4 : Don't touch ลิขิตรักสัมผัสร้าย
Chapter 4
ดวงตาหวานเชื่อมที่มองมานั้น เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสแวววาว ราวกับวิงวอนให้เขา ทำใน สิ่งต้องห้าม ของเหล่าชนชั้นเลือดบริสุทธิ์
นั่นก็คือการเสพสังวาสร่วมกับทาสบรรณาการสายเลือดโอเมก้าแบบเธอ แต่คนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่าง เคานต์ไซรอส แห่งมิวเบิร์กไม่มีทางยอมลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับ 'อาหารว่าง' อย่างเธอเด็ดขาด
ไม่มีทาง...
ซ่า!!!!!
ร่างบอบบางถูกปล่อยตัวลงในอ่างอาบน้ำอย่างแรงโดยไม่ทันตั้งตัว และสายน้ำเย็นเฉียบที่ปะทะร่างก็ทำให้เธอดิ้นพล่านด้วยความตื่นตระหนก พร้อมทั้งพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาเกาะขอบอ่างอย่างเอาเป็นเอาตาย
"แค่กๆๆ"
น้ำที่ไหลทะลักเข้าโพรงจมูก ทำให้เธอสำลักและไอจนแทบหน้ามืด แต่นั่นก็แลกมาด้วยอาการกระสัน ที่ค่อยๆ ถูกสายน้ำเจือจางและทุเลาลงทีละน้อย
'มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเรากันแน่?'
'แถมกลิ่นที่ออกมาจากตัวของผู้ชายคนนั้นอีก...'
เพียงแค่ได้กลิ่นนั้นความกระสันที่พยายามสะกดเอาไว้ ก็หลุดออกมาสร้างความปั่นป่วนที่น่าหงุดหงิดให้เธออีกครั้ง
'ไม่ปกติแล้ว'
'แบบนี้ฉันต้องไปหาหมอ!!'
.
.
'บางทีนี่อาจเป็นผลข้างเคียงหลังหายจากโรคมะเร็ง อาจจะมีสภาวะ นิมโฟมาเนีย'
**นิมโฟมาเนีย (Nymphomania) ซึ่งเป็นอาการป่วยทางจิตประเภทหนึ่ง ที่ผู้ป่วยจะมีความผิดปกติในการควบคุมพฤติกรรมในเรื่องเพศ ร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เกิดความต้องการทางเพศมากกว่าปกติ
'หรือไม่เราก็อาจจะเป็นโรคอื่นๆ แฝงอยู่อีกก็เป็นได้!!!'
แม้ว่าข้อสันนิษฐานเหล่านั้นความเป็นไปได้ไม่ถึง 0.0001% แต่เธอก็ยังไม่หยุดที่จะหาเหตุผลร้อยแปดจากตำราทุกเล่ม วารสารทุกฉบับ เพื่อมาอ้างอิงกับสถานการณ์สุดพิศวง ที่เธอกำลังเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้
แต่เมื่อหันกลับมาเพื่อจะขึ้นจากอ่าง เธอก็ปะทะเข้ากับแววตาเย็นยะเยือกคู่เดิม จากชายที่กำลังจ้องมองมาที่เธอนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่คิดว่านานมากพอจนเธอเห็นความรำคาญที่ฉายอยู่ในนั้น และปะปนไปด้วยความสมเพชอย่างไม่มีปิดบัง
'อะไรกันสายตาแบบนั้น?'
'ช่างไร้มารยาทสิ้นดี'
"รีบจัดการตัวเองซะ ข้าหิวแล้ว"
คำสั่งอันเฉียบขาดและตามด้วยเสียงปิดประตูดังสนั่น ทำให้ร่างเล็กที่ไม่สบอารมณ์พยายามยันกายลุกขึ้นจากอ่างน้ำ และยืนกอดร่างที่เปียกชุ่มและสั่นเทาของตนไว้แน่นอย่างช่างใจ
'แล้วจะให้ฉันออกไปข้างนอกหนาวๆ ในสภาพนี้เนี่ยนะ!!?'
