ตำนานเวมานิกเปรต: ผีกึ่งเทวดาผู้ทุกข์ร้อน
ตำนานของศาสนาต่างๆ เมื่อกล่าวถึงสิ่งเหนือธรรมชาติ ต่างมีเรื่องเล่าถึงผีหรืออสูรกาย แต่หากมาดูตำนานในพุทธศาสนาหรือพระไตรปิฏกก็จะได้รู้จักกับสิ่งมีชีวิตจำพวกเปรต พวกนี้เป็นโอปปะปาติกะ หรือพวกที่กำเนิดโดยดวงจิตผุดขึ้นเอง อาศัยอยู่ในโลกทับซ้อนกับเรา และเปรตนั้นอยู่ในเปรตภูมิอันเป็นภพภูมิอันยากลำบาก หิวโหย ทรมานอันเนื่องจากกรรมไม่ดีที่ตนได้ทำครั้งมีชีวิตเป็นมนุษย์ แต่ทว่า มีเปรตประเภทหนึ่งที่กลับมีลักษณะแปลกไปจากเปรตตัวสูงโย่งปากเล็กเท่ารู้เข็มที่เรารู้จักกัน วันนี้ เราจะมาดูตำนานของ เวมานิกเปรตกัน
เวมานิกเปรต แปลว่าเป็นเปรตผู้มีวิมาน กล่าวว่าเป็นเปรตที่มีความเป็นอยู่ลำบากน้อยที่สุดมากกว่าเปรตประเภทอื่นๆ ในยามกลางวันจะต้องถูกทรมาน ฉีกกินกัดทึ้งร่างกายของตนเองมากมาย สร้างความเจ็บปวด บางครั้งก็จะมีจักรตัดหัวบั่นหัวด้านบนของมันบ้าง ร่างกายสูงโย่งน่าเกลียดดูอัปลักษ์ ไม่สามารถกินอาหารชนิดอื่นๆ ได้เลย จึงมีความทุกข์มาก
ทว่า เมื่อเข้าสู่ยามราตรี เปรตเหล่านี้จะกลับมีกายทิพย์สวยงามคล้ายเทวดา สามารถเสวยสุขทิพย์ทำให้ลืมความเจ็บปวดลงได้ แต่ก็จะมีระยะเวลาอยู่ชั่วคราว เมื่อกลางวันกลับมา ก็ต้องกลับไปทรมานต่อ กายทิพย์ที่เคยมีจัดหายไปกลายเป็นร่างอันน่าเกลียดมาทรมานตนเองต่อไปจนกว่าจะสิ้่นกรรม
เหตุที่ต้องมาเกิดเป็นเปรตเหล่านี้ มีเล่าไว้ในไตรภูมิว่า ครั้งหนึ่งในกรุงแห่งหนึ่ง มีเจ้าหน้าที่ผู้พิพากษาคนหนึ่ง ตัดสินคดีความบนอคติมีความไม่เป็นธรรม เขามักจะตัดสินคนที่เห็นว่าไม่สมควรให้ชนะคดีแม้คนผู้นั้นจะบริสุทธ์หรือถูกต้อง การตัดสินนั้นเป็นไปอย่างไม่เที่ยงธรรมอยู่เรื่อยไป
จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อถึงวันรักษาศีลอุโบสถ (ศีล 8) พระราชาประจำเมืองเรียกเหล่าข้าราชการและขุนนางในสังกัดทั้งหมดมาเข้าเฝ้าเพื่อชวนกันมารักษาศีลอุโบสถ เจ้าหน้าที่คนนั้นได้ถูกถามว่าได้รักษาศีลบ้างหรือไม่ เขาเองไม่เคยรักษาศีลมาก่อน แต่ก็หากตอบไปตามจริงผู้คนจะครหาและอาจจะเป็นที่น่าละอายได้
เพื่อนคนหนึ่งที่ทราบถึงความจริง ก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ก็พยายามชวนคุยเลียบเคียงให้ชายผู้นั้นหันมารักษาศีล จึงได้กล่าวไปว่า หากเป็นเช่นนั้นจงอย่าทานอาหารในยามเย็นเป็นต้นไปถึงเช้าจึงกลับมากินอาหารได้ หากทำได้สำเร็จจะได้บุญ
ชายผู้พิพากษานั้นจึงทำตาม แต่เพราะการไม่เคยอดอาหารมาก่อนจึงเป็นลมขาดอาหารตายไปในที่สุด จากผลกรรมดีที่รักษาศีล 8 ในข้อที่ 6 (วิกาลโภชนา ว่าด้วยการไม่ทานอาหารเย็นในยามวิกาล) จึงได้มีสมบัติและนางฟ้ามาคอยบริการเป็นบริวารในยามกลางคืน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะหายไปในยามกลางวัน และก็ต้องรับกรรมไม่ดีเพราะการตัดสินคดีอันไม่เป็นธรรม จึงต้องมาเป็นเปรตในยามกลางวันคอยหมั่นกินเนื้อตัวเองทรมานตนไปจนกว่าจะสิ้นกรรม
การรับสินบน ตัดสินคดีอันไม่เป็นธรรม ถึงตอนที่คุณทำไปครั้งยังมีชีวิตจะไม่เกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าหากต้องตายตกไปจากโลกมนุษย์แล้ว คุณจงระวังกรรมเหล่านั้นย้อนกลับมาส่งผลให้ดี คุณอาจจะไม่ได้สุขสบายก็เป็นได้