มนตราเพลิงพ่าย ตอนที่ 30
"เจ้านายเจ้าเนยอะไรผมไม่สนหรอก คุณมาฟังคำสั่งผมแถมยังไปทำร้ายเพตาอีก" ชลทิศกล่าวออกมาตามตรง
"ออ.....นี้คงโทรมารายงานความประพฤติฉันเลยเหรอคะ แล้วคุณก็เชื้อเค้ามากกว่าเชื้อฉัน" ฝันอดแค้นใจน้อยใจไม่ได้
"หรือว่าไม่จริง" ชลทิศตอกกลับมา
"ฉันเหนื่อยคุณชลทิศ คุณจะคิดยังไงก็แล้วแต่คุณแล้วกัน ฉันไม่มีคำแก้ตัวใดๆ อีกแล้ว" ฝันรีบขึ้นบ้านทันที ชลทิศได้แต่มองอย่างเจ็บช้ำใจ ฝันแอบร้องไห้ในห้องนี้เค้าไม่เคยเชื้อใจเธอเลยสักครั้งหรือยังไงกัน ชเยนต์แอบเห็นฝันเสียใจก็เริ่มสงสารและไม่อยากบีบบังคับฝันอีก รุ่งเช้าจึงเรียกฝันเข้าไปคุยด้วยกันสองต่อสอง ชเยนต์เริ่มกล่าวทันที
"หนูฝันหนูจะยกเลิกงานแต่งงานก็ได้นะลุงไม่ว่าอะไรหรอก"
"คุณลุงทำไมถึงพูดแบบนี้ละคะ"
"ลุงไม่อยากเห็นหนูร้องไห้เพราะตาชลอีก"
"หนูไม่ยกเลิกงานแต่งงานหรอกคะคุณลุง"
"ทำไมละหนูฝัน" ชเยนต์ถาม
"หนูรักคุณชลทิศคะคุณลุง หนูยอมแต่งงานเพราะหนูรักคุณชลทิศคะรักมานานแล้วด้วย" ฝันสารภาพกับชเยนต์
"งั้นเหรอ หนูรู้ไหมหนูเองก็ถูกเจ้าลูกชายตัวดีของลุงแอบหลงรักเหมือนกัน" ชเยนต์บอกความจริงฝันว่าอะไรเป็นอะไร
"อะไรนะคะ หนูนะเหรอคะที่คุณชลแอบหลงรัก" ฝันตกใจแล้วทำท่าจะไม่เชื้อ
"ใช่ตาชลนะสมัยเรียนมหาวิทยาลัยนะแอบชอบดาราญีปุ่นคนหนึ่งเข้า และดาราคนนั้นชื่ออะไรรู้ไหม เค้าชื่อมิยาเมะ มารูฮิโกะไง"
"งั้นก็หมายถึงหนูเหรอคะ ไม่อยากจะเชื้อ" ฝันอดยิ้มออกมาไม่ได้
"หนูอย่าเพิ่งไปบอกตาชลละว่าลุงบอกหนู เดี๋ยวตาชลจะอาละวาดเอาได้" ชเยนต์ให้ฝันสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับชลทิศ
"คะหนูจะไม่บอกใครคะ งั้นหนูขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ"
แล้วฝันก็ออกมาจากห้องของชเยนต์ ชลทิศเองก็นึกสงสัยว่าทำไมพ่อตนถึงทำท่าทางมีเรื่องปิดบังอยู่ แต่ยังไม่มีใครรู้ตอนนี้เท่านั้นเอง
วันนี้เพตามาหาชลทิศถึงบริษัทแต่ชลทิศออกมาก่อนแป็บเดียวไปหาฝันที่ บริษัททรงกลดมาชวนฝันทานข้าวกลางวันด้วยกันแล้วมอบช่อดอกไม้ให้กับฝันด้วย ฝันรับไว้แล้วไปทานข้าวกับชลทิศคราวนี้ชลทิศพาฝันมาทานข้าวมันไก่ทอดกัน แถวบริษัททรงกลดนั้นเอง ฝันอดชมว่าอาหารอร่อยไม่ได้และบอกว่าวันหลังจะทำขนมโมจิให้ทุกคนทานกัน ชลทิศบ่นว่าอยากกินสปาเก็ตตี้แฮมราดซอสมะเขื่อเทศ ฝันจึงบอกว่าไม่แน่อาจทำให้ทาน แล้วก็กินกันต่อ วิทยาเมื่อฆ่าทั้งคู่ไม่ได้ก็วางแผนแกล้งชลทิศโดยการจัดงานใหญ่จัด โชว์ชุดวิวาห์ของตนโดยให้นางแบบสวมใส่จิวเวอรรี่ของบริษัทของชลทิศกับทรงกลด งานนี้มีการจ้างนางแบบมามากมายรวมทั้งเพตาด้วย ฝันถูกทรงกลดขอร้องให้เดินแบบด้วย
