หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

โลกและมนุยษ์ เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจริงหรอ ??

เนื้อหาโดย mabro

โลกและมนุยษ์ เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจริงหรอ ??

          ทุกคนเคยสงสัยว่าโลกเราเนี่ยเกิดขึ้นมาได้ยังไงอันนี้ ต้องบอกก่อนว่าถ้าตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วเนี่ยโลกเราเนี่ยเกิดขึ้นมาจากการที่ดาวสองดวงเนี่ยชนกันแล้วเกิดบิ๊กแบนด์ทําให้เกิดเป็นดวงดาวเคราะห์หนึ่งดวงขึ้นมาแล้วผ่านไปหลายล้านหลายล้านปีก็ได้มีชั้นบรรยากาศมีอะไรเข้ามาเรื่อยๆจนมีสิ่งมีชีวิตแล้วก็มีไดโนเสาร์มีการภูเขาไฟระเบิดหรืออุกกาบาตชนโลกหรืออะไรจนมาถึงยุคเราปัจจุบันนี้

          ต้องบอกก่อนว่าโลกเราเนี่ยสมัยก่อนเนี่ยมันไม่ได้เป็นสีฟ้ามีน้ํามีชั้นบรรยากาศอะไรขนาดนี้โลกแต่ก่อนเนี่ยมันจะเป็นโลกสีแดงโง่งเลยเว้ยแล้วเราก็ยังไม่รู้เลยว่ามันผ่านมากี่พันล้านปีแล้วกว่าโลกเราจะมาถึงตรงนี้ซึ่งผมบอกเลยว่าตรงเนี้ยมันน่าสนใจมากตรงที่เปอร์เซ็นต์น้อยมากที่ดวงดาวสองดวงจะชนกันแล้วยิ่งน้อยเข้าไปอีกคืออะไรครับคือมันชนกันแล้วมันเกิดเป็นดาวดวงหนึ่งที่มันมีชั้นบรรยากาศมันมีแก๊สมันมีอะไรก็แล้วแต่ที่มันสารถดํารงอยู่ได้ด้วยชีวิตอ่ะคือเปอร์เซ็นต์มันแบบมันแทบจะเป็น0.000คือน้อยมากๆเขาเลยเกิดข้อสงสัยกันว่าไอ้เปอร์เซ็นต์น้อยอย่างเงี้ยมันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือมันถูกบังคับให้เกิดขึ้นมาอันนี้ผมต้องบอกเลยว่ามันเป็นเพียงแค่ทฤษฎีที่ผมคุยกับเพื่อนเล่นเท่านั้นมีการอ้างอิงหรืออะไรรึเปล่าก็มีบ้างแต่ถามว่ามันจริงมั้ยฟังไว้เป็นเรื่องบันเทิงและฟังแล้วลองคิดตามดูเท่านั้นผมไม่ได้จะหักล้างทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์หรืออะไรแต่มันเป็นเพียงแค่ทฤษฎีขึ้นชื่อว่าทฤษคือความคิดที่เป็นข้อสงสัยแค่นั้นเองผมว่าคิดอยู่สองอย่างไว้ว่าโลกเราเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติกลับโดนบังคับให้เกิดคําว่าบังคับให้เกิดของผมคือมีสิ่งมีชีวิตที่อื่นเค้าบังคับให้เกิดโลกเราขึ้นมาและให้มันพัฒนาตัวเองไปเรื่อยเรื่อยคือต้องบอกก่อนว่าทฤษฎีเนี้ยมันเหมือนการที่เราเลี้ยงหมูเลี้ยงวัวอย่างเงี้ยเราอยากได้อะไรครับเราเลี้ยงหมูเราอยากได้เนื้อเราเลี้ยงวัวเราอยากได้นมกับเนื้อคือมันเหมือนการหาผลผลิตถูกมั้ยแล้วผมก็เลยตั้งทฤษฎีนี้ขึ้นมาว่าทฤษฎีของการเก็บเกี่ยวผลผลิตด้วยบนโลกเราเนี้ยต้องตั้งคําถามก่อนว่าอะไรที่มันมากขึ้นมากขึ้นทุกวันก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันเนาะก็คือการคาร์บอนไดออกไซด์หรือการ์ดเรือนกระจกผมกําลังคิดอยู่ว่าไอ้ที่มันมากขึ้นทุกวันทุกวันเนี้ยแล้วถ้าวันนึงมันมากจนถึงจุดสูงสุดอะมันจะเกิดอะไรขึ้นมันก็อาจจะเป็นเรือนกระจกที่ทําให้โลกเราร้อนถึง70องศาก็เป็นได้หรือถ้าวันนึงแก๊สมันเต็มเค้าอาจจะมาเก็บเกี่ยวผลิตรึเปล่าอันนี้คือความคิดของผมนะมันมีอยู่สองอย่างที่ผมหยิบขึ้นมาคือฝนเลือดผลเลือดเนี่ยสําหรับข้อมูลต่างต่างเนี่ยคือมันค่อนข้างที่จะยาวแต่ผมจะสรุปสั้นสั้นให้ฟังถ้าใครอยากจะรู้ว่าฝนเลือดจริงจริงเนี่ยข้อมูลเต็มมันเป็นยังไงก็3รถsearchได้ในกูเกิลมันมีเขียนไว้หมดแล้ว

