รีวิวหนังสือ เปลี่ยนวิธีคิดและทำแค่ไม่กี่ % ก็สำเร็จได้เร็วกว่าใคร
ความสำเร็จคือสิ่งที่เราทุกคนต้องการพาตัวเองไปให้ถึงเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในด้านต่างๆ บางคนอาจมีเรื่องที่ต้องการทำให้สำเร็จแตกต่างกันไป แต่การที่ยังทำไม่สำเร็จนั้นส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของวิธีคิด ซึ่งถ้าเราอยู่ในแนวทางที่ถูกต้องและด้วยการลงมือทำที่สม่ำเสมอ ความสำเร็จย่อมเป็นไปได้
คุณรัก ขวัญรภัสร์ สิริชัยพงศ์ ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้จะมาบอกเล่าประสบการณ์ส่วนตัวพร้อมชวนตั้งคำถามให้กับผู้อ่านว่าเราพร้อมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างรอบด้านแล้วหรือยัง ? ภายในเล่มใช้ภาพประกอบสี่สี อ่านสบายตา โดยสำนักพิมพ์ I AM THE BEST
ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์
- ได้เรียนรู้ว่า 5 ขั้นตอนของคนสำเร็จมักทำกัน คือ
1.คิดและพูดบวกกับตัวเองบ่อยๆเพื่อดึงดูดสิ่งดีๆเข้าหา ดีกว่าพูดลบกับตัวเองบ่อยๆ มันทำให้จิตตกยากจะเชื่อว่าเรื่องที่จะเกิดขึ้นได้จริง
2.มีเป้าหมายในชีวิตที่แน่นอน เช่น อีก 10 ปี เราจะมีรายได้เท่าไหร่ ตำแหน่งงานแบบไหน ไม่ควรตั้งเป้าต่ำหรือสูงเกินเอื้อม
3.วางแผนเพื่อไปถึงเป้าหมาย ต้องมีแผนระยะสั้น กลาง ยาว แผนไม่สำเร็จเปลี่ยนวิธีการได้ แต่ไม่ควรเปลี่ยนเป้าหมายบ่อย
4.ทำทันที ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง
5.ทบทวนแล้วปรับปรุงแผนว่าทำได้จริงหรือไม่ เพื่อเปลี่ยนวิธีการใหม่ได้ทัน
- ได้เรียนรู้ว่าถ้าอยากประสบความสำเร็จต้องเชื่อว่าตัวเองทำได้ เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ เขียนแผนงานคร่าวๆ ระหว่างที่ทำสิ่งนั้น เราจะค่อยๆเรียนรู้จากประสบการณ์จริง แผนจึงเปลี่ยนตามเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น จากนั้นลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ และให้เวลาอดทนรอคอยจนกว่าจะสำเร็จ
- ได้เรียนรู้ว่าทุกงานที่ทำ...อย่าไปคิดว่ามันง่าย ไม่มีคู่แข่ง เพราะเมื่อเราคิดได้ คนอื่นก็คิดได้และก็ทำได้เหมือนกัน
- ได้เรียนรู้ว่าอย่าปล่อยให้ตัวเองอยู่กับความเร่งรีบจนไม่มีเวลาสำรวจสิ่งต่างๆรอบตัว เมื่อเราทำอะไรช้าลง เราจะสัมผัสได้ถึงสัญชาตญาณบางอย่างที่คอยนำทางเรา
- ได้เรียนรู้ว่าความสำเร็จเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆที่เราทำในแต่ละวัน และคงสภาพนั้นไว้อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย การที่เราจะทำสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับเราให้คุณค่าสิ่งนั้นมากแค่ไหน ถ้าเราอยากได้สิ่งนั้นมากๆ เรามักจะทำจนกว่าจะสำเร็จ เรียกว่า ตั้งเป้าหมายใหญ่ แต่เริ่มทำจากสิ่งเล็กๆ
