น.ศ.ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเอี่ยวคดีฟอกเงิน-ค้ายา ยอมถ่ายคลิปรีดเงินแม่ 2.5 แสน
นักศึกษาสาวถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก สั่งจัดฉากให้ทำคลิปโดนลักพาตัว รีดเงินแม่ 250,000 บาท
ที่ จ.อุบลราชธานี สืบเนื่องจากเมื่อช่วงค่ำวันที่ 9 ธ.ค. ตำรวจ เข้าช่วยเหลือนักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัดอายุ 21 ปี หลังได้รับแจ้งจากแม่ของนักศึกษาสาวรายนี้ว่า ลูกสาวถูกคนร้ายจับตัว เรียกค่าไถ่เป็นเงิน 250,000 บาท
หลังตรวจสอบ พบว่านักศึกษาคนดังกล่าวไปเปิดแมนชั่นแห่งหนึ่ง อยู่ไม่ห่างจากห้องพักที่เช่าพักอยู่ จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ ก็พบนักศึกษาคนดังกล่าวชื่อว่า น.ส.สุ (นามสมมุติ) พักอยู่คนเดียว และมีอาการตื่นกลัว
ช่วงเช้าได้รับโทรศัพท์จากผู้อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไทย แจ้งว่า น.ส.สุ พัสดุตกค้างไว้ ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยพัสดุดังกล่าวมีความเกี่ยวพันกับขบวนการฟอกเงิน ภายในกล่องพัสดุมีพาสปอร์ตของชาวต่างชาติ 7 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 5 ใบ สมุดบัญชี 5 เล่ม และมีสมุดบัญชี 1 เล่ม ปรากฏชื่อของ น.ส.สุด้วย
จากนั้นก็พูดจาหว่านล้อม ให้เหยื่อหลงเชื่อว่าร่วมอยู่ในขบวนการฟอกเงินและค้ายาเสพติดของชาวต่างชาติ ถ้าไม่ต้องการถูกดำเนินคดีก็ให้สร้างเรื่องหลอกครอบครัว เพื่อให้โอนเงินมาระงับคดี
น.ส.สุ ไปเช่าโรงแรม ทำทีถูกลักพาตัว บังคับให้ถ่ายคลิปว่ากำลังจะถูกข่มขืน ด้วยความกลัว ถ้าไม่ทำตาม จะถูกดำเนินคดี จึงยอมทำตาม พร้อมโอนเงินที่มีอยู่ในบัญชีของตัวเองจำนวน 30,000 บาท ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก่อนที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะโทรศัพท์ไปข่มขู่แม่ของ น.ส.สุ เรียกเงินอีก 250,000 บาท โดยแม่ยอมโอนเงินให้ก่อน 30,000 บาท รวมเป็นเงิน 60,000 บาท
รู้สึกเอะใจ จึงนำเรื่องเข้าปรึษากับทางญาติที่เป็นข้าราชการ และแจ้งความกับ ส.ภ.จ.อุบลราชธานี
พบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์มาจากจังหวัดเชียงราย จึงทำการอายัดบัญชี แต่เงินได้ถูกถอนออกไปแล้ว จากนี้จะได้ออกหมายเรียกตัวเจ้าของบัญชีม้ามาสอบสวนปากคำและแจ้งข้อหาร่วมกันหลอกลวงและฉ้อโกงผู้อื่นต่อไป
ผู้ที่ได้รับโทรศัพท์จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้ตั้งสติและพิจารณาว่าข้อความที่ได้รับแจ้งนั้น ตัวเองมีโอกาสไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยจริงหรือไม่ ถ้าไม่ก็ไม่ควรคล้อยตามหลงเชื่อ