         ผมจะสรุปสั้นสั้นให้ฟังครับฝนเลือดเนี่ยมันคือฝนที่เกิดขึ้นไม่ได้บ่อยถ้าตามหลักพระพุทธศาสนาหรือพระพุทธกาลที่เคยกล่าวไว้เค้าเรียกว่าฝนโบกะคณะคือฝนเลือดเนี่ยก็ตามชื่อเลยคือแบบเลนก็คือฝนที่มันตกมาเป็นฝนสีแดงคือปกติเราเห็นอยู่แล้วว่าอาจมีฝนสีดําฝนสีเทาฝนสีขาวหรือว่าฝนสีน้ําปกติก็คือเป็นฝนทั่วไปแหละครับแต่ฝนเลือดเนี่ยมันแตกต่างกับฝนทั่วไปตรงที่ว่ามันเป็นฝนที่มันมีเซลล์ของสิ่งมีชีวิตอยู่ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในฝนเลือดเนี่ยที่เค้าได้เอามาตรวจสอบอย่างปี2000หนึ่งเนี่ยในอินเดียได้เกิดฝนเลือดขึ้นมาแล้วก็สมัยพระพุทธกาลที่เคยมีฝนโม้คระนะพอมาตรวจสอบจริงมันมีเซลล์เป็นสิ่งมีชีวิตเว้ยแต่มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในโลกเพราะมันไม่มีดีเอ็นเอมันไม่มีดีเอ็นเอมันไม่ได้มีสเปรย์เดียวอยู่ในโลกเค้าเลยตั้งข้อสังเกตว่าผลเลือดจริงจริงอะมันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเหรอครับมันมีทฤษฎีของฝนเลือดอยู่ทฤษฎีนึงคือมันคือฝนที่เกิดจากเศษอุกกาบาตที่พุ่งชนโลกแล้วกลายเป็นฝนแล้วตกลงมาซึ่งอุกกาบาตเหล่านั้นมันก็อยู่นอกโลกถูกมั้ยแล้วพอมันตกมาที่โลกมันก็อาจจะมีสิ่งมีชีวิตนอกโลกติดมาด้วยอะไรยังไงแต่มันก็มีอีกทฤษฎีนึงครับที่นายแพทย์ท่านนึงได้กล่าวไว้เมื่อประมาณปีพัน900กว่าผมจําไม่ได้ว่านายแพทย์ชื่ออะไรเค้าบอกว่าเราลองคิดกลับกันถ้าฝนเลือดเนี่ยไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติฝนเลือดถ้าเปรียบง่ายง่ายก็เหมือนปุ๋ยถ้าเราปลูกผักเราต้องใช้ปุ๋ยเพื่อให้ผลผลิตเราเจริญเติบโตถูกมั้ยแล้วผลเลือดเนี่ยก็เคยเกิดขึ้นตอนที่โลกเรายังเป็นสีแดงหรือโลกเราที่ยังไม่มีอะไรเลยเค้าเลยตั้งข้อสงสัยกันไว้ว่าสรุปโลกเราอะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติหรือถูกบังคับให้เกิดถูกมั้ยครับเพราะฝนเลือดมันเกิดขึ้นไม่บ่อยพอเวลาผ่านมาผ่านมาเรื่อยเรื่อยก็จะมีทั้งการเจริญเติบโตของป่าไม้น้ําสัตว์น้ําหรืออะไรก็แล้วแต่เกิดขึ้นมาเรื่อยเรื่อยจนถึงตัวเราทุกวันนี้ถ้าเราลองคิดตามสิ่งที่ผมพูดว่าทุกคาร์บอนไดออกไซด์เรามากขึ้นอันนี้คิดกันเล่นเล่นนะต้องย้ําว่านี่เป็นเพียงแค่ทฤษฎีและถ้าวันนึงถึงจุดที่ว่าสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้วเค้ามาเก็บเกี่ยวจริงจริงเนี่ยโลกเราจะเกิดอะไรขึ้นอะครับคิดว่าจะมีสงครามมั้ยเหมือนหมูที่กําลังจะเข้าโรงเชื่อแต่หมูไม่ยอมแล้ววิ่งหนีจะเกิดอะไรขึ้นกับโลกเราอะครับทฤษฎีเนี้ยมันทําให้ชัดเจนมากขึ้นตรงที่ว่ามันได้มีบทความหรือข่าวหลุดออกมาจากวงในนานและว่าจริงจริงสมองของบุคคลในอดีตที่ดังดังไม่ว่าจะเป็นลีโอนาร์โดดาวินชีหรือจะเป็นไอน์สไตน์หรือนักวิทยาศาสตร์ดังดังที่เค้าเสียชีวิตไปแล้วยังถูกเก็บเซลล์สมองหรือสมองไว้อยู่เลยแล้วเค้าเก็บไว้เพื่ออะไรผมคิดว่าน่าจะเก็บไว้เพื่อการโคลนนิ่งอนาคตเราอาจจะได้เห็นไอน์สไตน์ในยุคใหม่บางคนอาจจะบอกว่าโอนิโดนาวินชี่คือใครวะคือคนที่เขียนภาพโมนาลิซาซึ่งภาพโมนิซานี้ก็มีปริศนาที่ทุกวันนี้ยังแก้ไขไม่ได้เพราะถ้าเราส่องไปในภาพจริงจริงจากเห็นเป็นรูปสัตว์เล็กสัตว์น้อยเยอะแยะมากมายซึ่งเค้างงว่าเค้าทําภาพนี้ขึ้นมาเพื่ออะไรแล้วทําได้ยังไงสัตว์เล็กสัตว์น้อยมาประนีประนอยเป็นลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่งดงามมากๆแล้วโมนาลิซานั้นถามว่ามีอยู่จริงไหมมีอยู่จริงครับโมนาลิซ่