- ได้เรียนรู้ว่าเรื่องบางอย่างเราควบคุมได้ บางเรื่องก็ควบคุมไม่ได้ เราทำในส่วนที่เราควบคุมได้ให้ดีที่สุด ส่วนที่เราควบคุมไม่ได้ก็ต้องปล่อยวางในผลลัพธ์
- ได้เรียนรู้ว่าอดีตอาจทำให้เราเจ็บปวด แต่เราเลือกได้ว่าจะนำความเจ็บปวดนั้นทำร้ายตัวเองซ้ำ หรือจะนำอดีตมาเป็นบทเรียนเพื่อปรับปรุงแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำอีก ความเจ็บปวด ความทุกข์ ความเศร้า เข้ามาเตือนให้เรารู้ว่าถึงเวลาที่เราควรเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียที อดีตที่โหดร้ายจะช่วยให้เราแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต
- ได้เรียนรู้ว่าคนที่อยู่ได้ด้วยความสามารถของตัวเองนั้นจะอยู่ได้ทั้งตอนที่มีคู่ชีวิตและไม่มีคู่ชีวิต จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยความภูมิใจ มีความเชื่อมั่น เป็นตัวของตัวเอง
- ได้เรียนรู้ว่าไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาดและไม่สำคัญหรอกว่าใครผิดหรือถูก สิ่งที่เราตัดสินใจเลือกที่จะทำ หลังจากที่เกิดข้อผิดพลาดไปแล้ว นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
- ได้เรียนรู้ว่าไม่มีใครทำอะไรเป็นมาก่อน คนเราต้องมีครั้งแรกเสมอ อย่ากลัวที่บอกว่าตัวเองไม่รู้ การเรียนรู้และการลงมือทำสำคัญพอๆกัน การเรียนรู้ทำให้เราสามารถย่นระยะเวลาในการทำงานลงได้ แต่สิ่งต่างๆจะเกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรมไม่ได้ถ้าขาดการลงมือทำ เราจึงไม่ต้องรอให้พร้อมก่อนค่อยลงมือทำ แต่จงทำไปเรียนรู้ไป
- ได้เรียนรู้ว่าการทำธุรกิจ หากเราโฟกัสไปที่ข้อเสีย ผลร้ายที่จะเกิด หรือความล้มเหลว เราจะมีกำลังใจทำได้อย่างไร เราควรรู้ ควรเห็น แต่ไม่ควรมุ่งความสนใจไปที่สิ่งเหล่านี้มากนัก เราควรมุ่งความสนใจไปที่ผลลัพธ์ สิ่งที่เราต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่เราไม่ต้องการ
- ได้เรียนรู้ว่าถ้าอยากให้ชีวิตเป็นไปในแบบที่เราต้องการ เราต้องวางแผนชีวิตของตัวเอง แล้วดำเนินชีวิตตามแผนที่วางไว้ ไม่ช้าเราจะได้ชีวิตในแบบที่ต้องการ เราเขียนแผนได้เลยว่าภายใน 1 ปี 3 ปี 5 ปี หรือจนกว่าเราจะตาย เราอยากเป็นใคร อยู่ที่ไหน ทำอะไร อยากมีชีวิตแบบไหน หลายคนเชื่อว่าชีวิตตัวเองถูกลิขิตโดยอะไรก็ไม่รู้ มีสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเรา แต่เราสร้างผลลัพธ์ของตัวเองได้ด้วยการกระทำ กำหนดเป้าหมาย วางแผนชีวิตให้เป็นแบบที่เราต้องการ ทั้งนี้แผนงานที่ดีควรมีความยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้
- ได้เรียนรู้ว่าเคล็ดลับสู่ความสำเร็จประกอบด้วย ความฝัน จินตนาการ เชื่อว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นจริงแล้ว ลงมือทำ ปรับปรุงแก้ไข ทำอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะสำเร็จ
