รู้หรือไม่ มีผักบางชนิดไม่สารมาถกินดิบได้และอาจไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย
ขึ้นชื่อว่าผักหลายคนอาจคิดว่าผักสามารถกินดิบได้ทุกชนิดเพราะยังไงก็คือผักหรือพืชแต่วันนี้ เรื่องราวน่าสนใจ จะมาแนะนำผัดชนิดที่ไม่สารมารถรัปประทานแบบดิบๆได้จะมีอะไรบ้างมาดูกัน
ผักเหล่านี้ห้ามรัปประทานดิบเด็ดขาด เนื่องจากมีสารไซยาไนด์ ( Cyanide ) ซึ่งหากบริโภคในปริมาณมากสารนี้จะไปจับเม็ดเลือดแดงทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน หมดสติ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นควรนำไปต้มในน้ำเดือดประมาณ 10 นาทีก่อนเพื่อลดปริมาณสารดังกล่าว
มันฝรั่งเป็นพืชที่ไม่ควรกินดิบโดยเด็ดขาดก่อนกินต้องผ่านความร้อนก่อน เนื่องจากในมันฝรั่งดิบจะมีสาร "โซลานีน" สารพิษไกลโคแอลคาลอยด์ เป็นสารที่พืชสร้างมาเพื่อปกป้องตัวเองจากแมงศัตรูพืช หากคนกินเข้าไปในปริมาณมากๆ อาจทำให้เกิดอาการปวดหัว หัวใจล้มเหลว อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้น ควรทำให้สุกด้วยความร้อนจัดก่อนนำมาบริโภค
ในมันสำปะหลัง มีสารไซยาไนด์ ( Cyanide ) เช่นเดียวกับหน่อไม้ ซึ่งหากบริโภคในปริมาณมากสารนี้จะไปจับเม็ดเลือดแดงทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน หมดสติ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นควกปอกเปลือก และปรุงให้สุกด้วยความร้อนก่อนรับประทาน
เนื่องจากการเจริญเติบโตของถั่วงอกต้องอาศัยความชื้นในการเจริญเติบโต จึงมีความเสียงสูงจะปนเปื่อนเชื้อแบคทีเรีย อีกทั้งยังมีสารฟอกขาว เป็นสารเคมีกลุ่มซัลไฟต์ หากรับประทานสารเคมีในกลุ่มนี้มากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการหายใจขัด ความดันโลหิตต่ำ ปวดท้อง อาเจียน อุจจาระร่วง บางรายที่แพ้อาจเกิดลมพิษ ช็อก หมดสติ และเสียชีวิตได้
เพราะอาจทำให้ท้องอืด โดยเฉพราะในคนที่มีปัญหาเรื่องการย่อย และกลุ่มผู้สูงอายุ รวมทั้งมีโอกาศในการปนเปื้อนยาฆ่าแมลงที่ใช้ในการเพาะปลูกสูง
หากรับประทานต้องล้าง และแช่น้ำทิ้งไว้อย่างน้อย 5 - 10 นาที เพื่อลดปริมาณสารเคมีที่ปนเปื้อน
กะหล่ำปลีดิบไม่ควรรับประทาน โดยเฉพราะอย่างยิ่งกับคนที่มีภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์ที่ต่ำกว่าปกติ ( Hypothyroidism ) เนื่องจากในกะหล่ำปลีมีสารที่ชื่อว่า กอยโตรเจน ( Goitrogen ) โดยสารนี้จะไปยับยั้งการนำไอโอดีนไปใช้ในการสังเคราะห์ไทรอยด์ฮอร์โมน ทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานได้ลดลงไปอีก ซึ่งกอยโตรเจน ( Goitrogen ) สามารถถูกทำลายโดยการผ่านความร้อนได้
พืชตระกูลเดียวกันกับกะหล่ำปลี มีสารกอยโตรเจน ( Goitrogen ) ซึ่งทำให้ร่างกายใช้ไอโอดีนได้ไม่เต็มที่ อีกทั้งยังทำให้ท้องอืด ดังนั้นก่อนจะรับประทานจะนำมทผ่านความร้อนทำให้สุกก่อน
ผู้ที่มีภาวะการขาดธาตุเหล็ก และแคลเซียมไม่ควรรับประทานตอนดิบ เนื่องจากผักโขมจะมีกรดออกซลิก ( Oxalic Acid ) ซึ่งจะไปยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็ก และเเคลเซียมจากอาหาร ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