มนตราวายสะ ตอนที่ 6 ความเชื่อผิด ๆ (4)
|
+++++++++
“หมอพยายามสุดความสามารถแล้วครับ” คุณหมอหนุ่มมองลูกค้าที่ร้องไห้ปานจะขาดใจอย่างรู้สึกผิด ที่ตัวเองไม่สามารถยื้อชีวิตสัตว์เลี้ยงสุดรักของอีกฝ่ายเอาไว้ได้
“เพราะอีกาตัวนั้นแน่ ๆ” หนึ่งในลูกค้าเอ่ยพร้อมกับพยักพเยิดไปยังสัตว์ปีกสีดำที่ส่งเสียงเมื่อครู่
“นั่นสิ เมื่อก่อนไม่เคยเห็นว่าจะมีสัตว์ตัวไหนตาย แค่มันร้องก็มีสัตว์ตายเลย” และก็มีอีกคนเอ่ยเสริมขึ้นทันทีว่า “สงสัยคราวหน้าจะพาลูกชายฉันมารักษาที่นี่คงต้องดูก่อนว่ามีตัวอัปมงคลอยู่หรือเปล่า”
“ใช่ ๆ”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ น้องมาถึงที่นี่ลมหายใจก็รวยรินแล้ว และแผลที่ได้รับก็สาหัสมากจริง ๆ อย่าโทษสัตว์ที่มันไม่รู้อีโหน่อีเหน่เลยนะครับ” คุณหมอหนุ่มอธิบายให้ลูกค้าคนอื่น ๆ รวมทั้งเจ้าของเจ้าสุนัขเคราะห์ร้ายที่โดนรถชนและเพิ่งเสียชีวิตลงไป
“แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมมันต้องมาร้องตอนนี้ด้วย” คนที่กำลังเสียใจฟูมฟายจนคนเป็นสามีต้องปรามแย้งขึ้น “คุณใจเย็น ๆ อย่าไปโทษสัตว์เลี้ยงคนอื่นแบบนั้นสิ ถ้าเจ้าของเขามาได้ยินเข้าเขาจะไม่พอใจเอานะ”
“ก็ใครใช้ให้เลี้ยงสัตว์อัปมงคลกันละ” เธอตวาดสามีแว้ด
“พานแล้วคุณ มันสิทธิ์ของเขา เขาจะเลี้ยงอะไรก็เรื่องของเขา กลับบ้านกันได้แล้ว เราจะกลับแล้วครับคุณหมอ” ตอนท้ายชายหนุ่มหันไปบอกคุณหมอหนุ่มที่ยังยืนอยู่อย่างมีสติมากกว่าคนเป็นภรรยา
“ครับ เชิญทางนี้ครับ” ว่าแล้วคุณหมอหนุ่มก็เดินนำลูกค้าทั้งสองเข้าไปในห้องเพื่อรับศพสัตว์เลี้ยงของพวกเขากลับบ้านไป
“มันน่ากลัวนะครับ” สุบรรณว่าพลางมองสัตว์ปีกสีดำแล้วยิ้มหยัน
“คุณจะบอกว่ามันตายเพราะเจ้านี้ร้องเหรอคะ” สกุณาถามเสียงขึ้นจมูก
“มันก็น่าคิดอย่างที่คุณผู้หญิงคนนั้นว่า”
“ถ้าแค่ร้องยังสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตตายได้ ถ้าคนเอามันไปเลี้ยงที่บ้านจะยังมีชีวิตอยู่เหรอคะ” สกุณาเริ่มเสียงเข้มขึ้นอีกระดับ ไม่คิดว่าหนุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างสุบรรณจะเชื่อเรื่องพวกนี้อีก
“นั่นสิน่าคิด”
“ไม่ต้องคิดหรอกค่ะ เพราะว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ และเอามันมาทำงานด้วยทุกวัน” พูดจบสกุณาก็เดินหนีออกมาอย่างไม่ชอบใจ ปล่อยให้สุบรรณยืนหน้าเหวออยู่คนเดียว
“คุณเลี้ยงไอ้นี่เหรอ” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองพร้อมกับชี้ไปที่เจ้าอีกาที่ตอนนี้มันพยักศีรษะและทำเสียงในลำคอราวกับกำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่ อย่างไม่อยากจะเชื่อ ในโลกใบนี้มีสัตว์น่ารักมากมายทำไมต้องมาเลี้ยงสัตว์ชั้นต่ำพวกนี้ด้วย
“คุณนกผมขอโทษ ผมไม่ได้คิดว่ามันไม่น่ารักหรอกนะ เพียงแต่...” สุบรรณที่เดินตามมา เอ่ยยังไม่ทันจะจบหญิงสาวก็พูดแทรกขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ช่างเถอะค่ะ คนเราต่างก็มีสัตว์ที่ชอบและเกลียดแตกต่างกันไป ฉันเองก็ขอโทษคุณด้วยเหมือนกันที่ทำท่าทางแบบนั้นใส่” หญิงสาวว่าพลางยกมือไหว้
เมื่อมาคิดดี ๆ แล้ว ใช่ว่าเธอจะไม่มีสัตว์ที่ไม่ชอบ เพียงแต่เธอดันชอบสัตว์ที่ไม่เหมือนชาวบ้านเขาเท่านั้น
“ผมไม่ได้...เกลียดมันนะ แค่คิดว่าสัตว์ประเภทนี้ปล่อยให้มันอยู่ตามธรรมชาติน่าจะดีกว่า” สุบรรณพยายามเค้นคำว่าไม่ได้เกลียดออกมาจากลำคออย่างยากเย็น แต่ก็พยายามทำ เพื่อหวังจะได้มัดใจหญิงสาวตรงหน้า
“ฉันก็คิดแบบนั้นแหละค่ะ ขอตัวทำงานก่อนนะคะ” พูดตัดบทเพียงเท่านั้นสกุณาก็หันไปสนใจลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้าคลินิกมาพร้อมกับสัตว์เลี้ยง ส่วนสุบรรณก็ปลีกตัวกลับไปที่ห้องรับรอง โดยตั้งใจเดินผ่านเจ้าสัตว์ปีกสีดำพร้อมกับชี้หน้าคาดโทษมันอย่างไม่พอใจ