อสูรกายแห่งถนนแตร: ครึ่งคนครึ่งหมาสุดสยอง
เมื่อเข้าสู่ยามราตรี เป็นเรื่องธรรมดาที่สุนัขจะพากันเห่าหอน แล้วยิ่งกับสุนัขป่าในพื้นที่ทุรกันดารเองก็สร้างความพรั่นพรึง ทั้งการเป็นนักล่าที่เก่งกาจของสุนัขป่าและความเชื่อมโยงต่อเวทย์มนตร์และไสยศาตร์ จึงเป็นดั่งภาพจำที่ทำให้มนุษย์กลัวมาทุกยุคทุกสมัย จึงเกิดเป็นตำนานอสูรกายคล้ายสุนัขขึ้นมามากมาย และหากอสูรกายนั้นผสมระหว่างสุนัขและมนุษย์แล้วละก็ จัดว่าเป็นเรื่องที่น่าขนพองสยองเกล้าเลยทีเดียว วันนี้เราจะพาทุกคนกลับมายังสหรัฐอเมริกา ไปยังถนนและป่าแห่งหนึ่งที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ที่แห่งนี้ว่ากันว่ามีอสูรกายลูกผสมระหว่างมนุษย์และสุนัขคอยออกมาปรากฏกายในยามราตรีบ่อย ถ้าพร้อมไปหาคำตอบกันแล้วก็ออกมากันเลย!
เมืองเอล์คฮอร์น (Elkhorn city) รัฐวิสคอนซิน (Wisconsin) สหรัฐอเมริกา เป็นที่ตั้งของถนนแตร (the Bray road) ที่ทอดความยาวถึง 17 ไมล์ตัดผ่านรัฐ จัดเป็นถนนสำคัญในการคมนาคมข้ามรัฐ โดยรายล้อมไปด้วยป่าสนเขตหนาวตลอดสองข้างฝั่งสลับกับเนินเขาเตี้ยๆ ที่แห่งนี้เล่าถึงตำนานของอสูรกายแห่งถนนแตร ว่ากันว่าเป็นสัตว์กินเนื้อรูปร่างคล้ายสุนัขหรือหมีที่ยืนสองขา สูง 1.8-2.2 เมตร มีขนสีน้ำตาล ดำ หรือเทาเข้มปกคลุมตามร่างกาย มีหางเป็นพู่ บางรายงานก็บอกว่ามันไม่มีหางเลย มีแขนยาวและกรงเล็บแหลม มีมือห้านิ้วที่เรียวยาวคล้ายมนุษย์แต่ก็มีเล็บแหลมแบบสัตว์กินเนื้อด้วย และท่าทางการเดินของมันคล่องแคล่วราวกับมนุษย์ สามารถวิ่งระยะสั้นด้วยความเร็วเวลาต้องออกตัวได้ หากมีมนุษย์หลงมาในถิ่นฐานของมันก็จะถูกทำร้ายหรือฆ่าทันที แต่ไม่กินศพเหล่านั้นเลย
อสูรกายแห่งถนนแตรถูกรายงานครั้งแรกในปี ค.ศ. 1936 โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียนคาทอลลิคเซนต์โคเล็ตต้าที่ตั้งอยู่ระหว่างทางของถนน เขาบอกสัตว์ตัวนั้นยืนอยู่ที่ถนนอีกฝั่งคล้ายกับดูลาดเลาของถนน มันมีกลิ่นเหม็นสาบโชยออกมา สูงกว่าเขาเล็กน้อย แต่กลับมีส่วนหน้าอกกำยำไหล่ผึ่งเกินจะเป็นหมี หน้าตาของมันคล้ายหมาป่ามาก แต่ก็ยืนแบบมนุษย์ มันทำให้เขากลัวจนต้องลดไฟฉายแล้วย่อตัวหลบหลังพุ่มไม้ที่รั้ว เมื่อชะโงกกลับมา สัตว์ตัวนั้นได้หายไปแล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่คนนั้นได้ถามชาวบ้าน ก็ได้ทราบว่าในจุดที่อสูรกายยืนอยู่นั้นคือสุสานเก่าของชนพื้นเมืองอเมริกัน และเชื่อมโยงไปกับตำนานของชนพื้นเมืองอเมริกันที่เล่นไสยศาตร์เพื่อแปลงร่างเป็นสัตว์ร้าย ไม่ก็เป็นวิญญาณของอสูรกายจากยุคโบราณที่เฝ้าป่าแห่งนั้น
