ช่างเสริมสวยถูกตัดแขนขา หลังติดแบคทีเรียจากลูกค้า
ช่างเสริมสวย "หลิน อ้าย หลิง" วัย 37 ปี จากอิโปห์ ประเทศมาเลเซีย ที่ทำงานในสิงคโปร์ สูญเสียแขนขาทั้ง 4 ข้าง หลังติดเชื้อแบคทีเรียจากลูกค้า... เธอถูกแพทย์บังคับให้ตัดแขนและขาออก เพื่อช่วยชีวิตของเธอ หลังจากที่พวกมันกลายเป็นสีดำ จากการติดเชื้อดังกล่าว...
นับตั้งแต่เผชิญกับความเจ็บปวด "หลิน อ้าย หลิง" ได้ใช้เงินไปมากกว่า 300,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ สำหรับค่ารักษาพยาบาลของเธอ ซึ่งทำให้เงินออมของเธอหมดไปทั้งหมด... อีกทั้งเธอยังสูญเสียใบอนุญาตทำงานของเธอ และ อาจไม่สามารถอยู่ในสิงคโปร์ได้อีกต่อไป... อย่างไรก็ตาม "หลิน อ้าย หลิง" ยังหวังที่จะอยู่ที่นี่ เพื่อรักษาตัวต่อไป และ เริ่มหางานทำใหม่เมื่อฟื้นตัว...
ก่อนหน้าที่ "หลิน อ้าย หลิง" จะสูญเสียแขนและขาไป เธอทำงานเป็นช่างเสริมสวย ในร้านเสริมสวย โดยเธอกล่าวว่า "ฉันรู้สึกสนุกกับการแต่งหน้าและแต่งตัว" และ "หลังจากนั้นฉันก็เริ่มเป็นไข้ ปวดท้อง และ เซื่องซึม พอฉันไปหาหมอ พวกเขาให้ยาแก้ไข้มาแค่นั้น พอไปตรวจอีกครั้งพวกเขาส่งฉัน ไปที่แผนกฉุกเฉินทันที... แล้วหลังจากนั้นฉันก็หมดสติไป..."
"หลิน อ้าย หลิง" กล่าวอีกว่า "เมื่อฉันฟื้นคืนสติ ฉันก็พบว่าตัวเองถูกรายล้อม ไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ และ สมาชิกในครอบครัวของฉัน" และ "ต่อมา ฉันพบว่าฉันป่วยหนัก และ หมอก็บอกให้ครอบครัวของฉัน เตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ ที่เลวร้ายที่สุด" และ "แล้วหมอก็บอกกับฉันว่า "คุณติดเชื้อแบคทีเรีย และ หัวใจของคุณนั้นอ่อนแอ และ มีออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ แขนขาของคุณ กำลังจะกลายเป็นดำ คุณจะต้องโดนตัดแขนขา และ หากคุณตัดสินใจได้ช้า คุณจะตาย คุณต้องตัดสินใจเสียแขนขาตอนนี้!!"
"หลิน อ้าย หลิง" กล่าวว่า "หลังจากที่ฉันถูกตัดแขนขา ฉันไม่มีรายได้เลย ฉันจึงทำได้แค่พึ่งพี่สาวให้ดูแล" และ "ตอนนี้ฉันพักอยู่ในแฟลต 3 ห้อง ในเบด็อกกับพี่สาวและพี่เขยของฉัน หลังจากที่แม่ของฉันย้ายมาอยู่ด้วย เธอก็เอาแต่ดูแลฉัน" และ "ฉันขอขอบคุณที่พวกเขาช่วยเหลือฉันมาก"
แม่ของ "หลิน อ้าย หลิง" กล่าวว่า "ลูกสาวของฉัน เธอได้รับการสนับสนุนและช่วยเหลือจากทุกคน ทั้งทางร่างกายและจิตใจ พวกเขาพยายามให้เธอคิดบวกเสมอ"
"หลิน อ้าย หลิง" กล่าวว่า "ฉันไม่ได้ซื้อมือเทียม เนื่องจากมีราคาอย่างน้อย 14,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ตอนนี้ฉันมีแค่ขาเทียมเท่านั้น ซึ่งฉันต้องผ่อนชำระเงินเป็นงวดๆ โดยมีราคามากกว่า 15,000 ดอลลาร์สิงคโปร์" และ "นอกจากนี้ ฉันยังมีรูในลำไส้ของฉัน ซึ่งฉันต้องมีถุงสโตมาเชื่อมต่อกับหน้าท้องของฉัน เพื่อที่ฉันจะได้ขับถ่ายของเสียออกไป..."
"หลิน อ้าย หลิง" กล่าวอีกว่า "ตอนนี้ฉันยังคงปรับตัวเข้ากับทุกสิ่งอยู่" และ "ฉันรู้สึกขอบคุณและขอบคุณ สำหรับการสนับสนุนจากครอบครัวของฉัน รวมถึงการสนับสนุนจากอดีตนายจ้างของฉันด้วย!!"
ตอนที่ "หลิน อ้าย หลิง" ล้มป่วย เจ้าของร้านเสริมสวย ก็จ่ายค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่ง ให้กับเธอด้วย เนื่องจากที่สิงค์โปร์มี พรบ.คุ้มครองพนักงาน นั่นเอง...
"หลิน อ้าย หลิง" กล่าวเสริมว่า "ในขณะที่ฉันกำลังมองโลกในแง่ดี ได้รับการสนันสนุนจากคนมากมาย แต่แล้วความชิบหายก็บังเกิด เมื่อฉันถูกถอนใบอนุญาตทำงาน และ ฉันอาจต้องเดินทางกลับมาเลเซีย" และ "ฉันทำได้แค่กลับไปที่โรงพยาบาล เพื่อขอเอกสารยืนยันอาการของตัวเอง เพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบถึงสถานการณ์ของฉัน" และ "ฉันหวังว่าจะได้รับการรักษา ในสิงคโปร์ต่อไป..."
นายแพทย์ "โลห์ เจียเซิน" ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ ที่โรงพยาบาลฟาร์เรอร์พาร์ค กล่าวว่า "การติดเชื้อแบคทีเรีย มักติดได้จากงานประเภทบริการ และ มีแค่คนโชคร้ายจริงๆที่จะถูกตัดแขนขา เนื่องจากกรณีตัดแขนขาทั้ง 4 ข้าง ถือเป็นกรณีร้ายแรงที่สุด เพราะโดยทั่วไป การตัดแขนขาเกิดขึ้น เมื่อผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว หรือ เข้ารับการรักษาช้าเกินไป นั่นเอง"
ศาสตราจารย์ "พอล แทมเบียห์" ประธานสมาคมโรคติดเชื้อระหว่างประเทศ ยังได้ตั้งข้อสังเกตอีกว่า "กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยปฏิเสธการตัดแขนขา พวกเขาอาจเสียชีวิตได้"





















