ความเป็นมาของ บะหมี่จับกัง
ในยุคที่ข้าวของแพงแบบนี้ จะกินจะใช้ก็ต้องประหยัด ถ้าประหยัดเกินไปก็กินไม่อิ่มอีก งั้นขอแนะนำให้กินบะหมี่จับกัง รับรองอิ่มแน่ๆ หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ แต่รู้ที่มากันบ้างไหม ถ้าไม่งั้นไปดูกันเลย โดยย้อนกลับไปเมื่อชาวจีนโพ้นทะเลจากมลฑลกวางตุ้งและฮกเกี้ยนเริ่มอพยพมายังประเทศไทยตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เพราะความแร้นแค้นและภัยสงคราม ด้วยความที่คนจีนเป็นคนขยัน สู้งาน เมื่อเข้ามายังประเทศไทย พวกเขาจึงประกอบอาชีพตั้งแต่เลี้ยงหมู ปลูกผัก ช่างไม้ รับจ้างแบกหาม ไปจนถึงมีกิจการร้านค้าเป็นของตัวเอง
สำหรับ จับกัง ซึ่งแปลว่าผู้ที่ทำงานได้หลายอย่าง นั้น พวกเขาต้องใช้พลังงานอย่างมากเพื่อประกอบอาชีพในแต่ละวัน อาหารเพื่อเพิ่มพลังจึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่เนื่องจากรายได้น้อย ไม่มีเงินพอกินหลายมื้อ จึงมีคนคิดสูตร บะหมี่จับกัง ขึ้นสำหรับขายผู้ใช้แรงงาน จะได้กินได้ชามเดียวแต่อิ่มท้อง ร้านบะหมี่จับกังจึงมักพบได้ในชุมชนชาวจีน รวมถึงเยาวราชซึ่งเป็นย่านค้าขาย-ขนส่งสำคัญ นายสุวิทย์ สุรินทร์ศรีรัตน์ วัย 72 ปี เป็นเจ้าของร้าน บะหมี่จับกังเยาวราช รุ่นที่ 2 ในซอยเจริญกรุง 23 บอกว่าร้านนี้เริ่มขายมาตั้งแต่รุ่นคุณแม่ที่อพยพจากจีนมาที่ไทยใหม่ ๆ ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และเริ่มขายบะหมี่มาตั้งแต่นั้นมา
บะหมี่เป็นอาหารที่คนจีนชอบกันอยู่แล้ว เลยเริ่มขายตั้งแต่นั้นมา แต่เราต้องการให้ปริมาณเยอะๆ เพื่อที่คนทำงานจะได้กินอิ่ม ชามเดียวอยู่ ไม่เน้นกำไร พอเราขายเยอะแบบนี้ไม่เหมือนใคร คนก็ติดใจกัน แต่ก่อนขายชามละ 10-20 บาท แล้วที่มาของชื่อว่าจับกังก็มาจากลูกค้าเป็นคนตั้งให้ บะหมี่จับกังมีส่วนผสมหลักเพียง 3 อย่างเท่านั้น คือ เส้นบะหมี่ หมูหมักพะโล้ และผักกวางตุ้ง แต่ในช่วงเช้าจะมีเกี๊ยวเพิ่มมาด้วย ด้วยความที่จุดเด่นของบะหมี่จับกังคือให้ปริมาณเยอะ เวลาขายก็จะลวกบะหมี่ทีละ 10 – 20 ก้อน
แล้วตักพักใส่กะละมังไว้ หลังจากนั้นจึงแบ่งใส่แต่ละชาม ตามด้วยหมูพะโล้ที่ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ปัจจุบัน บะหมี่จับกังก็ไม่ใช่อาหารประจำสำหรับกรรมกรแบกหามตามที่เคยนิยามกันในอดีต แต่กลายเป็นเมนูเด็ดประจำย่านเยาวราชที่ได้รับความนิยมจากนักชิม ไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัท นักเรียน หรือนักศึกษา แม้กระทั่งคนที่ผ่านมาบริเวณย่านเยาวราชก็ต้องแวะเข้ามาชิมต้นตำรับบะหมี่จับกังแห่งนี้ ร้านขึ้นราคาบะหมี่จับกังจากยุคแรกเริ่มมาเป็นชามละ 40-50 บาท
แต่ยังให้ปริมาณบะหมี่เยอะมากหากเทียบกับร้านก๋วยเตี๋ยวทั่วไป ลูกค้าวัยรุ่นเห็นปริมาณบะหมี่ในชามแล้วก็ต้องตะลึงไปตาม ๆ กัน เพราะเยอะมากเกือบล้นชาม จนบางครั้งกินไม่หมด ต้องห่อกลับบ้านกันก็มีมาแล้ว