นักวิชาการกฎหมาย ชี้ แนวโน้มที่สมรักษ์จะสู้คดีเพื่อหลุดข้อหาพรากผู้เยาว์เป็นเรื่องที่ยากมาก
""_____ admin #ขอให้ข้อคิดเตือนใจ แก่สมาชิกทุกท่านว่าถ้าเรารู้ว่า เราถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดทางอาญา #สิ่งแรกที่เราต้องทำคือการปรึกษานักกฎหมายหรือทนายความก่อน ไม่ควรพูดหรือแถลงข่าวหรือเผยแพร่หรือแสดงความเห็นใดๆทั้งสิ้น
เพราะการพูดออกไปโดยไม่มีที่ปรึกษาทางกฎหมายสิ่งที่พูดออกไป #ย่อมสุ่มเสี่ยงจะเป็นพยานหลักฐานที่กลับมามัดตนเองได้
อย่างกรณีสมรักษ์ถ้าเอาตามข่าวนี้จะเห็นว่าภายหลังเกิดเหตุ สมรักษ์ให้สัมภาษณ์นักข่าวในลักษณะว่า (ตามข่าว)
""..... #รู้อายุของผู้เสียหายในขณะที่อยู่ในโรงแรมกับผู้เสียหาย .....""
จากคำพูดของสมรักษ์ #ทำให้ได้ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ว่าสมรักษ์รู้อายุของผู้เสียหายในขณะที่อยู่ในโรงแรมกับผู้เสียหาย
แค่พูดว่า รู้อายุในขณะอยู่ในโรงแรมด้วยกัน เพียงเท่านี้สมรักก็ต่อสู้คดีได้ยากแล้ว
ประเด็นต่อไป คือ #รู้ตอนไหน
1. รู้ก่อนมีการกอดจูบลูบคลำ หรือ
2.รู้ภายหลังมีการกอดจูบลูบคลำ
ประเด็นต่อไป คือ #เมื่อสมรักษ์รู้แล้วได้มีการกระทำอะไรต่อจากนั้นหรือไม่ อาทิเช่น มีการรีบนำตัวผู้เสียหายส่งกลับไปหรือไม่ ถ้าไม่มีข้อเท็จจริงอย่างนี้ปรากฏ #สมรักษ์ก็จะลำบากมากยิ่งขึ้น เพราะมีทางให้คิดไปได้ว่า เมื่อสมรักรู้อายุของเด็กแล้วแต่กลับไม่ดำเนินการใดๆ #อันเป็นการหยุดยั้งการพราก (**การพรากยังคงมีอยู่ตลอดไปจนกว่าจะมีการหยุดพราก/ปัญหาข้อกฎหมาย)
เพราะเมื่อรู้อายุของผู้เสียหายแล้ว #แต่ยังอยู่ด้วยกันในโรงแรม ก็ยังถือว่า #ยังคงเป็นการพรากผู้เยาว์อยู่นั่นเอง
ส่วนตัวของ admin #เห็นว่าถ้าเอาเฉพาะประเด็นนี้ถือว่าสู้ยากมาก และหากผู้เสียหายอ้างว่าแม้สมรักษ์รู้อายุ แต่สมรักษ์ก็ยังคงกอดจูบลูบคลำ เมื่อนำไปประกอบกับข้อเท็จจริง ที่ว่า ภายหลังสมรักษ์รู้อายุของผู้เสียหายแล้ว #ก็ไม่ปรากฏว่าสมรักษ์ได้กระทำการอะไรต่อจากนั้นอีก แต่ยังคงอยู่ในโรงแรมด้วยกันกับผู้เสียหาย
ภาษากฎหมายเรียกว่า ""#เจือสม"" หมายถึง ข้ออ้างของผู้เสียหายเจือสม กับ ความประพฤติของสมรักษ์
ดังนั้น #ทีมทนายความของสมรักษ์จะต้องฉุกคิดในประเด็นนี้ด้วย เพราะเมื่อสมรักษ์อ้างว่ารู้แล้วในขณะที่อยู่ในโรงแรม แต่ไม่มีเหตุการณ์อะไรเลยหลังจากรู้อายุแล้ว ที่พอจะบ่งชี้ได้ ว่า #สมรักษ์ได้พยายามแก้ไข หรือ #บรรเทา หรือ #พยายามจะหยุดยั้งการพราก
ดังนั้นเหตุการณ์ในคดีของสมรักษ์จึงแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ
ช่วงที่ 1 . เหตุการณ์ตั้งแต่ร้านอาหาร ไปถึงโรงแรม
= เหตุการณ์ในช่วงนี้ สมรักษ์อาจจะอ้างเรื่องไม่รู้หรือสำคัญผิดในอายุของผู้เสียหายได้
ช่วงที่ 2. เหตุการณ์ในขณะที่อยู่ในโรงแรมด้วยกัน และสมรักษ์อ้างว่ารู้อายุของผู้เสียหายแล้วจนถึงเวลาที่ผู้เสียหายกลับออกไปจากโรงแรม
= เหตุการณ์ในช่วงนี้สมรักษ์สู้คดียาก และจะอ้างเรื่องไม่รู้ข้อเท็จจริงหรือสำคัญผิดในเรื่องอายุไม่ได้แล้ว
ฉะนั้น #ถ้าถามว่าแนวโน้มของคดีเฉพาะข้อหาพรากผู้เยาว์ จะสามารถต่อสู้คดีจนหลุดจากข้อหาได้หรือไม่ ต้องตอบตามตรงว่ายากมาก_____""
#คดีโลกคดีธรรม
อ้างอิงจาก: fb กลุ่ม คดีโลก คดีธรรม