"นะครับฝันผมขอร้องละเดินแบบให้ผมเถอะ" ทรงกลดอ้อน
"แต่ว่า....." ฝันลังเลใจ
"ถ้าคุณเดินแบบผมขึ้นเงินเดือนให้เท่าหนึ่งเลยสนไหมครับ" ทรงกลดใจปั้ม
"เท่าหนึ่งแนะตกลงก็ได้คะ สัญญานะคะว่าเท่าหนึ่งห้ามคืนคำเด็ดขาด"
"ครับ" ทรงกลดยิ้มหน้าบานที่ชวนฝันเดินแบบได้แต่ฝันมีข้อแม้ว่าต้องใส่แว่นด้วยไม่งั้นไม่เดินเป็นอันขาด ทรงกลดยอมตกลงตามนั้น
ทุกคนมาซ้อมเดินแบบศึ้งฝันก็มาในงานนี้ด้วยเพตาก็มาด้วย เพตาแรกมองหน้าฝันก็แกล้งแตะขาจนฝันล้มลงไป โชคดีแว่นไม่หลุดออกมาจากหน้าทำให้ทุกคนไม่รู้ว่าฝันเป็นใคร ทุกคนซ้อมเดินกันเรียบร้อยแล้ว ชุดก็เตรียมแล้วสร้อยเพชรจิวเวอรรี่ต่างๆ ก็พร้อมเช่นเดียวกัน และอีกไม่กี่วันงานจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ทางด้านชลทิศทราบว่าฝันเดินแบบด้วยก็ตั้งใจมาดูฝันเดินแบบและมอบช่อดอกไม้ให้ วิทยาตั้งใจขอเพตาแต่งงานกลางเวทีเดินแบบและเตรียมซื้อแหวนมาแล้วหนึ่งวง
ไม่นานวันงานเดินแบบก็มาถึงทุกคนเตรียมตัวพร้อมที่จะออกมาเดินแบบ ชลทิศขับรถมาให้ฝันมางานด้วยและไปรอที่ด้านหน้าเวที เตรียมมอบช่อดอกไม้ให้แก่ฝัน
เพตาเตรียมตัวใส่เสื้อชุดวิวาห์สวยงามเช่นเดียวกับฝันแบบนางแบบทุกคน ไม่นานเสียงเพลงดังเข้ามาพิธีกรกล่าวเปิดงานทันที ไฟหรี่ลงและฉายบนเวทีจุดเดียว นางแบบแต่ละคนออกมากันเรื่อยๆ เพลงก็บรรเลงไปเรื่อยฝันเดินออกมาเรียกเสียงฮือฮาให้กับทุกคน เป็นอย่างมาก ชลทิศมอบดอกไม้ให้ฝันข้างเวที ฝันรับแล้วเดินเอาเข้าไปหลังเวทีแล้วไม่ลืมยิ้มให้กับทุกคน เพตานึกเจ็บใจ คราวนี้ถึงตาเพตาบ้างเพตาเดินออกมาเฉิดฉายกลางแสงไฟดูสวยงามมาก วิทยาจ้องมองไม่วางตาแล้วเมื่อเพตาเดินมาข้างหน้าวิทยาก็ขึ้นมาบนเวที ขอเพตาแต่งงานเพตาอายหน้าแดง และไม่อยากทำวิทยาหน้าแตกจึงตกลงแต่งงานด้วย วิทยาดีใจเป็นอย่างมากสวมแหวนให้แก่เพตาแล้วจูบมืออย่างรักใคร เพตายิ้มเขินทุกคนแล้วนางแบบทุกคนก็ออกมามอบดอกไม้ให้กับวิทยา แสดงความยินดีด้วยวิทยาขอบคุณและโอบกอดเอวเพตาไว้ขู่ให้เพตายิ้ม เพตาจำใจยิ้มและคิดเจ็บใจที่โดนมัดมือชก
"คุณทำบ้าอะไรของคุณวิทยา ทำเพื่ออะไร" เพตาอาละวาดหลังเวทีเลิกงานเดินแบบ