นานกว่าห้านาทีในที่สุดการรอคอยของชายหนุ่มก็สิ้นสุดลง เมื่อแอเรียดเน่เดินออกมาจากห้องน้ำในชุดคลุมอาบน้ำสีดำ ตัดกับสีผิวขาวจัดและซีดเพราะความหนาวเย็น
"มานี่สิ"
เธอหอบร่างที่หงุดหงิดระคนตื่นกลัว ค่อยๆ เดินเข้าไปหาชายหนุ่มผู้มีใบหน้าไร้อารมณ์ที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมตัวเดิม และกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้นวมตัวใหญ่สีแดงเลือดนก ก่อนจะหยุดลงเมื่อระยะห่างประมาณ 3 เมตร
"ใกล้อีก"
เสียงเข้มดุทำให้แอเรียดเน่ถึงกับสะดุ้ง เผลอปล่อยความทะนงตนหล่นพื้นไป ก่อนจะกัดฟันสืบเท้าเข้าไปใกล้เขาอีกสองก้าวด้วยความระมัดระวัง
'นะ...นี่มัน อะไรกัน!?'
จู่ๆ ขาของเธอก็เหมือนกับมีชีวิต และก้าวเดินไปข้างหน้าได้เอง โดยปราศจากการควบคุมของเธอ ก่อนที่ทั้งร่างจะทรุดตัวนั่งลงพับเพียบบนพื้นแทบเท้าของเขา
'พะ...พื้นเหรอ...!?'
.
.
'แต่ฉันคือแอเรียดเน่'
'ผู้ไม่เคยก้มหัวให้ใครเลยนะ!!!'
.
.
'ธีออส พี่อยู่ไหน!!?'
'ทำไมถึงปล่อยให้ผู้ชายน่ากลัวที่ไหนไม่รู้มาทำกับฉันแบบนี้?!!'
ภายในหัวของหญิงสาวเต็มไปด้วยความสับสน เธอคือผู้เชื่อมั่นในวิทยาศาสตร์มากกว่าอำนาจเวทมนตร์ จึงพยายามหาเหตุผลมาอธิบายถึงสิ่งที่กำลังควบคุมร่างกายของเธออยู่ในตอนนี้
'หรือจะเป็นเพราะกลิ่นนั่น!!?'
'คงจะเป็นสมุนไพรอะไรสักอย่างที่มีฤทธิ์กดประสาท เราถึงได้ควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้!!'
"เอ๊ะ!!!?"
ดวงตาคู่เรียวที่ดูคล้ายจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้หญิงสาวสะดุ้งหลุดออกมาจากความคิดของตน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีวี่แววว่าใบหน้า และดวงตาคู่นี้จะหยุดใกล้เข้ามาเสียที
"จะ...จะทำอะไรน่ะ!?"
เสียงหวานละล่ำละลักเมื่อจู่ๆ ใบหน้าของอีกฝ่ายก็ยื่นเข้ามาใกล้ จนแทบจะได้กลิ่นชาที่เขาเพิ่งดื่มเข้าไปลอยออกมาจากลมหายใจ
'แล้วนี่อะไรอีก!!!'
'เกิดพิศวาสอะไรฉันขึ้นมารึไงฮะ!!!?'
แอเรียดเน่ที่ไร้เรี่ยวแรงคล้ายคนเป็นอัมพาตยามเมื่อได้สบตากับเขา ราวกับถูกใบหน้าคมคายสีน้ำผึ้งและดวงตาคู่นั้นสะกดจิต จนก่อให้เกิดความรู้สึกวาบหวิวที่ยากจะยอมรับได้
'ออกไป บอกให้ออกไปไงเล่า!!!!'
แอเรียดเน่กำลังกรีดร้องภายในอกอย่างคลุ้มคลั่ง เมื่อไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างที่ใจปรารถนา เธอทำได้เพียงเบือนหน้าหนีและยกมือที่อ่อนแรงขึ้นผลักหน้าอกของเขาออก ด้วยแรงที่มีเพียงปลาดิ้นเท่านั้น
ชืบบ
นิ้วเรียวแตะลงบนปลายคางมนของหญิงสาว ก่อนจะยกใบหน้าของเธอขึ้นพร้อมกับพ่นลมหายใจอุ่นออกมาอย่างใจเย็น ต่างจากจิตใจที่กระวนกระวายของอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง
"มะ...ไม่นะ!!"
