วัย40+กับการลดน้ำหนัก
สวัสดีค่ะเพื่อนๆที่กำลังจะลดน้ำหนักทุกๆท่าน☺️บทความนี้ผู้เขียนตั้งใจมาแชร์ประสบการณ์การลดน้ำหนักEp.1 มีชื่อว่า อุทาหรณ์ของการใช้ยาหมอเพื่อลดน้ำหนัก😅(ผู้เขียนขออนุญาติเรียกแทนตัวเองว่า "บี"นะคะ) ผู้เขียนเคยใช้ชีวิตในประเทศหนึ่งทางยุโรปเป็นเวลาหลายปีมากๆในมินิมาร์ทเล็กๆ บีใช้แรงยกในการทำงานเป็นกิจวัตรค่ะ เวลาทานอาหารอะไรก็จะจัดหนักตลอดแต่ก็ยังผอมอยู่เสมอทั้งๆที่ไม่ได้ดูแลเรื่องโภชนาการอาหารแต่อย่างไรและยังชอบทานหน๋มหวานๆจำพวกเค้กและเบเกอรี่ทุกวันเช้าเที่ยงและเย็นเสมอ น้ำหนักตัวกลับไม่ได้เพิ่มแต่อย่างใด ตัวบีน้ำหนักตอนนั้นอยู่ที่39,40 กิโลกรัมขึ้นลงอยู่ตรงนี้รอบเดือนก็จะมีเพิ่มบ้างบางเดือนแต่ก็ไม่เกิน42 กิโลกรัม เมื่อสองปีที่แล้วบีได้กลับมาอยู่เมืองไทยค่ะ นี่คือจุดเริ่มต้นของการเห่ออาหารไทยที่หาทานไม่ได้ทางยุโรปก็มีหลากหลายเช่นกล้วยทอดมันทอดต่างๆและขนมเบื้อง,ขนมไทยอื่นๆอีกมากมายบีเลยจัดเต็มที่**โดยที่บีคิดเสมอว่าตัวเองทานเท่าไหร่ก็ไม่มีทางอ้วนนั้นเอง ช่วงที่อยู่เมืองไทยนี้บีไม่ได้ทำงานหรือขยับอะไรมากมายค่ะเวลาผ่านไปแค่หกเดือนเท่านั้น บีรู้สึกว่าเริ่มอึดอัดเวลาใส่เสื้อผ้า 🤔เลยมีซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆค่อนข้างเยอะ😊(ปกติแล้วชอบใส่เสื้อผ้าหลวมๆค่ะ)ตรงเท้าและน่องจะรู้สึกตึงๆและบวมมาก(บีว่ามันคือภาวะขาดน้ำหรือบวมน้ำนั้นแหละค่ะ)แต่ก็ยังทานของมันและขนมต่างๆเช่นเคยผ่านไปอีกหนึ่งเดือนรู้สึกว่ากางเกงที่เริ่มใส่หลวมๆสบายๆทำไมมันคับหรึเป็นเพราะเครื่องซักผ้า อันนี้บีเข้าข้างตัวเองอย่างเห็นได้ชัดค่ะ😅ตอนนั้นแหละเลยตัดสินใจซื้อเครื่องชั่งน้ำหนัก 😳ขึ้นชั่งครั้งแรกคือตอนเช้าๆยังไม่ได้ดื่มน้ำเลยและคืนก่อนหน้านั้นบีก็ทานดีท๊อกที่ซื้อในเซเว่นประจำทานวันเว้นวัน วันไหนไม่ทานก็ไม่ถ่ายท้อง ปรากฏว่าจากที่เคยอยู่42 อันมา 48 🥹ตอนนั้นตกใจมากเลยพยายามลดอาหารลง มีอาการเครียดมาก ช่วงเท้าและน่องที่บวมก็บวมขึ้นมาทั้งขา สามวันถัดมาชั่งใหม่ตกใจยิ่งกว่าคือน้ำหนักอัพขึ้นมาอีกเป็น 50 ตอนนั้นเริ่มหาปัจจัยและวิธีการลดน้ำหนักที่หลากหลายมากๆค่ะ ซื้อยามาลองทานหลายยี่ห้ออาหารเสริมที่สามมารถทำให้น้ำหนักลด(ตามโฆษณา)เลยลองเปลี่ยนทุกๆอาทิตย์ก็มีลงบ้างแต่ไม่มาก มันไม่ทันใจในความรู้สึกบี😟ไปเจอโพสต์หนึ่งในเฟสเรื่องการเข้าคอร์สลดน้ำหนักของคลีนิคหนึ่งเลยลองทักเขาไปดู ปรากฏว่า ซื้อคอร์ส1เดือน เข้าคลีนิคอาทิตย์ละครั้ง ในคอร์สก็จะมี การเหลาตีไขมัน+ฉีดเร่งเผา+วิตามิน+นวดกระชับเฉพาะที่ เราโดนไป เกือบ 50,000บาท อาทิตย์แรก2กิโลกรัม 😳บีดีใจมากๆค่ะ อาทิตย์ถัดมาก็ลงที่ละ1กิโลกรัม รวมๆแล้ว ลงไปจากวันที่ไปเขาก็ให้วัดเปอร์เซ็นต์ไขมันมวลกร้ามเนื้อน้ำหนัก วันที่ไปวัดคือ 52 🥹วันออกมาน้ำหนักลงมาที่ 46 กว่าๆภายใน1เดือน ส่วนตัวแล้วบีพอใจมากๆค่ะกับการลดไวแบบนี้มันทันใจดีมากๆ ติดลมในการลดน้ำหนักไปอีกเลยไปออกกำลังกาย(วิ่งอย่างเดียว)และซื้อปากกาลดน้ำหนักที่เอามาฉีดเองที่บ้านอีก น้ำหนักบีลงไปที่ 44 กิโลกรัม ตอนนั้นรู้ว่าแค่ บีอยากจะผอมและกลับไปมีน้ำหนักเท่าเดิม ช่วงที่เข้าคอรส์และใช้ปากกาอยู่ บีงดของหวานด้วยค่ะทั้งๆที่เป็นคนชอบทานหวานและมันแต่ตัดทิ้งเลย ความรู้สึกของบีตอนนั้นคือรับสภาพตัวเองไม่ได้ เลยต้องหักดิบและยาหมอที่คลีนิคช่วยได้มาก****หลักๆที่บีรู้ตัวคือมี**คำเตือน**จากหลายปากหลายๆช่องทางเกี่ยวกับการใช้้ยาแล้วมันจะเด้งกลับมาแน่นอนถ้าไม่คุมเรื่องอาหาร ตอนนั้นบีมั่นหน้ามากๆว่า บีคุ้มอยู่แน่นอน และยังตั้งเป้าจะลดให้ลงอีกถึง 40 กิโลกรัม แต่ก็ไปไม่ถึงขั้นนั้น และเหตุการณ์ที่ทำให้น้ำหนักบีเด้งมาที่ 48เกิดขึ้นภายใน2 อาทิตย์เท่านั้น บีมีอาหารโหยของกิน😰 มันทรมานมากๆอยากทาน ไอศครีม,ขนม,หมูสามชั้น ต่างๆนาๆที่เคยทาน แต่บีก็พยายามเลือกทานวันละอย่าง แต่!!
😔ประเด็นคือระบบเผาผลาญของบีพังไปแล้วเพราะ บีใช้ยาช่วยเร่งเผาผลาญของทางคลีนิคอยู่นาน ทานก็น้อยเป็นเวลานานบางวันบีทานแค่ขนมจีน1จานเท่านั้นเอง อะไรๆทานเข้าไปถึงจะน้อยร่างกายก็ไม่เผาผลาญนั้นเอง เพราะร่างกายของบีเขาห่วงไขมันไปแล้ว แล้วการออกกำลังกายช่วงนั้นของบีมันทำให้บีเสียมวลกร้ามเนื้อมาก(สังเกตุดูที่ผิวได้ชัดมาก) ใจอยากจะกลับไปที่คลีนิคแต่เสียดายตังค์เลยหันมาเพิ่งการออกกำลังกายที่ถูกวิธีแทนบอกเลยว่าบีใช้เวลาเลือกดูมันทุกช่องทางเลยค่ะสำหรับการฝึกเล่นเวทควบคู่ไปกับการคาดิโอ +อาหาร(บอกเลยว่าคุ้มค่า)☺️ในเรื่องที่บีได้เล่าคร่าวๆมานี่มีเรื่องดีที่บีภูมิใจในตัวเองมากๆคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของนิสัยบี แต่ก่อนบีเป็นคนเกลียดการออกกำลังกายมากแต่ตอนนี้ประสบการณ์นั้นทำให้☺️
นี่เป็นภาพก่อนค่ะ
ชัดกว่านี้บีก็อายพุง🤣
นี่เป็นภาพตอนนี้ ⬇️เลิกใช้ยาแล้วหันมาฝึกเวทและดูแลเรื่องอาหารแทน
บีกลายเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายและตอนนี้ก็เริ่มศึกษาให้ลึกขึ้นด้วยค่ะและแน่นอนว่าบีต้องขอบคุณทางคลีนิคและเงินแต่ละบาทที่บีลงทุนกับเรื่องนี้ไป☺️บีไม่ได้กลับไปที่คลีนิคแล้วเพราะตอนนี้การออกกำลังกายและบันทึกอาหารแต่ละอย่างที่บีทานไว้ การนับแคลชั่งน้ำหนักอาหารและคำนวณสารอาหารเป็นกิจวัตรไปแล้วสำหรับบี☺️ บีเปลี่ยนไปมากเพราะการมองความคุ้มค่าของเงินที่บีเลือกที่จะจ่ายระหว่าง อาหาร หรือ จะไปคลีนิค ขอให้เพื่อนๆได้มีประสบการณ์ที่คุ้มค่าและคู่ควรแกการเรียนรู้รอบทิศทางและสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงค่ะ☺️ Ep.2 บีจะเล่าเรื่องเมนูต่างๆที่บีใช้ในการคุ้มน้ำหนักและการสร้างกร้ามเนื้อมาให้ได้อ่านกันขอบพระคุณท่านผู้อ่านมาถึงตรงนี้ ขอให้ความโชคดีอยู่กับคุณตลอดไปค่ะ☺️
เกือบลืมบอกไปว่าถ้าหากเพื่อนคนไหนมีคำถามอะไรพิมพ์ไว้ใต้บทความนะคะเดี๋ยวบีจะตอบให้ไวที่สูดดดดด😘