุษย์ได้นั้น มันไม่ใช่เรื่องลวงโลกเสียทีเดียว แต่คนที่สามารถเห็นไม่ใช่อีกาทั่วไป แต่มีแค่คนที่มีญาณพิเศษติดตัวมาแต่เกิดเท่านั้นที่สามารถเห็นเส้นชะตาชีวิตที่ขาดสะบั้นนั้นได้ และความสามารถนี้ ส่วนมากจะมีแค่คนที่มีคุณสมบัติที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าเท่านั้น
“อะไรเนี่ย พูดไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย” สกุณาสะบัดหน้าเดินปั้นปึ่งหนีเข้าไปในร้านสะดวกซื้อก่อนอย่างงอน ๆ ทำเอาวายสะต้องรีบตามไปง้ออย่างเข้าใจ “ผมขอโทษก็แล้วกัน มันอาจจะไม่มีอะไรที่คุณว่าก็ได้ ไปซื้อของกันเถอะ” ว่าแล้วก็ตัดบทเป็นการยุติการสนทนาเรื่องนั้นไป
“คุณจะซื้ออะไรคะ” สกุณาที่เดินตามเขามาถามอย่างสงสัยเมื่อเขาเดินตรงดิ่งไม่แวะดูอย่างอื่น มาหยุดอยู่ที่หน้าตู้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
“ผมอยากดื่มอะไรเย็น ๆ หน่อย” วายสะเปิดตู้แล้วหยิบเบียร์ขึ้นมาสองแพ็ก
“เหมือนฉันจะชวนคุณกินข้าวนะคะ” สกุณาแกล้งพูดกระเซ้าขำ ๆ
“ดื่มรอระหว่างคุณทำกับข้าวไง คุณอยากกินหรืออยากได้อะไรหยิบเลยนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” สกุณาปฏิเสธยิ้ม ๆ แล้วเดินตามเข้าไปที่เคาน์เตอร์
“งั้นรอผมจ่ายเงินแป๊บหนึ่งนะครับ” เมื่อจ่ายเงินเสร็จ เดินออกมาสกุณาก็ยังไม่วายที่จะหันไปมองจุดเกิดเหตุอย่างเป็นกังวล ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกติดใจกับคำพูดของวายสะ ที่ว่าเด็กคนนั้นจะไม่รอดนัก
“กลับเถอะพวกเราเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก” วายสะบอกก่อนจะเดินผละออกไปอย่างไม่สนใจ เพราะตั้งแต่ญาณการมองเห็นของเขาแกร่งกล้าขึ้นก็รับรู้เรื่องพวกนี้บ่อยจนต้องทำใจให้ชินเสียแล้ว สกุณาพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย แล้วรีบเดินตามหลังชายหนุ่มไปอย่างเงียบ ๆ จนถึงบ้าน