นักวิทยาศาสตร์เตือน อีก 10 กว่าปีขั้วโลกอาจไร้น้ำแข็ง
ผลพวงจากสภาวะโลกส่งผลต่อโลกสีน้ำใบนี้ไม่หยุดหย่อนดังที่เราๆได้รับทราบจากการประสบพบเหตุการณ์ต่างๆนั้นด้วยตัวเองตั้งแต่อากาศที่ร้อนขึ้นจนทำลายสถิติในหลายที่หลายประเทศ รวมถึงเกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นในทุกภูมิภาคของโลกซึ่งได้พิสูจน์ออกมาแล้วว่าต้นเหตุเกิดมาจากสภาวะโลกร้อนแทบทั้งสิ้น ล่าสุดได้มีผลการศึกษาของ Alexandra Jahn ซึ่งเป็นรองศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์บรรยากาศและมหาสมุทร มหาวิทยาลัยโคโลราโด โบลเดอร์ ได้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Nature Reviews Earth & Environment ได้ระบุไว้ว่า ภายในปี 2578 หรืออีก 11 ปีข้างหน้า ขั้วโลกจะไร้น้ำแข็ง (Ice-Free) หากพวกเราๆยังไม่หยุดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศของโลกโดยใช้เชื้อเพลิงที่มาจากการเผาไหม้ของซากฟอสซิลหรือน้ำมันที่ใช้เติมรถยนต์แทบทุกวันในชีวิตประจำวันนั่นเอง โดยการศึกษาชิ้นนี้ยังได้เผยอีกว่า บริเวณขั้วโลกเหนือจะเปลี่ยนไป และเราอาจไม่ได้เห็นน้ำแข็งขาวโพลนอีกต่อไป แต่จะเห็นแค่สีน้ำเงินจากน้ำทะเลแทนที่ แต่ทาง Alexandra ได้เปิดเผยว่าถึงกระนั้นก็ยังพอมีทางออกอยู่บ้าง โดยเธอได้ได้แสดงความคิดเห็นว่า สมมติว่าถ้าภาวะโลกร้อนทำให้น้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือละลายจนหมดสิ้นไปจริงๆ ทางออกมีแค่วิธีเดียวเท่านั้นนั่นคือการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนในชั้นบรรยากาศให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเมื่อปัญหาโลกร้อนทุเลาลง ไม่เกิน 10 ปีเดี๋ยวน้ำแข็งก็กลับมาดังเดิม คำถามคือเราจะปล่อยให้ไปสู่จุดนั้นจริงๆหรือ หรือถึงจุดนั้นแล้วเราจะร่วมมือกันเพื่อทำให้สภาพกลับคืนมาดังเดิมได้จริงๆหรือ เพราะเท่าที่ผ่านมาในชีวิตนั้น แทบไม่เห็นอะไรที่โดนทำลายไปแล้วจะกลับคืนมาได้เหมือนเดิม โดยเฉพาะเรื่องนี้ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ระดับภูมิภาคของโลกเลยก็ว่าได้ และหากขั้วโลกเหนือไร้น้ำแข็งขึ้นมาจริงๆ แน่นอนว่าสัตว์ป่าอาทิเช่น หมี แมวน้ำ ต้องทุกข์ทรมานอย่างถึงที่สุด เพราะนอกจากจะสูญเสียที่อยู่อาศัยแล้วพวกมันจึงต้องขึ้นบกเพื่อหาอาหาร ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะหาได้ยากขึ้นเพราะอาหารมีน้อยและไม่คุ้นเคย ซึ่งในที่สุดแล้วก็อาจจะอดอาหารตายไปในที่สุด ในขณะเดียวกันเมื่อปริมาณน้ำแข็งลดลง พื้นที่ชายฝั่งระแวกนั้นก็จะไม่มีสิ่งใดมันชะลอความรุนแรงของคลื่น ท้ายที่สุดชายฝั่งจะถูกกัดเซาะไปเรื่อยๆจนทำให้พื้นที่ของแผ่นดินลดลงไปเรื่อยๆเช่นกัน