พบเรือกลไฟสมัยศตวรรษที่ 19 ใต้ทุ่งข้าวโพดพร้อมสินค้าบนเรือ
สื่อนอกรายงานว่า "ในศตวรรษที่ 19 ตำนานเล่าขานไปทั่วฟาร์ม ใกล้แคนซัสซิตี้ เกี่ยวกับเรือกลไฟลำเก่า ที่ถูกฝังอยู่ที่ไหนสักแห่งใต้ทุ่งข้าวโพด ตามเรื่องราวต่างๆ ซากเรืออับปางเต็มไปด้วยทองคำและบูร์บอง ของรัฐเคนตักกี้หลายร้อยถัง ด้วยความช่วยเหลือของแผนที่เก่าและแมกนีโตมิเตอร์ "บ็อบ ฮอว์ลีย์" และลูกชายของเขา จึงออกเดินทางเพื่อเข้าถึงตำนานท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาค้นพบในปี 1988 นั้นอยู่นอกเหนือจินตนาการของพวกเขาโดยสิ้นเชิง..."
ตำนานนี้ย้อนกลับไปในปี 1853 เมื่อมีการสร้างเรือกลไฟ "เกรทไวท์อาระเบีย" ซึ่งเป็นเรือกลไฟ ที่มีล้อด้านข้างสูงประมาณ 171 ฟุต ล่องไปตามแม่น้ำโอไฮโอและมิสซิสซิปปี้ ก่อนที่จะเปิดดำเนินการในแม่น้ำมิสซูรี เพื่อใช้ในการขนส่งผู้โดยสารและทหาร พร้อมด้วยสินค้ามากถึง 222 ตัน เช่น เครื่องมือและสินค้าสำหรับร้านค้าทั่วไป ตลอดจนไปจนถึงไปรษณีย์ นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์เก่ายังรายงานว่า "เรือดังกล่าวใช้ในการลักลอบขนปืนและปืนใหญ่ โดยเขียนข้างกล่องลังว่า "เครื่องมือช่างไม้" เป็นต้น...
เมื่อวันที่ 5 กันยายน 1856 นอกเมืองแคนซัสซิตี เรือลำดังกล่าวจมหลังเรือรั่วภายในเวลาไม่กี่นาที ผู้โดยสารและลูกเรือ จำนวน 150 คน ขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้เสียชีวิตเพียงรายเดียว เขาถูกมัดไว้กับโรงเลื่อยที่ชั้นล่าง และ สินค้ามากถึง 200 ตัน ก็จมไปพร้อมกับเรือลำนี้ ในแม่น้ำมิสซูรีด้วย...
ในฤดูใบไม้ร่วงปี 1988 เจ้าของบริษัทซ่อมเตาหลอมในท้องถิ่น "บ็อบ ฮอว์ลีย์" พร้อมลูกชาย และ เพื่อนของเขา อีก 2 คน ได้ทำการขุดทุ่งเข้าโพดลึกลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดพวกเขาก็พบเรือลำดังกล่าว มันไม่มีแม้แต่ทองคำ แต่มันมีสินค้าสุดหายากจากยุคสงคราม โดยโคลนที่ฝังกลบมัน ช่วยรักษาทุกสิ่งให้อยู่ในสภาพใหม่เอี่ยม ผลไม้แช่อิ่มในขวดโหลยังคงกินได้ และ ยาสูบที่ยังคงมีกลิ่นหอม ซึ่งสามารถใช้สูบได้ปกติ... พวกเขายังพบ ผักดองที่เก่าแก่ที่สุดในโลก พร้อมด้วยสุราที่เก่าแก่ ลูกปัด รองเท้า เครื่องมือ ซอสมะเขือเทศ เข็มหมุด แหวน และ อื่นๆ อีกมากมาย...
โดยของที่พวกเขาได้มาเกือบทุกชิ้น เขานำมันมอบให้กับพิพิธภัณฑ์ เช่น เรือ และ ผักดอง และ ของบางอย่างที่พวกเขาเก็บไว้เอง เขาก็ไม่ได้ขายต่อแต่อย่างใด...






