เสียงหวานร้องห้ามเมื่อปลายลิ้นอุ่นลากผ่านลำคอระหงอย่างละเมียดละไม ทำให้เธอทั้งหวาดกลัวและสับสนจนขนในกายลุกชัน โดยเฉพาะความเย็นแข็งจากฟันที่ขบลงบนผิวของเธอเบาๆ
'ทะ...ที่บอกว่าหิว'
'ไม่ได้หมายถึงข้าวเย็น แต่หมายถึงเลือดงั้นเหรอ?!!'
เสี้ยววินาทีที่ความกลัวแล่นเข้ามาภายในหัวใจ แอเรียดเน่ที่ไม่อาจดิ้นรนขัดขืนก็ทำได้เพียงปิดตาลงด้วยร่างที่สั่นเทา พร้อมทั้งเหงื่อเย็นๆ ที่เริ่มผุดไปทั่วทั้งร่าง ตามสัญชาตญาณด้วยความสิ้นหวัง
"ไม่อร่อยหรอก!"
"หืม?"
คำพูดที่โพล่งออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ ของเธอ ทำให้อีกฝ่ายชะงักไปด้วยความประหลาดใจ
"คุณเป็นแดร็กคูล่าอย่างงั้นสินะ!?"
"แดร็ก...คู?"
"จะบอกให้ เลือดของฉันมันไม่อร่อยหรอก!!"
เขาย่นคิ้วด้วยความงุนงง กับภาษาที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต และในแววตาที่กำลังมองมาก็แฝงความไม่พอใจเอาไว้อย่างรุนแรง ขณะที่เธอยังคงพ่นคำพูดเจื้อยแจ้ว เพื่อฉุดรั้งเส้นชะตาชีวิตอันเปราะบางของตนไว้ให้ยาวนานขึ้นอย่างสุดกำลัง
"เพราะงั้น ฉันจะทำอย่างอื่นให้คุณทานดีไหม..."
ปึง!!!
"พอได้แล้ว!"
เสียงฟาดมือลงบนโต๊ะน้ำชาข้างกายทำให้แอเรียดเน่เกือบหลุดกรี๊ด และกลืนคำพูดต่อมาลงคอไปจนหมด
"มีแค่ข้าคนเดียว..."
.
.
"ที่จะตัดสินว่าเลือดของเจ้า มันคู่ควรที่จะอยู่ในตัวของข้าหรือไม่!"
คำพูดโอหังนั้นทำให้เธอชาไปทั้งหน้า ยิ่งกว่าถูกน้ำเย็นราดหรือมึนงงยิ่งกว่าถูกตบเสียอีก
'ยโส โอหังจริง!!!!'
'นี่ฉันหลุดมาอยู่โลกยุคไหนกันแน่เนี่ย!!?'
ถ้าเป็นยุคสมัยที่มีพวกแวมไพร์ หรือพวกคลั่งเวทมนตร์ก็อาจจะใช่ ถ้าดูจากการแต่งตัวของคนพวกนี้
'แม่จ๋า~'
'หนูอยากกลับบ้าน!!!!!!'
หลังจากที่ทำให้ผีดูดเลือดเสียอารมณ์ ไม่นานแอเรียดเน่ก็ถูกสาวรับใช้พาออกมาจากห้อง เพื่อลงมายังชั้นล่างก่อนจะถูกนำทางมายังห้องหนึ่งที่อยู่ข้างบันได
"นี่เป็นที่พักชั่วคราวของคุณผู้หญิง จนกว่าหน้าที่จะเสร็จสิ้น"
เมื่อพูดจบสาวรับใช้ผู้นั้นก็หลีกทางให้คนเข็นรถอาหารเข้ามาในห้อง และเริ่มลำเลียงมื้อค่ำแปลกตาลงบนโต๊ะ ก่อนจะทยอยออกไปจนเหลือเพียงแอเรียดเน่ ที่กำลังยืนหน้าคร่ำเคร่งอยู่กลางห้องเพียงลำพัง
คำว่า 'ชั่วคราว' เธอคงไม่ต้องถามสาวใช้ให้หงุดหงิดใจ เพราะตอนนี้แอเรียดเน่ได้รู้แล้วว่าจุดประสงค์สำคัญ ในการมายังสถานที่แห่งนี้ของเธอคืออะไร และมันจะสิ้นสุดลงเมื่อผู้ชายคนนั้นได้สิ่งที่เขาปรารถนา
...นั่นคือเลือดของเธอนั่นเอง
"..."