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยค้นพบจากต่างดาวมีอยู่สองที่4ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้จริงรึเปล่านะคือโมไรซาคือผู้หญิงที่รีลีโอนาโดดาวินชีเจอในหมู่บ้านกับผู้หญิงที่อยู่บนดาวอังคารอันนี้ผมก็ไม่รู้นะว่าทฤษฎีไหนจริงทฤษฎีไหนปลอมเพราะผมก็อ่านหมดแล้วซึ่งเจ้าตัวของเราเนี่ยยังเก็บไว้อยู่แล้วอย่าลืมว่าเซลล์สมองเหล่านี้คือคนที่เป็นหัวกะทิของโลกเป็นคนที่มีไอคิวระดับต้นๆของโลกมันมีนักวิทยาศาสตร์คนนึงเคยกล่าวไว้ครับว่าถ้าวันนึงมนุษย์เราเนี่ยได้ใช้เซลล์สมองกึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์มนุษย์เราจะสารถสื่อสารกันโดยไม่ต้องพูดก็ได้ครับสื่อสารกันโดยใช้กระหรือที่เราเรียกกันบ้านบ้านว่าพลังจิตนั่นแหละต้องบอกก่อนว่าทฤษฎีนี้ก็เป็นอีกหนึ่งที่ดีที่น่าสนใจเหมือนกันเพราะว่าเค้าเคยตรวจสอบว่าขนาดไอน์สไตน์ที่ไอคิวสูงขนาดนั้นเชื่อมั้ยครับว่าเค้าใช้สมองไปเพียงแค่ไม่ถึง3ถึง5%ขณะไอน์สไตน์ยังใช้สมองแค่3ถึง5%ไอ้เ...้ยแล้วพวกเราอะใช้กี่เปอร์เซ็นต์วะซึ่งตรงนี้มันได้มีกระทู้หลุดออกมาที่ผมได้ไปอ่านแล้วผมก็สยองเหมือนกันว่ามีองค์กรหนึ่งองค์กรได้ทําการรับบริจาคหรือรับซื้อมนุษย์ที่ยอมให้เป็นหนุ่มทดลองแล้วก็จ่ายเงินให้แล้วก็เร่งการใช้สมองให้ถึงขีดสุดหรือว่าการอัดไฟฟ้าเข้าไปที่หัวคือสมองเราเนี่ยต้องบอกก่อนว่าในสมองเราก็มีไฟฟ้าอยู่นะมันมีอยู่การทดลองนึงที่เค้าตัดไฟฟ้าเข้าไปที่หัวจนสมองใช้งานได้ถึงประมาณ10%น่ะเลือดออกจมูกเลือดออกหูเลือดออกตาคือมันรับไม่ไหวแล้วอะมันเหมือนกับร่างกายมนุษย์เราอะมันยังพัฒนาไม่เต็มที่อะคือสมองมันถูกอัพเกรดขึ้นแต่ในขณะที่ร่างกายเรามันยังอยู่ที่เดิมอะไม่กี่ชั่วโมงต่อเสียชีวิตหรืออาจจะเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตไปเลยหรืออาจจะเป็นคนบ้าไปเลยอะแต่เค้าบอกว่ามีการทดลองนึงได้เร่งไฟฟ้าแล้วก็ทําให้สมองเนี่ย3ารถใช้งานได้ถึง60ถึง80%มีคนคนนึงเคยทําได้ครับแต่พอขึ้นไปถึงจุดนั้นปึ๊บภายในไม่ถึง30วิเสียชีวิตเพราะว่าสมองทํางานหนักจนสมองเหลวเลยครับแต่เชื่อมั้ยว่าการทดลองเนี่ยประสบความสําเร็จหนึ่งอย่างเค้าบอกว่าให้ผู้ชายคนเนี้ยที่บริจาคร่างกายตัวเองอะให้บอกข้อความที่ได้เขียนไว้ในกระดานหรือกระดาษที่เค้าได้เขียนไว้อยู่แล้วกับคนที่ไม่รู้ว่ามีกระดาษนี้อยู่แล้วให้คนที่มาทําการทดลองได้อีกคนนึงอะที่ยืนมองเค้าอยู่อะสื่อสารกันโดยแบบโดยการมองใช้พลังจิตบอกว่าเอ๊ยชั้นเขียนข้อความชั้นเขียนตัวเลขไว้อย่างงี้นะเค้าบอกว่าการทดลองเนี่ยสําเร็จเว้ยคนคนเนี้ยได้ถูกเร่งสมองไปถึง60ถึง80%แล้วได้ส่งกระแสจิตแล้วอีกคนนึงอะเค้าได้เขียนใส่กระดาษว่าเนี่ยผู้ชายคนเนี้ยเค้าพูดประโยคนี้แล้วเปิดกระดาษก่อนที่ผู้ชายคนเนี้ยจะถูกทําการทดลองอะปรากฏว่าข้อเพราะความที่เค้าได้เขียนไปอะตรงกับผู้ชายคนนี้ที่โดนเร่งสมองไปถึง60ถึง80%นี่คือการค้นพบใหม่ครับที่ว่าถ้ามนุษย์เราถูกเร่งการใช้งานของสมองขึ้นไปอีกเราจะสามารถสื่อสารได้โดยที่ไม่ต้องพูดจะสยบนะผมว่าน่าสยองมากผมถึงบอกว่าโลกเรามันมีอะไรที่ไม่รู้อีกเยอะแยะมากมายแล้วมนุษย์ต่างดาวเค้าบอกว่าถ้ามันมีจริงอะเค้าสามารถสื่อสารกันได้โดยที่ไม่ต้องพูดอะแล้วสมองเค้าอะแล้ววิทยาการเค้าจะล้ําขนาดไหนอะทีนี้พอหลังจากที่เก็บสมองอะเค้าก็รอโคนนิ่งถูกมั้ยรอโคนนิ่งรอการที่แบบจะได้ฟื้นคืนชีพแล้วถ้าถึงวันนึงที่โลกเรามีผลผลิตที่เต็มแล้วและเค้ามาเก็บผลผลิตก็เราพูดสั้นสั้นก็คือสงครามนั่นแหละ