รายงานครั้งที่สองเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1980 ช่วงเวลาตีหนึ่ง ลอริ เอนดริสซ์ ผู้จัดการโรงแรมหญิงคนหนึ่งกำลังขับรถกลับจากกะทำงานมายังบ้านผ่านถนนแตร ตาไฟรถส่องแสงไปถูกเงาในพุ่มไม้ ปรากฏสัตว์ชนิดหนึ่งที่ยืนสองขาหันหลังให้เธอจากบนถนน เจ้าสิ่งนั้นหันหน้ามาก่อนจะแยกเขี้ยวใส่รถของเธอขณะที่รถวิ่งผ่านจุดนั้นไป เธอบอกว่ามันคล้ายหมาป่ามากแต่ยืนสองขาแบบมนุษย์ เล็บของมันยาวมาก มันทำให้เธอกลัวและเชื่อในเรื่องการมีอยู่ของมนุษย์หมาป่าทันที หลังจากนั้นเธอจึงได้เข้ารับการสัมภาษณ์เพื่อเขียนลงในหนังสือรวมเรื่องลึกลับภายใต้ชื่อ Golden Book of the Mysterious
สองปีต่อมา ปี 1982 ดอรี่ กิปสัน ได้กล่าวว่าเธอเองขับรถกลับบ้านในช่วงคืนวันฮาโลวีน เธอได้ขับรถมาบนถนนแตรและชนกับอะไรบางอย่างเข้าอย่างจังจนรถได้กระเด้งในทันที เมื่อเธอลงมาจากรถเพื่อดูต้นเหตุ ที่ป่าด้านท้ายของเธอมีเสียงวิ่งย่ำมาด้วยความเร็วและดังมาก ดอรี่ที่ได้ยินจึงมองและเห็นร่างของสัตว์ประหลาดคล้ายหมาป่าที่วิ่งสี่ขาสลับกับสองขาด้วยความเร็ว ตัวของมันมีสีเทา ตาเรืองแสงสีขาวสว่างและแยกเขี้ยวแหลมคม ดอรี่ไม่รอช้าขึ้นรถและออกตัวสตาร์ตรถบึ่งออกมาด้วยความเร็ว เสียงของอสูรกายตัวนั้นจับไปที่กระโปรงท้ายรถดังขึ้นก่อนที่มันจะลื่นเพราะความเร็วของรถที่ออกตัว ทำได้แค่ฝากรอยเล็บขนาดใหญ่ถากไปที่ท้ายรถ และที่น่าขนลุกคือ เมื่อดอรี่ไปรับเพื่อนอีกคนที่ป่าด้านล่างและกำลังจะพาเพื่อนมาที่บ้าน พวกเขาทั้งสองได้เจอกับอสูรกายตัวนั้นอีกครั้ง ครั้งนี้ดอรี่ไม่ลังเลและออกตัวเหยียบคันเร่งหนีออกมาอย่างปลอดภัย ถึงกระนั้นรอยเล็บที่ทิ้งไว้บนรถก็น่ากลัวพอสมควร
สำหรับนักวิจัยเรื่องเหนือธรรมชาติ พวกเขาคิดไปหลายทษฏีมากมาย อาทิเช่น การเล่นไสยศาตร์พื้นเมืองของชาวพื้นเมืองอเมริกัน ปีศาจจากนรก สัตว์สายพันธุ์ใหม่ หรือแม้แต่การเข้าใจผิดเห็นหมาป่าสีเทาหรือหมีกริซลี่ที่เป็นสัตว์ท้องถิ่นในรัฐวิสคอนซิน ถึงกระนั้นก็ยังไร้ข้อพิศูจน์เนื่องจากหลักฐานมีแต่คำบอกเล่าและรอยเล็บที่สามารถเกิดจากสิ่งอื่นๆ ได้อีกหลายสิ่ง
ทุกวันนี้เองถึงแม้รายงานจะน้อยลงแล้ว แต่การพบเจออสูรกายแห่งถนนแตรก็ยังคงพอจะมีอยู่บ้าง และไม่แน่ว่า อสูรกายตัวนี้อาจจะหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในป่าสนรอบถนนแถบนั้น ก็เป็นได้.....