เวียดนาม17:แล้วจะคิดถึงฮอยอัน
กิจกรรมหนึ่งที่ไม่ยินดีให้มาเยือนเลยจริงๆ และแน่ใจว่าไม่ว่าใครก็คงคิดเหมือนกัน คือการนอนซมพิษไข้วันหนึ่งเต็มๆ คงเพราะความอ่อนล้าของร่างกายและไอแดดร้อนจัดของที่นี่ อาหาร น้ำดื่มที่ต่างออกไป ต้องดึงเอาความเข้มแข็งของร่างกายและจิตใจขึ้นมาสู้กับพิษไข้อย่างเต็มที่ พร้อมๆกับตั้งสติรับมือกับอาการป่วยที่แวะมาเยี่ยมเยือนอย่างไม่รู้ตัว ทั้งกินยา ดื่มน้ำเป็นแกลลอน นอนพัก เช็ดตัว สารพัดวิธีสรรหามาดูแลตัวเอง ที่สำคัญที่สุดคือเติมแรงใจ กำลังใจให้ตัวเองตลอด อดกังวัลขึ้นมาไม่ได้ หากอาการที่เป็นอยู่ไม่ใช่แค่ไข้ธรรมดาล่ะ? ...ตัวร้อน โลกทั้งโลกหมุนติ้ว...ยิ่งกังวล ไข้ก็สูงขึ้นเรื่อยๆ แล้วจะกังวลให้ไข้ขึ้นจนอาจชักไปทำไมกันเนี่ย? รีบตำหนิตัวเอง เพื่อดึงสติกลับมา พร้อมพยายามระงับความกังวล นี่ถ้าอยู่บ้านที่เมืองไทยคงเรียกญาติมิตรทั้งหลายมาช่วยดูแลหรือพาไปหาหมอแล้ว
นั่นซิ... ถ้าตัวคนเดียวอย่างนี้ เราจะพาตัวเองผ่านความเจ็บป่วยนี้ไปได้มั๊ยน้า? ตอนนี้ก็ปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอจนจับไข้ไปซะแล้ว มองในแง่ดีว่าเป็นการทดสอบตัวเองก็แล้วกัน...“ถ้าผ่านไปได้จะได้ภูมิใจไง”... ให้กำลังใจตัวเองสุดชีวิต เพื่อเป็นการสู้กับข้าศึกที่มองไม่เห็นแต่รู้สึกได้อย่างชัดเจน ซึ่งกำลังแผ่ซ่านทั่วร่างกาย วิชาสิ สมาธิ กรรมฐานต่างๆถูกระดมเอามาใช้ให้หมด พยายามพิจารณาแยกกายกับจิตออกจากกัน กายป่วย แต่ใจไม่ป่วยตามไป
เช้าวันถัดมาก็ได้ภูมิใจกับตัวเองจริงๆ ประกาศชัยชนะกับอาการไข้ได้สำเร็จ จึงออกมาสูดอากาศข้างนอก ต้องยกเลิกโปรแกรมเยี่ยมชมไมเซิน (My Son) อาณาจักรโบราณชาวจาม และชายหาดต่างๆ ที่ตั้งใจจะไปตั้งแต่แรกไป เนื่องจากสภาพร่างกายที่ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ เสียดายอยู่เหมือนกัน มาเยือนประเทศเวียดนามทางตอนใต้คราวหน้าคงต้องรวมโปรแกรมที่พลาดไปในคราวนี้ไว้ด้วยอย่างแน่นอน
เดินสูดอากาศมาเรื่อยจนถึงตลาดสดเพื่อหาผลไม้เพิ่มวิตามินซีช่วยฟื้นไข้ให้กับตัวเอง สินค้าสดทั้งพืชผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ฯลฯ หน้าตาคล้ายกับบ้านเรามาก ราคาสินค้าของที่ระลึกที่ตลาดสดถูกกว่าตามร้านค้าสองข้างถนนหลายเท่า ยิ่งหากซื้อเป็นจำนวนมาก ความเป็นไปได้ที่จะได้ลดราคาถึงครึ่งต่อครึ่งยิ่งมีมากขึ้น แต่ก็ต้องตาดีๆตรวจดูความสมบูรณ์ของสินค้าอย่างถี่ถ้วน เสื้อยืดแดงดาวเหลืองสดเตะตาสัญลักษณ์ธงชาติประเทศของที่ระลึกสุดคลาสสิคของเวียดนาม ดูเหมือนจะเป็นสินค้ายอดฮิตของนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ทุกวัย แม่ค้าหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสแข่งกันอวดสรรพคุณสินค้าของตนพร้อมคำยืนยันว่าลดราคาได้อีก บรรยากาศคึกคักของตลาดเรียกความสดชื่นไล่อาการพิษไข้จางๆของฉันได้เกือบหมด
