คนญี่ปุ่นมาอยู่ไทยแล้วใจแตก
คนไทยกับคนญี่ปุ่นนั้นคุ้นเคยกันมานาน มีคนญี่ปุ่นจำนวนมากในประเทศไทยทั้งที่มาอยู่อาศัยถาวรและมาทำงานชั่วคราว คนญี่ปุ่นที่มาเมืองไทยก็ไม่ต่างกับคนประเทศอื่นที่มาเมืองไทยหรือการที่คนไทยไปประเทศอื่นที่ต้องเกิดคัลเจอร์ช็อค (Culture shock) แต่เมื่อผ่านไปสิ่งที่คนญี่ปุ่นเคยช็อคกลับกลายเป็นถูกจริตขึ้นมา ทำให้ใจแตกหลงเมืองไทยไม่ยอมกลับญี่ปุ่น เห็นได้บ่อยๆในสังคมของการทำงาน ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง
บรรยากาศที่ทำงานในญี่ปุ่นนั้น จะสร้างให้พนักงาน แข่งขันในการทำงาน มาก่อนเวลา ทำงานเกินเวลา ถ้าเลิกงานตรงเวลารีบกลับถือว่าไม่เสียสละ จะถูกกดดันจากสายตาพนักงานคนอื่นๆ และจะไม่ก้าวหน้า เวลาเลิกงาน 5 โมงเย็น งานก็เสร็จหมดแล้ว แต่ต้องจำใจฝืนนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน
คนญี่ปุ่นตอนแรกที่มาประจำที่ไทย จะดูนิ่งๆเครียดๆตามสไตล์ญี่ปุ่น ตอนพักเที่ยงไม่ออกไปกินข้าวเที่ยง กินในห้องทำงาน ทำงานไปกินไป พนักงานคนไทยพากันฟุบนอนที่โต๊ะ แต่คนญี่ปุ่นก็ยังนั่งทำงาน ถึงเวลาทำงาน คนไทยทำงานไปด้วย เม้าท์มอยไปด้วย ทั้งกินขนม ผลไม้ สารพัด รีแล็กซ์สุดๆ คนญี่ปุ่นก็ตั้งใจทำงานจริงจัง ตึงจัด พอเริ่มปรับตัวได้ ครบกำหนดปีที่ต้องกลับญี่ปุ่น บางคนได้กลับประเทศถึงกับร้องไห้ ไม่มีใครอยากกลับสักคน มาทำงานที่ไทยสบาย สังคมที่ทำงานในเมืองไทยมีความยืดหยุ่น มีน้ำใจ มีการช่วยเหลือกัน สวัสดิการในไทยก็ดีมีคนขับรถให้ ไปตีกอล์ฟ กินดื่ม ดูแลอย่างดี พอกลับไปต้องไปนั่งรถไฟเบียดคน โดนกดดันในที่ทำงานอีก ส่วนมากก็เลยจะหาทางอยู่ไทยต่อ บางคนขอย้ายไปตำแหน่งอื่นหรือไปอยู่สาขาหรือบริษัทลูกอื่น ถ้านายจ้างไม่อนุมัติ บางคนถึงกับลาออกและหางานบริษัทญี่ปุ่นในไทยเพื่อทำงานต่อ ส่วนมากอยู่ไทยจนเกษียณเลย
วัฒนธรรมการทำงานแบบเคร่งเครียดของญี่ปุ่น ไม่ได้หมายความว่างานจะออกมาดีกว่าคนอื่น เพราะคนญี่ปุ่นทำงานหนักเกินไปจนประสิทธิภาพของงานย่ำแย่ และถ้าพูดเรื่องประสิทธิภาพการทำงานของคนไทย คนไทยทำงานเก่งกว่า ในเวลาทำงาน 8 ชั่วโมง คนไทยสามารถทำงานเสร็จได้โดยไม่ต้องทำงานล่วงเวลา เพราะคนไทยเน้นเป้าหมายมากกว่ากระบวนการ มีความคิดสร้างสรรค์ มีความสามารถในการลดขั้นตอนกระบวนการที่ยุ่งยาก หาทางลัดเก่ง ถ้าการลัดนั้นไม่ทำให้เกิดความเสียหาย ทำให้งานเสร็จไวกว่า แต่คนญี่ปุ่นค่อนข้างทำงานละเอียด ละเอียดจนช้า แม้จะเป็นงานเดิมๆที่ทำทุกวันก็ยังช้า
วัฒนธรรมการทำงานของ 2 ประเทศมีทั้งข้อดี และข้อด้อย ถ้านำข้อดีของ 2 ประเทศมารวมกัน ก็จะได้ผลงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ที่เห็นมาพอสนิทกัน ปรับตัวได้ ก็จะซึมซับความชิลแบบไทยกันหมด
ถ้าดูในเรื่องของค่าแรง ค่าแรงที่ญี่ปุ่นสูงกว่าไทยหลายเท่า หลายคนอาจจะมองว่าได้เงินเยอะ ก็ต้องทำงานหนัก ถูกแล้วแต่เงินเดือนแบบญี่ปุ่น ถ้าอยู่ญี่ปุ่นก็ไม่ได้มีชีวิตหรูหรา จะกินจะใช้ก็ต้องประหยัด เพราะค่าครองชีพที่ญี่ปุ่นก็สูงกว่าไทยหลายเท่า บางคนถึงจะเงินเดือนเยอะแต่ก็ยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเองต้องเช่าห้องพักเล็กๆอยู่ และนั่งกินบะหมี่สำเร็จรูปในช่วงสิ้นเดือนเหมือนกัน
ความยืดหยุ่นในการทำงานที่ไทยมีมากกว่าเยอะ เวลาคนในครอบครัว พ่อ แม่ ลูก ไม่สบาย คนไทยลางานด้วยเหตุผลนี้ได้ ทุกคนเห็นใจและเข้าใจ แต่ที่ญี่ปุุ่นลาไม่ได้เลยเพราะถือว่าเป็นคนละเรื่องกับงาน เรื่องซีเรียสขนาดนี้ยังไม่ให้ลา ไม่ต้องพูดถึงการลาสไตล์ไทยๆแบบอื่น เช่น ทำศัลยกรรม ปวดท้องเมนส์ อกหัก คนญี่ปุ่นที่ได้ฟังเหตุผลการลางานของคนไทยถึงขั้นอึ้งกันเลยทีเดียว