      ผมเลยมีทฤษฎีแล้วก็มีความคิดว่าโลกเราอะอาจจะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติที่อุกกาบาตชนกันหรืออาจจะเกิดขึ้นจากการถูกทําให้เกิดแค่นั้นเองครับนี่คือความคิดของผมนะเอาเป็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องใช้วิจารณญาณในการรับชมระดับนึงเพราะมันเป็นเพียงแค่ทฤษฎีและมันเป็นความคิดเราตั้งขึ้นมาแต่มีหลักฐานยืนยันเกี่ยวกับฝนเลือดห่างกันได้ถ้าน้องน้องหรือคนดูทั้งหลายมีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้สารถคอมเมนต์บอกผมไว้ได้เอาเป็นความคิดส่วนบุคคลเลยเรื่องนี้อาจจะดูน่ากลัวไปหน่อยแต่ต้องขอโทษด้วยมันอาจจะเป็นความจริงที่เราอาจจะยังไม่รู้เนาะหรือว่าอาจจะไม่เป็นเลยก็ได้อาจจะเป็นสิ่งที่ผมมโนขึ้นมาเองเลยก็ได้เอาเป็นว่าทันชื่นชอบอย่าลืมฝากกดไลก์กดแชร์

เนื้อหาโดย: mabro
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
mabro's profile


