ช่วยแผ่นดินไหวเนปาล5:วังเก่าที่ป่าตัน
ป่าตัน (Patan) เป็นเมืองหลวงเก่าอีกเมืองอยู่ไม่ไกลจากใจกลางกาฐมาณฑุเท่าไหร่นัก คือเป้าหมายของเราในวันนี้ ตั้งใจว่าจะใช้เวลาสองสามวันแรกปรับตัวอยู่ที่กาฐมาณฑุนี้กันก่อน ก่อนที่จะเริ่มทำงานที่หมู่บ้านนอกเมืองและที่โพคารา...เช้านี้เราไม่โชคดีเหมือนเมื่อวานที่ได้รถเมล์ตั้งแต่หน้าบ้าน แต่ดีที่ฮารี่นำทีมไปด้วย จึงต้องเดินกันไปหารถที่ถนนวงแหวนโน้นซึ่งก็คือจุดที่เราเริ่มเดินเท้ากันเข้าบ้านเมื่อคืน ความเมื่อยความล้าเดิมยังไม่ทันหายไปเลย...ต้องมาซ้ำอีกแล้วเหรอเนี่ย..เหมือนฮารี่จะรู้ จัดแจงให้หยุดพักเป็นระยะตามใจลูกทัวร์ เราต่อรถเมล์คันแรกไปหยุดที่วัดพุทธแห่งหนึ่ง ที่มีพระพุทธรูปใหญ่สามองค์เหลืองทองอร่ามเตะตา...เดินเล่น นั่งเล่น ถ่ายรูป พอหายเหนื่อยก็ต่อรถเมล์อีกคันไปเมืองปาตัน...
วังเก่าแห่งนี้ ถูกพื้นที่เมืองกินเข้ามาถึงจนทำให้เราเดินเข้ามาสู่เขตวังอย่างไม่รู้ตัว...ป่าตันสาหรับเรายังเหมือนเดิม ถึงแม้ที่นี่จะได้รับความเสียหายให้ใจหายอยู่ไม่น้อย ตั้งใจแต่แรกแล้วว่าจะมานั่งนิ่งๆ มองผู้คน แอบนึกถึงคราวที่มาเมื่อปีก่อนๆ แต่ละปี แต่ละครั้งก็ต่างๆกันไปในหลายๆเรื่อง ทุกที่ในเนปาล ครั้งแรกที่มา เห็นจะตื่นเต้นมากเพราะสวยเหลือเกิน เกิดมาไม่เคยเห็น ถ่ายรูปอยู่นั่นแหละ เดินอยู่นั่นแหละ มองแล้วมองอีกไม่เลิก...เวลาผ่านไป สถานที่เหล่านี้กลับกลายเป็นที่ที่เราอยากกลับมานั่งมองนิ่งๆ เคลียร์ให้สมองโล่งๆ ตัดขาดจากทุกอย่าง แอบฟังเสียงลม มองท้องฟ้า มองคนเนปาลีเดินไปมา...ชอบความรู้สึกนี้จัง ไม่รู้ทำไม...
เกือบชั่วโมงที่พวกเราทุกคนรวมตัวกันครบทีมเตรียมเคลื่อนตัวออกไปจากป่าตันแห่งนี้ สิ่งที่มีชื่อเสียงอีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือภาพเขียนทังก้า ซึ่งเป็นศิลปะการเขียนเรื่องราวในพุทธศาสนานิกายมหายานของชาวทิเบต ฮารี่มีเพื่อนเป็นเจ้าของร้านทังก้าแห่งหนึ่งพอดี จึงพาพวกเราเข้าเยี่ยมชม เจ้าของร้านน่ารักและใจดีมากๆ ขนรูปทังก้าสวยๆระดับ master หาดูได้ยากหลายภาพมาให้ชมอย่างไม่กังวลเลยว่าจะเสียหายหรือไม่ หรือพวกเราจะสนใจซื้อภาพทังก้าซักภาพหรือไม่ น้องศิลปินสนใจเป็นพิเศษพร้อมกับเปรยคำถามที่คาใจอยู่ว่า “ทำได้ยังไง?” “ใช้เทคนิคอะไรนะ?” “ทำไมมันละเอียดอย่างอย่างนี้?” “สวยจัง?” ไม่ละสายตาจากภาพทังก้าเหล่านั้นอยู่หลายนาที...นั่นแหละ...นอกกะลา โลกใบนี้กว้างใหญ่มีอะไรให้ดู ให้เห็น ให้ตั้งคำถาม ให้เรียนรู้อีกมากมาย อยู่ที่ว่าจะเดินเข้าไปหาสิ่งเหล่านั้นมั๊ย?.... รึจะอยู่แต่หลังบ้าน? ก็แล้วแต่...
แล้วเราก็เดิน เดิน และเดินตามทางที่ฮารี่นำ ระหว่างทางที่ถนนสายหนึ่ง เห็นทั้งรถยนต์ส่วนตัว แท็กซี่ และมอไซด์จอดเบียดข้างถนนกันแน่น ฮารี่บอกว่าเค้ามาเข้าคิวกันเติมน้ำมัน ไม่นานเราก็เดินผ่านปั๊มน้ำมันขนาดย่อมๆแห่งหนึ่ง...โอ แล้วอีกกี่วันเค้าจะเติมให้หมดทุกคันเนี่ย...สภาพโดยรวมของกาฐมาณฑุในคราวนี้แตกต่างกับคราวก่อนๆที่เคยมาอย่างชัดเจน คือความหนาแน่นของรถและการจราจรเบาบางลงมาก เปลี่ยนเป็นความอัดแน่นของซุปเปอร์ปลากระป๋องและรถโดยสารสาธารณะที่ลดจำนวนลงเกือบค่อน ดูเหมือนเป็นข้อดีหากไม่ต้องเป็นสมาชิกปลากระป๋องเหล่านั้น เพราะได้เห็นเมืองหลวงเมืองนี้ค่อนข้างสงบลมโชยเย็น ปนฝุ่นแขกให้มองชมอย่างสบายตา จะสบายกว่านี้มาก ถ้าสองขารวมเป็นแปดขาสัญชาติไทยไม่ล้า เมื่อยระบมขนาดนี้...ฮารี่เหมือนดูออกอีกเช่นเคย เลยพาพวกเรานั่งรถกะป๊อสามแม่ครัวแขก (อีกแล้ว) มาถึงย่านตลาดใหญ่กลางเมืองใกล้ Durbar Square (อารมณ์ประมาณตลาดกลางเมืองบ้านเรานี่แหละ แต่ใหญ่กว่า โกลาหลกว่า และมันส์กว่าเยอะ เพราะสามารถเสาะแสวงหาสินค้าทุกอย่างทุกประเภทได้ที่นี่)
**ข้อความทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียน
*ติดตามเรื่องราวทริปและงานเขียนอื่นได้ที่ https://tenlavenders.blogspot.com/
และเว็บไซต์ส่วนตัว https://tenlavenders.softr.app/