ผีเสื้อยักษ์ Atlas moth ที่ชื่อมีความหมายเป็น 1 ในหมู่เทพไททันตามเทพปกรณัมกรีกร่างกายใหญ่โตเหมือนยักษ์และที่ทำหน้าที่แบกโลก
ผีเสื้อยักษ์ Atlas moth ชื่อมีความหมายเป็น 1 ในหมู่เทพไททันตามเทพปกรณัมกรีกร่างกายใหญ่โตเหมือนยักษ์และที่ทำหน้าที่แบกโลก
ผีเสื้อยักษ์ Atlas moth เป็นผีเสื้อที่มีลวดลายแปลกประหลาดและแถมมีรูปร่างเป็นผีเสื้อยักษ์ ที่มีสีสันลวดลายสวยงามน่าสนใจผีเสื้อยักษ์ Atlas mothหรืออีกชื่อคือผีเสื้อหนอนใบกระท้อน
ผีเสื้อหนอนใบกระท้อน หรือ ผีเสื้อยักษ์ (อังกฤษ: Atlas moth; ชื่อวิทยาศาสตร์: Attacus atlas) เป็นผีเสื้อที่อยู่ในวงศ์ Saturniidae จัดเป็นผีเสื้อกลางคืนชนิดหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ ระยะที่เป็นตัวหนอนกินใบกระท้อน, ฝรั่ง, ขนุน และใบดาหลา ตัวเมียวางไข่บนใบพืชอาหาร
ชื่อสกุลและชื่อชนิดของผีเสื้อหนอนใบกระท้อนนี้ มาจากคำว่า Atlas ที่หมายถึงแอตลาส 1 ในหมู่เทพไททันตามเทพปกรณัมกรีก ซึ่งเป็นเทพที่มีร่างกายใหญ่โตเหมือนยักษ์และที่ทำหน้าที่แบกโลกไว้นั่นเอง
ลักษณะ
ลักษณะไข่กลมสีน้ำตาล ขนาดประมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว ระยะฟักไข่ประมาณ 7 วัน เมื่อเป็นตัวหนอนมีปุ่มหนามทั่วตัว ลอกคราบ 5 ครั้ง หนอนวัยที่ 1 ขณะฟักออกจากไข่ ตัวยาวประมาณ 1 เซนติเมตร หนอนวัยที่ 5 ขนาดตัวยาวประมาณ 6 เซนติเมตร ระยะเวลาที่เป็นตัวหนอนประมาณ 1 เดือน ก่อนเตรียมตัวเข้าดักแด้ โดยการถักรังไหมสีน้ำตาลขนาด 3x6 เซนติเมตร หนอนลอกคราบเป็นดักแด้อยู่ในรังไหม ระยะดักแด้ 1-6 เดือน และลอกออกเป็นตัวเต็มวัยประมาณช่วงเดือนกรกฎาคมไปจนถึงปลายปีและถึงต้นปีถัดไป
และเมื่อยังเป็นดักแด้อยู่นั้น จะมีขนาดใหญ่มากจนกระทั่งในไต้หวันได้มีการนำไปทำเป็นกระเป๋า
เมื่อโตเต็มวัย มีความยาวจากปลายปีกข้างหนึ่งไปถึงข้างหนึ่งได้ประมาณ 1 ฟุต ลำตัวยาว 4-5 เซนติเมตร กว้าง 1.5-2 เซนติเมตร ลำตัวและอกคลุมด้วยขนสีน้ำตาลแดง ปีกสีน้ำตาลแดงหรือสีน้ำตาลส้มมีลวดลายโดยเฉพาะบริเวณเกือบกึ่งกลางปีก มีลักษณะบางใสรูปคล้ายใบโพ ซึ่งสามารถมองเห็นทะลุได้ซึ่งไม่ทราบถึงสาเหตุถึงการมี แต่มีการสันนิษฐานว่ามีไว้สำหรับหลอกล่อสัตว์นักล่า ซึ่งอายุในการเป็นตัวเต็มวัยจะมีมี
เพียงสั้น ๆ ราว 1-2 สัปดาห์เท่านั้น เนื่องจากมีปากที่กินอาหารไม่ได้ จึงใช้พลังงานจากที่สะสมไว้เมื่อครั้งเป็นหนอน ซึ่งตัวเต็มวัยของผีเสื้อหนอนใบกระท้อนจึงทำเพียงปล่อยฟีโรโมนเพื่อการผสมพันธุ์ วางไข่ และตายลงเท่านั้น
ถิ่นที่อยู่
พบกระจายได้ทั่วไปในอินเดีย จนถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, อินโดนีเซีย และตอนใต้ของจีน โดยจะพบมากในป่ากระท้อน
ในประเทศไทย
ในประเทศไทยได้กลายเป็นข่าวฮือฮาขึ้นมาในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เมื่อมีชายคนหนึ่งพบผีเสื้อชนิดนี้มาเกาะกินใบของต้นขนุนหน้าบ้าน ด้วยลำตัวที่มีขนาดใหญ่ ชาวบ้านจึงเชื่อกันว่าเป็นผีเสื้อที่หายาก ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งในความจริงแล้วผีเสื้อชนิดนี้ไม่ได้เป็นผีเสื้อที่หายากแต่ประการใด
ดูแล้วผีเสื้อชนิดนี้สวยนะครับลวดลายปีกของผีเสื้อมันเป็นงานศิลปะที่เกิดจากธรรมชาติของผีเสื้อมีมันเป็นศิลปะที่มหัศจรรย์มากๆ
อ้างอิงจาก: species.m.wikimedia.org/wiki/Attacus_atlas,Untamed China with Nigel Marven