แม้จะหิวจนปวดมวนท้อง แต่แอเรียดเน่ก็ไม่สามารถฝืนกลืนอาหารชั้นเลิศเหล่านั้นลงคอได้ เธอทำได้เพียงกระชับเสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่ให้แนบลำตัว และเฝ้ามองไปยังนอกหน้าต่างที่เปิดรับลมหนาวยามค่ำ ที่มีดวงตาหลายสิบคู่ส่องประกายแวววาวด้วยความกระหาย ซึ่งกำลังมองมาทางนี้ตลอดเวลา
...ราวกับนักล่าป่าเถื่อนหิวโซ ที่กำลังรอขย้ำเหยื่อหลงทาง
หากคิดหนีไปจากที่นี่ แอเรียดเน่สามารถมองเห็นชะตากรรมของตนเอง จากการคาดคะเนและประสบการณ์ได้อย่างไม่ยากเย็น
ข้อที่ 1. ถ้าออกจากประตูคฤหาสน์เธอจะต้องโดนชายนับสิบปู้ยี่ปู้ยำ และอาจตายก่อนได้ออกไปเผชิญโลกภายนอก ซึ่งเธอไม่มีทางยอมให้ตัวเองมีชะตาชีวิตที่อดสูแบบนั้นอย่างเด็ดขาด
ข้อที่ 2. ด้านนอกรั้วมีพวกทหารกำลังไล่กวาดต้อนคนแบบเธออยู่ จนสุดท้ายก็ต้องกลับมาที่นี่หรือไม่ก็อาจจะเป็นคฤหาสน์หลังอื่น ไม่ว่าจะในฐานะทาส คนรับใช้ หรือบรรณาการ ก็คงต้องวนลูปกลับไปที่ข้อ 1. อีกครั้งอย่างไม่อาจเลี่ยง (แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว)
และ ข้อที่ 3. ยอมเป็นเครื่องบรรณาการของผู้ชายคนนั้น เพื่อผลิตเลือดให้เขาดื่มแบบแม่วัวผลิตน้ำนม และคิดแผนการดีๆ เพื่อหลบหนีออกไปจากที่นี่ ซึ่งแอเรียดเน่เชื่อว่าคนที่ชื่อ 'เรกูลัส' จะต้องรู้อะไรเกี่ยวกับตัวของเธออย่างแน่นอน
'ก็ดี...'
'งั้นเอาแบบนั้นแหละ!!'
.
.
'แล้วถ้าตานั่นกินจุ จนดูดเลือดเราหมดตัวในคราวเดียวล่ะ!!?'
แอเรียดเน่ที่เกือบจะวางใจลงได้ จู่ๆ ก็เริ่มวิตกกังวลขึ้นมาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าคนเราจะมีเลือดไหลเวียนในร่างกายราวๆ 4 - 6 ลิตร แต่ความน่าจะเป็นล้วนเกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะในดินแดนที่มีแต่พวกป่าเถื่อน คนมีขนนกงอกออกมาจากตัว และแวมไพร์ดูดเลือดอย่างที่นี่
ฟิ้ววว~
สายลมเย็นจัดที่บาดผิวจนแสบยิบๆ ทำให้เธอต้องปิดหน้าต่างและลงกลอนอย่างหนาแน่น ก่อนจะเดินมาเอนกายลงบนเตียงหลังใหญ่ด้วยความอ่อนล้าและสับสน
"ถ้านี่เป็นความฝัน ก็ขอให้ฉันรีบตื่นขึ้นมาซะที"
ทั้งความเจ็บปวดของแผลที่แขน จากเศษกระจกที่ระเบิดตอนอยู่ในบ้านไม้ อีกทั้งแผลบนฝ่าเท้าที่เริ่มปิดสนิทไม่มีเลือดซึมออกมา และรอยไหม้จากเขี้ยวที่ลำคอ ก็ย้ำเตือนกับเธอว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้... มันคือความจริง
'แม่จ๋า'
'คุณพ่อ'
'พี่ธีออส'
.
.
'ตอนนี้ทุกคนอยู่ที่ไหนกัน?'
To be continued...
|