ช่วยแผ่นดินไหวเนปาล4:ต้องเดินกลับที่พัก
ร่ำลาเดฟพร้อมส่งพวกเราขึ้นรถตู้ก็เริ่มมืดแล้ว แอบเห็นความกังวลในสายตาเดฟว่าพวกเราจะกลับถึง Balaju มั๊ย เลยบอกไปว่าถึงแล้วจะรีบโทรหา...บาย ใครมีโอกาสมีเพื่อนเป็นคนเนปาลีจะรู้เลยว่า เค้าให้ความสำคัญกับเพื่อนกับมิตรภาพมาก รวมทั้งครอบครัวของเค้าด้วยทุกคนจะรู้จักและจำเราได้หมด ต้องสรรหาของฝากของที่ระลึกให้ทุกครั้งที่พบกัน เวลาผ่านไปนานแค่ไหน กี่ปี....กี่ปี...พวกเค้าก็ยังเหมือนเดิม...
แล้วเราก็เจอปัญหาในการกลับบ้านจริงๆ หลังจากลงจากรถตู้คันแรกแล้ว เราต้องต่อรถเมล์อีกคันไป Golddungka แล้วต่ออีกคันถึงจะไปถึงบ้านที่ Balaju ตอนนี้มืดแล้วเราอยู่กลางเมืองหลวง รถเมล์วิ่งวุ่นวายไปหมด หน้าฮารี่โผล่มาในหัวบ่อยขึ้นเลยตัดสินใจเต็มเงินในมือถือที่ฮารี่ให้ยืมซิมมา วินาทีต่อมาฮารี่โทรมาทันที! ...”กะลังกลับบ้านละ..” เสียงฮารี่เป็นห่วงมาก ใช้วิชามารถามคนข้างๆว่าคันไหนไป Golddungka บ้าง ขณะเดียวกันก็ต้องรักษาชีวิตในการหลบรถเมล์คันยักษ์ที่วิ่งเข้ามาจอดและบางคันที่กำลังออกตัว...สนุกอีกแล้ว..หลายคน หลายคันก็ยังไม่ใช่ เข้าไปถามกระเป๋ากับคนขับเลย...”ตกลงเค้าตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ครับ” น้องถามเพราะงงกับอาการส่ายศรีษะแบบเนปาลีที่แปลว่าใช่ แต่พี่ไทยเราจะแปลว่าไม่ เป็นแบบฝึกหัดที่พวกเราต้องลองปฏิบัติในหลายวันต่อมา
จนเราได้ขึ้นมานั่งบนรถกลับบ้านในที่สุด...พอถึงคราวที่ต้องต่อรถอีกต่อหนึ่งเพื่อไปบ้าน...ถามกี่คันก็ no no no…สลับกับภาพปลากระป๋องรถเมล์เป็นระยะ เด็กๆเริ่มไม่ตื่นเต้นกับภาพนี้เท่าไหร่ละ เพราะเห็นมาเป็นสิบคันตั้งแต่เมื่อวาน สรุปว่าเราต้องเดินกลับบ้าน! ไม่มีทางเลือก ค่อนข้างช็อคและยังไม่หายเมื่อยขาเลย....(นั่นเป็นความคิด ณ นาทีนั้น แต่หลายวันต่อมาพวกเราเดินไป-กลับลั้นลากันจนชิน...คุณสมบัติอย่างหนึ่งของมนุษย์คือการปรับตัว!) ไฟดับ ไม่มีไฟเป็นวิถีชีวิตที่พบเห็นได้ทุกวันวันละหลายครั้งที่เนปาล ระหว่างทางเดิน ที่ต้องเดินเรียบภูเขาจึงดูน่ากลัวต้องส่องไฟฉายกันตลอดทาง เหนื่อย มืด หิว แต่ไม่กลัวเพราะมีสามทหารเสืออยู่ข้างกาย เราได้เพื่อนร่วมเดินเท้าฝ่าความมืดเป็นสุภาพสตรีท่านหนึ่งกับคุณพ่อ ภาษาอังกฤษดีทีเดียวเลยสนทนากันและช่วยเอื้อเฟื้อแสงจากไฟฉายให้กันไปจนถึงบ้าน....
ฮารี่ทำอาหารเย็นรอพวกเราอย่างพร้อมสรรพ พลางแอบบ่นให้ฟังว่าเป็นห่วงพวกเรามาก กำลังเตรียมหารถออกไปรับจากในเมือง เหตุจากวิกฤตการณ์ขาดแคลนน้ำมันและแก๊สหุงต้มทำให้รถเมล์วิ่งน้อยลง คนเลยต้องยอมเป็นปลากระป๋องเพื่อจะได้สัญจรไปมาได้ เหตุไม่ดีอันไม่พึงประสงค์จึงอาจเกิดกับต่างชาติอย่างพวกเราได้...อาหารเย็นสัญชาติเนปาลปนกับกลิ่นน้ำพริกสัญชาติไทยที่พกไปหมดเกลี้ยง อิ่มอร่อย ดีใจที่เอาชีวิตกลับมาถึงบ้านได้...วงสนทนาชานระเบียงหน้าห้องครัวค่อยๆเริ่มขึ้นกับหัวข้อการวางแผนสำหรับวันรุ่งขึ้น พร้อมกับอากาศที่เย็นลงเรื่อยๆ ก่อนจะแยกย้ายกันไปอาบน้ำพักผ่อน นอนหลับ...
**ข้อความทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียน
*ติดตามเรื่องราวทริปและงานเขียนอื่นได้ที่ https://tenlavenders.blogspot.com/
และเว็บไซต์ส่วนตัว https://tenlavenders.softr.app/