รากฟันเทียมกับฟันปลอม แบบไหนดีกว่ากัน
การสูญเสียฟันเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพช่องปากอื่นๆ รากฟันเทียมและฟันปลอมเป็นวิธีทดแทนฟันที่สูญเสียไปทั้งสองวิธี แต่มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น สุขภาพช่องปาก งบประมาณ และความต้องการส่วนบุคคล
รากฟันเทียม
รากฟันเทียมเป็นวิธีทดแทนฟันที่สูญเสียไปที่ดีที่สุด ประกอบด้วยรากฟันเทียมที่ทำจากไททาเนียม ซึ่งฝังเข้าไปในกระดูกขากรรไกร และครอบฟันที่ทำจากเซรามิกหรือวัสดุอื่นๆ ครอบฟันยึดติดกับรากฟันเทียมด้วยสกรู ทำให้รากฟันเทียมสามารถทำหน้าที่เหมือนฟันธรรมชาติได้
ข้อดีของรากฟันเทียม
- ยึดติดกับกระดูกขากรรไกรอย่างแน่นหนา ใช้งานได้เหมือนฟันธรรมชาติ
- มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน หลายสิบปี
- ช่วยให้บดเคี้ยวอาหารได้ดี
- ช่วยให้กระดูกขากรรไกรแข็งแรง
ข้อเสียของรากฟันเทียม
- ใช้เวลาในการรักษานานหลายเดือน
- มีค่าใช้จ่ายสูง
- มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือปฏิกิริยาต่อวัสดุ
ฟันปลอม
ฟันปลอมเป็นวิธีทดแทนฟันที่สูญเสียไปที่มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่ารากฟันเทียม แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- ฟันปลอมแบบถอดได้ : ยึดติดกับเหงือกด้วยลวดหรือคลิป ผู้ป่วยสามารถถอดฟันปลอมออกได้เองเพื่อทำความสะอาด
- ฟันปลอมแบบติดแน่น : ยึดติดกับกระดูกขากรรไกรด้วยสกรูหรือวัสดุอื่นๆ ทำให้ฟันปลอมไม่หลุดง่าย
ข้อดีของฟันปลอม
- ใช้เวลาในการรักษาน้อยกว่ารากฟันเทียม
- มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่ารากฟันเทียม
- ดูแลรักษาได้ง่าย
ข้อเสียของฟันปลอม
- ไม่ยึดติดกับกระดูกขากรรไกร มีโอกาสเคลื่อนหรือหลุดได้
- บดเคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียดเท่ารากฟันเทียม
- อาจทำให้เหงือกร่นหรืออักเสบได้
รากฟันเทียมเป็นวิธีทดแทนฟันที่สูญเสียไปที่ดีที่สุด ใช้งานได้เหมือนฟันธรรมชาติ มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่มีค่าใช้จ่ายสูงและใช้เวลาในการรักษานาน ฟันปลอมเป็นวิธีทดแทนฟันที่สูญเสียไปที่มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่ารากฟันเทียม ใช้เวลาในการรักษาน้อยกว่า แต่ใช้งานได้ไม่เหมือนกับฟันธรรมชาติ อาจเคลื่อนหรือหลุดได้
ก่อนตัดสินใจทำรากฟันเทียมหรือฟันปลอม ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพช่องปากและความต้องการของตนเอง เพื่อให้ได้วิธีทดแทนฟันที่สูญเสียไปที่เหมาะสมที่สุด
อ้างอิงจาก:
เว็บไซต์ของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น เว็บไซต์ของสมาคมทันตแพทย์แห่งประเทศไทย และเว็บไซต์ของโรงพยาบาลต่างๆ