ทำไมฝรั่งสมัยก่อนชอบใส่ "วิกผมขาว" กันนะ?
หลายคนอาจเคยเห็นภาพวาดหรือภาพยนตร์ย้อนยุคที่ชาวตะวันตกสวมวิกผมสีขาวฟูๆ หนาๆ กันอยู่บ่อยๆ แต่รู้หรือไม่ว่า วัฒนธรรมการใส่ "วิกผมขาว" นี้ มีที่มาที่ไปและแฝงความหมายอะไรไว้มากกว่าแค่แฟชั่น
จุดเริ่มต้นของวิกผมขาวในยุโรป เริ่มต้นขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 เมื่อโรคซิฟิลิสระบาดหนัก ผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะชนชั้นสูง ป่วยเป็นโรคนี้ ซึ่งหนึ่งในอาการของโรคซิฟิลิสคือผมร่วงเป็นหย่อมๆ หรือร่วงจนหัวล้าน
ด้วยความที่สังคมยุคนั้น ผมร่วงถือเป็นสิ่งที่น่าอับอาย แสดงถึงความเสื่อมโทรม ชนชั้นสูงเหล่านี้จึงหาวิธีปกปิดรอยแผลเป็นจากโรคซิฟิลิสและความหัวล้านด้วยการสวม "วิกผมปลอม"
ในช่วงแรก วิกผมปลอมที่นิยมใช้ทำมาจากผมมนุษย์จริง นำมาฟอกสีและจัดแต่งทรงให้ดูหรูหรา แต่ด้วยราคาที่แพง วิกผมขาวจึงกลายเป็นสัญลักษณ์แสดงฐานะทางสังคม เฉพาะชนชั้นสูงเท่านั้นที่จะสามารถจ่ายเงินซื้อวิกผมราคาแพงเหล่านี้ได้
ต่อมา วิกผมเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ช่างฝีมือจึงเริ่มประดิษฐ์วิกผมจากวัสดุอื่นๆ เช่น ขนสัตว์ ไหม หรือแม้แต่ขนนก วิกผมเหล่านี้มีราคาถูกกว่า ทำให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
นอกจากจะเป็นการปกปิดผมร่วงแล้ว วิกผมยังกลายเป็นเครื่องประดับที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ บ่งบอกถึงรสนิยมและฐานะทางสังคม ผู้คนนิยมออกแบบวิกผมให้มีสีสันและทรงผมที่หลากหลาย บ้างก็ประดับประดาด้วยเพชรพลอย ขนนก หรือริบบิ้น
อย่างไรก็ตาม แฟชั่นวิกผมขาวเริ่มเสื่อมความนิยมลงในช่วงศตวรรษที่ 18 สาเหตุหลักมาจากการค้นพบวิธีรักษาโรคซิฟิลิส ผู้คนจึงไม่จำเป็นต้องใช้วิกผมเพื่อปกปิดรอยแผลเป็นจากโรคอีกต่อไป ประกอบกับวิกผมเริ่มดูเชยและไม่สะดวกสบาย
ปัจจุบัน วิกผมขาวแทบจะหายไปจากสังคมตะวันตกแล้ว เหลือเพียงให้เห็นในภาพยนตร์หรือละครย้อนยุคเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้น วัฒนธรรมการใส่ "วิกผมขาว" ก็ยังคงเป็นหนึ่งในหน้าต่างสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิต ความเชื่อ และค่านิยมของผู้คนในยุโรปสมัยก่อน