แล้วก็ถึงวันสุดท้ายที่จะได้ลอยชายอยู่ในฮอยอัน จองตั๋วรถเมล์ตรงดิ่งไปถึงฮานอย เป็นระยะทางประมาณ 790 กิโลเมตร แต่ต้องแวะเปลี่ยนรถที่เมืองเว้ ตั๋วรถมีให้เลือกจองได้ตามบริษัททัวร์ทุกแห่งในเมืองพร้อมด้วยบริการมารับถึงโรงแรมเช่นเดิม รถออกเวลาบ่ายสองโมงและจะไปถึงเมืองฮานอยตอนรุ่งเช้าในวันถัดมา ฆ่าเวลาด้วยการแวะไปลากาแฟเย็นที่ร้านประจำริมแม่น้ำ
เจ้าของเรือพายพานักท่องเที่ยวล่องแม่น้ำเข้ามาชักชวนให้ใช้บริการของเธอเช่นเดิมตั้งแต่วันแรกที่เธอเห็นหน้าฉัน เธอไม่ลดละความพยายามดีจริงๆ ฉันก็ไม่ลดละการปฏิเสธพร้อมส่งรอยยิ้มให้เธออย่างสุภาพทุกครา วันนี้ก็เช่นกัน...เธอเข้ามาชวน...ฉันปฏิเสธ...เป็นอย่างนี้เกือบทุกวัน เพราะฉันต้องแวะมานั่งสั่งลาแสงตะวันสุดท้ายของวันพร้อมรับลมเย็นที่นี่ อีกแล้ว...เหมือนเวลาถูกหยุดไว้ที่นี่ หากถามว่าประทับใจอะไรมากที่สุดในฮอยอัน...ไม่มีคำตอบใดเลยจะดีไปว่า “ความเป็นฮอยอัน” ทุกสิ่งอย่างทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ผสมผสามกันอย่างที่หาจากที่อื่นไม่ได้ อธิบายออกมาเป็นคำพูด เขียนออกมาเป็นตัวหนังสือไม่ได้ทั้งหมด นึกหวังในใจลึกๆว่า ขอให้ที่นี่เปลี่ยนแปลงไปตามโลกที่หมุนรอบตัวอยู่ทุกวันอย่างปลอดภัยและรักษาคุณค่านี้ไว้ที่ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะท้ายสุด ทุกอย่างก็ต้องเข้าสู่กฏอนิจจังแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีสิ่งใดฝืนได้ ภายหน้า หากได้มีโอกาสได้มาเยี่ยนที่นี่อีก ไม่ว่ายามนั้น ฮอยอันจะเป็นอย่างไร ประสบการณ์ที่ได้มายืนมานั่งที่นี่ตรงนี้คือความประทับใจหน้าแรกที่งดงาม ส่วนหน้าต่อๆไปในคราวหน้า ฉันยังแน่ใจว่าที่นี่ยังคงหยุดเวลาของฉันได้เช่นกัน
หลายครั้งที่ฉันแอบสงสัยว่า วันนี้เธอไปไหนนะ แต่ไม่นานเธอก็ปรากฏตัวพร้อมคำพูดชักชวนประโยคเดิมๆ วันที่ฉันไม่ได้มาเพราะป่วย เธอบอกว่านึกว่าฉันกลับไปแล้ว กลายเป็นว่า เราเป็นเพื่อนกันอย่างไม่รู้ตัว เธอกล่าวคำอวยพรให้ฉันโชคดีตลอดการเดินทาง หลังจากที่รู้ว่าฉันกำลังจะออกไปจากเมืองฮอยอันอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า แลกกับคำสัญญาของฉันว่า มาฮอยอันคราวหน้าจะใช้บริการของเธอแน่นอน...“ไม่เป็นไร แวะมาทักทายก็ดีใจแล้ว”…เธอกล่าว พร้อมกับแววตาที่ไม่หลงเหลือความเป็นแม่ค้าอยู่เลย แต่เป็นแววตาที่ถูกแทนที่ด้วยมิตรภาพจากเพื่อนต่างแดน “ตาม เบียต” ฉันกล่าวตอบเป็นภาษาของเธอที่แปลว่า ลาก่อน
*ติดตามเรื่องราวทริปและงานเขียนอื่นได้ที่ https://tenlavenders.blogspot.com/
และเว็บไซต์ส่วนตัว https://tenlavenders.softr.app/