- ได้เรียนรู้ว่าเวลาเราทุกข์ในเรื่องที่รบกวนจิตใจเราอย่างร้ายแรงจนทนแทบไม่ได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานพอ เมื่อมองย้อนกลับไป เราจะมองมันเป็นเรื่องธรรมดา ฉะนั้น เรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นให้คิดเสมอว่า...แล้วมันจะผ่านไปและกลายเป็นประสบการณ์ที่ดีต่ออนาคตของเรา ให้เราได้นำไปสอน แบ่งปันเรื่องราวนี้ให้แก่ผู้คน
- ได้เรียนรู้ว่าไม่ใช่เฉพาะเรื่องเศร้าเสียใจ เวลาที่ดีใจอย่างสุดซึ้ง น้ำตาจะไหลออกมาเองโดยไม่รู้ตัว ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่เราจะแสดงความรู้สึกออกมา ดีกว่าเก็บกดไว้เหมือนคนเย็นชาหาความรู้สึกที่แท้จริงไม่ได้ แต่สิง่เหล่านี้มันควรเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งในสถานการณ์นั้นๆเท่านั้น หลังจากนั้นต้องกลับมาอยู่กับปัจจุบัน เข้มแข็ง เริ่มต้นใหม่กับสิ่งที่ดีต่อไป
- ได้เรียนรู้ว่าไม่ว่าเราเป็นคนแบบใด เราจะดึงดูดคนในแบบเดียวกับเรา เข้ามาอยู่ในโลกของเรา ถ้าเราเป็นคนดีก็จะดึงดูดตนดีๆเข้ามาหาตัวเรา
- ได้เรียนรู้ว่าชีวิตที่เร่งรีบ แข่งขัน ชิงดีชิงเด่น ทำให้เราฟังกันน้อยลงนำไปสู่ความขัดแย้งและความไม่เข้าใจกัน การตั้งใจฟังคนอื่นช่วยให้เราจับประเด็น รู้จักถาม รู้จักสังเกต รวมทั้งฝึกฝนให้ทนต่อสภาพแวดล้อมที่รบกวนการฟังได้ รวมทั้งฟังโดยปราศจากอคติต่อผู้พูด ถ้ามีเรื่องอะไรมากระทบใจ อย่าเพิ่งด่วนสรุปหรือโต้ตอบออกไป โดยที่เรายังไม่รู้ข้อเท็จจริง
- ได้เรียนรู้ว่ายิ่งให้ยิ่งได้ แต่ก็ไม่ควรให้จนหมดตัวทำให้ตัวเองเดือดร้อนแล้วเป็นภาระของคนรอบข้างในภายหลัง เราต้องให้แบบที่เราไม่เดือดร้อน
ทั้งหมดนี้คุณรักมั่นใจว่าความสำเร็จไม่ใช่เรื่องของดวงชะตา แต่เป็นการลงมือทำของเราเอง ที่ตั้งเป้าและวางแผนมาอย่างถูกต้อง ทำให้เธอประสบความสำเร็จในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ การทำงาน และชีวิตส่วนตัว แม้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราก็แค่อย่าเพิ่งล้มเลิกกลางคันไปเสียก่อน ครีเอเตอร์เห็นด้วยกับประเด็นนี้ ถ้าหากเราได้ศึกษาเรียนรู้มาอย่างดี เราก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองในทางที่ต้องการได้
แม้หนังสือเล่มนี้จะไม่ได้ถึงกับปฏิวัติชีวิตของครีเอเตอร์มากขนาดนั้น แต่ก็ยอมรับว่าเนื้อหาสาระภายในเล่มอ่านง่ายและเหมาะกับคนที่ชอบอ่านหนังสือพัฒนาตัวเองแบบนี้ครับ แม้หนังสือจะนานไปสักหน่อยแต่น่าจะยังพอหาซื้อได้จากร้านหนังสือมือสองครับ สาระที่ได้ก็อาจจะเปลี่ยน Mindset ของเราให้เชื่อว่าเราเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ต้องการได้