ช่วยแผ่นดินไหวเนปาล17:หิมาลัยซีนแรก
รุ่งขึ้นเราปฏิบัติการมุ่นมั่น ต้องเดินทางไป Nalang ให้ได้...เป็นไงเป็นกัน..โดยการตื่นเช้าสุดในชีวิต เพื่อมาจัดการตัวเองให้เสร็จสรรพ รวมถึงอาหารเช้าที่พ่อครัวเพื่อนรักคนเดิม ตื่นเช้ากว่ามาเตรียมให้เช่นเคย ดูเหมือนทุกคนจะเข้าใจถึงปฏิบัติการนี้อย่างดีโดยไม่ต้องนัดแนะกันอีกรอบ จึงทำเวลากันได้ดีมากทีเดียว อันที่จริงก็เป็นข้อดีอย่างมหันต์อยู่ข้อหนึ่งก็คือ ได้ลดน้ำหนักกระเป๋า นำของที่ไม่จำเป็นออก จะได้กลับมาที่บ้านฮารี่อีกครั้ง ก่อนกลับเมืองไทย เลยทำให้พวกเราไม่ต้องแบกของทั้งหมดไปด้วย ซึ่งเป็นการรักษาชีวิตพวกเราไว้ทั้งสี่ชีวิตในช่วงบ่ายต่อมา...
น้ำหนักกระเป๋าที่ลดลงเกือบค่อน ทำให้ทุกคนเดินตัวปลิวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ระหว่างทางเดินออกมาขึ้นรถแต่เช้าตรู่ เห็นฮารี่พูดคุยกับเพื่อนบ้านชาว Balaju หลายคนที่ถามไถ่ทักทายพวกเรา กิจวัตรในการเดินไปมาของพวกเรา ตลอดเกือบห้าวันนี้ทำให้เพื่อนบ้านละแวกนี้เริ่มคุ้นชิน และรู้จักพวกเราอย่างไม่เป็นทางการ และจากเมื่อวาน ตอนเดินแบกเป้ออกมาทุกคนก็ทราบดีว่า เรากำลังจะจากหมู่บ้านแห่งนี้ไปแล้ว ฮารี่หันมาบอกพวกเราหลังจากจบบทสนทนากับเพื่อนบ้านว่า ทุกคนถามเป็นคำถามเดียวกันว่า ทำไมถึงกลับมากัน? เกิดอะไรขึ้น? นี่พวกเรากลายเป็นสมาชิกลูกบ้านของชุมชนนี้ไปซะแล้ว....พวกเราโล่งใจหายใจทั่วท้องได้เต็มๆ หลังจากได้ตั๋วที่นั่งห้าใบ บนรถทัวร์ไปเมือง Dhadling เมืองใหญ่ที่จะพาพวกเราไปถึงหมู่บ้านเป้าหมาย
น้องศิลปินองค์รักษ์ข้างกาย ทำหน้าที่นั่งประกบดูแลเราบนปลากระป๋องคันนี้ตลอด....แล้วรถก็เคลื่อนตัวออกจากกาฐมาณฑุมายังเส้นทางเดิมเมื่อวาน....สะดุ้งตื่นหลังจากที่น้องสะกิด ชี้ให้ดูยอดหิมาลัยขาวโพนไกลลิบๆโน่น นึกถึงตัวเองที่ตื่นเต้นอย่างนี้ (หรือน่าจะมากกว่านี้) ที่ได้เห็นครั้งแรกในชีวิต สวยมากๆ จ้องมองแบบไม่กระพริบตาเลยทีเดียว ก็เมืองไทยไม่มีนี่นา...แต่ครั้งนี้ง่วงมากกว่า เลยพยักหน้าตอบน้องไปและหลับต่อ....ZZZZzzzz
พวกเราห้าชีวิตลงระหว่างทางก่อนไปถึงเมือง Dhadling โดยการนำทีมของฮารี่ ลงมาก็งงนิดๆเพราะเป็นข้างทางป่าๆ จริงๆ มีทางถนนดินลูกรังปนก้อนกรวดเล็กๆแยกไป ก็มีทางนี้ทางเดียว เลยเป็นที่เข้าใจกันว่า นี่คือทางที่พวกเราต้องเดินกัน....แรกๆก็เป็นการยืดเส้นยืดสายหลังจากนั่งนิ่งๆ บนรถมาหลายชั่วโมงได้เป็นอย่างดี แต่ก็เริ่มเหนื่อยขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะทางที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
หลายมุมทางโค้งที่มองเห็นเทือกเขาหิมาลัยตัดกับท้องฟ้าเข้ม เด็กๆหยุดเก๊กถ่ายรูปแข่งกันสนุกสนานหล่อๆกัน เป็นโอกาสได้หยุดพักเหนื่อยมองกันเหงื่อท่วมตัวกันทุกคน ฮารี่แอบหัวเราะที่เห็นคนไทยตื่นเต้นกับหิมาลัยที่เค้าเองเห็นมาตั้งแต่แรกเกิด เดินๆ เหนื่อยๆ หยุดๆ ถ่ายรูปมาเรื่อยจนมาถึงสามแยกหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีเพียงไม่กี่หลังคาเรือน เห็นมีร้านค้าอยู่ด้วยเป็นที่รื่นเริงกันขึ้นมาได้มาก เพราะนั่นหมายถึงเวลาแห่งโค้กมาถึงแล้ว นั่งพักเหนื่อยพร้อมเครื่องดื่มที่เป็นที่รักของทุกคนในยามนี้ เริ่มเห็นชาวบ้านต้อนฝูงแพะผ่านไป นี่เป็นบรรยากาศของเนปาลชนบทอีกอย่างหนึ่ง ที่พบเห็นได้ทั่วไป
**ข้อความทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียน
*ติดตามเรื่องราวทริปและงานเขียนอื่นได้ที่ https://tenlavenders.blogspot.com/
และเว็บไซต์ส่วนตัว https://tenlavenders.softr.app/