เมื่อเจอเบอร์หลอกลวง วางสายคือคำตอบที่ดีที่สุด แต่ทำไม?
ในยุคดิจิทัล ปัญหาเบอร์หลอกลวงกลายเป็นภัยร้ายที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนอยู่เสมอ หลายคนอาจเคยเจอประสบการณ์รับสายจากเบอร์แปลกๆ ที่พยายามหลอกลวงให้โอนเงิน บอกข้อมูลส่วนตัว หรือแม้กระทั่งข่มขู่ บทความนี้ขอแนะนำแนวทางปฏิบัติเมื่อได้รับสายจากเบอร์หลอกลวง โดยเฉพาะ การวางสายโทรศัพท์ ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่แฝงประโยชน์มากมาย ดังนี้
1. ตัดวงจรการหลอกลวง
เพียงแค่รับสาย คุณได้ส่งสัญญาณ 2 อย่างไปยังมิจฉาชีพแล้ว คือ หมายเลขโทรศัพท์นี้ใช้งานได้จริง และ ผู้รับสายมีแนวโน้มรับสาย ข้อมูลนี้มีค่ามหาศาลสำหรับมิจฉาชีพ พวกเขาจะนำไปต่อยอดหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ เช่น โทรกลับมาอีกครั้ง หลอกลวงญาติ หรือขายข้อมูลต่อให้เครือข่ายมิจฉาชีพอื่น
2. ปกป้องข้อมูลส่วนตัว
มิจฉาชีพมักใช้วิธีการพูดคุยโน้มน้าว บีบคั้น หรือข่มขู่ เพื่อล้วงเอาข้อมูลส่วนตัวจากเหยื่อ เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ข้อมูลบัญชีธนาคาร รหัสผ่าน ฯลฯ ข้อมูลเหล่านี้เปรียบเสมือนกุญแจที่มิจฉาชีพจะนำไปใช้ต่อยอดทำร้ายเหยื่อในรูปแบบต่างๆ
3. หลีกเลี่ยงการสูญเสียทางการเงิน
เป้าหมายหลักของมิจฉาชีพคือเงิน มิจฉาชีพมักเสนอวิธีการหลอกลวงที่หลากหลาย เช่น อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร ตำรวจ หรือหน่วยงานรัฐ หลอกลวงให้โอนเงิน อ้างรางวัล หรือเสนอขายสินค้าปลอม หากเผลอหลงเชื่อ มิจฉาชีพจะได้เงินไปโดยง่าย
4. รักษาสุขภาพจิต
การพูดคุยกับมิจฉาชีพ สร้างความเครียด วิตกกังวล และความกลัว ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต
ดังนั้น เมื่อได้รับสายจากเบอร์แปลก ๆ หรือเบอร์ที่น่าสงสัย สิ่งสำคัญคือ
- วางสายโทรศัพท์ทันที ไม่ต้องพยายามต่อว่าหรือโต้เถียง
- ติดตั้งแอปพลิเคชัน Who's Call หรือแอปพลิเคชันที่สามารถตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์
- ค้นหาเบอร์โทรศัพท์ใน Google ก่อนรับสาย
- กรณีจำเป็นต้องรับสาย ให้สอบถามชื่อและที่มาของผู้โทรอย่างชัดเจน
- ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น ข้อมูลบัญชีธนาคาร รหัสผ่าน OTP ฯลฯ กับบุคคลที่ไม่รู้จัก
- แจ้งเบอร์โทรศัพท์หลอกลวงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กสทช. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฯลฯ
จำไว้ว่า มิจฉาชีพมักใช้วิธีการหลอกลวงที่หลากหลาย หมั่นศึกษาข้อมูลและวิธีป้องกันอยู่เสมอ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