โพสท์โดย: mabro
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
นางเอกดังสุดเศร้า กับการสูญเสียครั้งใหญ่ โพสต์อาลัยรักสุดหัวใจตำรวจ ตามรวบจนครบ 3 โจ๋เหิมเกริม ใช้มีดฟันคู่อริ กลางสถานี BTSอีกมุมของ "ยายสา" ตำนานแม่มดแห่งสมิหลา กับความลึกลับที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย"
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"ลิลลี่ เหงียน" สวนกลับ "ปู มัณฑนา"..อย่าลืมเอาเงินมาคืนกะxsี่ผู้มีพระคุณด้วยเงินดิจิทัลเฟส 3 คนทั่วไป เงินเข้าเมื่อไหร่ ได้เงินสดไหม วิธีเช็กสถานะทางรัฐอีกมุมของ "ยายสา" ตำนานแม่มดแห่งสมิหลา กับความลึกลับที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย"หวังเซียนเฉา นักการทูตผู้ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ถัง‘ขนม ศศิกานต์’ เลิก ‘ครูเต้ย อภิวัฒน์’ ทั้งที่เพิ่งคลอดลูก คนที่ 2 จากกันด้วยดี ไม่มีมือที่ 3
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
ปริศนาในภาพเขียน Salvator Mundi โดย Leonardo da Vinciแม้รวยเท่าใดอย่างไรก้ต้องเกิดตายไม่สิ้นสุด จะหยุดได้ก็เพียงด้วยยอดแห่งบุญ"ตารางลดน้ำหนัก" ฉบับกินยังไงก็ผอม5 เทคนิคเพิ่ม Productivity ที่ช่วยให้คุณทำงานสำเร็จเร็วขึ้น
ตั้งกระทู้ใหม่