สหรัฐขู่จะหยุดส่งอาวุธ หากอิสราเอลโจมตีภาคพื้นดินที่เมืองราฟาห์
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันนี้ (9 พฤษภาคม 2567) ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์พิเศษกับซีเอ็นเอ็นว่า หากอิสราเอลเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดินในเมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ทางสหรัฐอเมริกาจะยุติการสนับสนุนด้านอาวุธให้กับอิสราเอล และมีรายงานว่าทางสหรัฐอเมริกาได้ระงับการส่งระเบิดน้ำหนัก 2,000 ปอนด์ หรือราว 907 กิโลกรัม จำนวน 1,800 ลูก และระเบิดน้ำหนัก 500 ปอนด์ หรือราว 226 กิโลกรัม จำนวน 1,700 ลูก ให้แก่อิสราเอลตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
เนื่องจากรัฐบาลเทลอาวีฟไม่ได้ตอบสนองต่อสิ่งที่ทางสหรัฐอเมริกาขอไป นั่นคือไม่อยากให้ทางอิสราเอลใช้ปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดิน ในเมืองราฟาห์ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา อีกทั้งรัฐบาลวอชิงตันมีความกังวลมากขึ้น เกี่ยวกับผลกระทบเป็นวงกว้าง ที่จะเกิดขึ้นกับพลเรือนในฉนวนกาซา จากการที่อิสราเอลได้ใช้ระเบิดขนาดยักษ์ไปแล้ว โดยนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดสงครามในฉนวนกาซา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ที่สหรัฐ "ระงับ" การส่งออกอาวุธบางอย่างให้แก่อิสราเอล
โดยมองว่ามาตรการกดดันของสหรัฐอเมริกามีส่วน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ของอิสราเอลมาแล้วหลายครั้ง ตัวอย่างเช่นในปี 2534 รัฐบาลอิสราเอลยอมเข้าร่วมการประชุมที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน ซึ่งนำไปสู่การจัดตั้งกระบวนการสันติภาพกับปาเลสไตน์ หลังจากรัฐบาลวอชิงตันในเวลานั้นของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ระงับมอบความสนับสนุนทางการเงินให้แก่อิสราเอล และในปี ปี 2499 การกดดันอิสราเอลทางเศรษฐกิจ ของสหรัฐอเมริกานั้น ส่งผลให้อิสราเอล ฝรั่งเศส และอังกฤษ ยอมล้มเลิกแผนการ ร่วมกันครอบครอง (สวาปาม) ผลประโยชน์ของคลองสุเอซจากอียิปต์ในขณะนั้น