อาถรรพ์วังหน้าเรื่องจริงหรือตำนาน
"อาถรรพ์" แห่งวังหน้า" เรื่องจริงหรือตำนาน เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ "คำสาป" "อาถรรพ์" แห่งวังหน้าในยุครัตนโกสินทร์ ซึ่งมีหลายๆท่านได้สอบถามผมมาตลอดเรื่องราวของวังหน้านี้ วันนี้ผมขอเล่าเป็นเกร็ดเล็กๆน้อยๆ เพื่อให้ทุกๆท่านได้รับสาระ เเละเรื่องราวของตำนานนี้ . หลายๆท่านคงทราบอยู่เเล้วว่า "วังหน้า" นั้นคือสถานที่หรือ "พระราชวัง" ของพระมหาอุปราช หรือ ผู้ที่มีสิทธิ์ในการสืบทอดราชบัลลังค์หลังจากพระมหากษัตริย์ในรัชกาลนั้นเสด็จสวรรคต . ที่เรียกกันว่า "วังหน้า" หรือ "วังหลัง" นั้นก็มาจากสถานที่ตั้งของพระราชวังนั้น จะตั้งอยู่บริเวณหน้าพระบรมมหาราชวังหรือที่ประทับของกษัตริย์ ซึ่งพระนครในยุคของเราๆนั้นได้สร้างเลียนเเบบมาจาก พระราชวังในสมัยอยุธยา
"วังหน้า" พระองค์เเรกในสมัยรัชกาลที่ 1 ก็คือ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท (บุญมา) ซึ่งเป็นพระอนุชาในรัชกาลที่ 1 นั่นเอง สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ท่านได้ทรงโปรดให้สร้าง ตำหนัก ท้องพระโรง เเละสิ่งก่อสร้างต่างๆใหม่หมด เมื่อคราวที่ท่านทรงประชวรหนัก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จเยี่ยมพระอนุชาที่วังหน้าอยู่บ่อยครั้ง เมื่อสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท . ทรงทราบพระองค์ดีว่าจะทรงสิ้นพระชนม์ก็ทรงเรียกให้บรรดาข้าราชบริพาร บรรดาเชื้อพระวงศ์ พระโอรส ในสายวังหน้าของพระองค์มาเข้าเฝ้าเพื่อสั่งเสีย เเละได้ขอให้นำพระองค์ขึ้นพระเสลี่ยงเสด็จออก ไปทอดพระเนตรบริเวณรอบๆวังหน้า ซึ่งพระองค์ทรงโปรดให้สร้างด้วยพระองค์เอง เเละทรงบ่นว่า . ".....ของนี้กูอุตส่าห์ทำด้วยความคิด เเลเรี่ยวเเรงเป็นหนักหนา หวังว่าจะได้ชมให้สบายนานๆ ก็ครั้งจะไม่ได้อยู่เเล้ว จะได้เห็นวันนี้เป็นที่สุด ต่อไปก็เป็นของท่านผู้อื่น...." .
เเละยังมีการบอกเล่ากันอีกว่าพระองค์ทรงตรัสว่า "...ของใหญ่ของโตที่กูสร้างใครไม่ได้ช่วยเข้าทุนอุดหนุน กูสร้างด้วยกำลังเเลข้าเจ้าบ่าวนายของกู นานไปใครไม่ใช่ลูกกู ถ้ามาเป็นเจ้าของเข้าครอบครอง ขอให้ผีสางเทวดาจงบันดาลอย่าให้มีความสุข...." . เมื่อจวนเพลาที่จะสิันพระชนม์ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จเยี่ยม สมเด็จพระบวรราชเจ้าท่านได้ทูลขอให้ลูก เเละข้าเก่าได้อยู่ในวังหน้าต่อไปเเล้วก็เสด็จสิ้นพระชนม์ ความอันที่ทูลขอนั้นทราบไปถึงบรรดาโอรสของ สมเด็จพระบวรราช ก็เกิดเข้าใจไปว่าในต่อๆไปภายหน้าก็จะได้ยศเป็นเจ้าวังหน้าเสมือนพระบิดา เลยเกิดเคืองเเค้นในองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เลยทำการหาคนมีวิชามาลองกันในวังเวลากลางคืน .
ความทราบถึงพระเจ้าอยู่หัวพระองค์จึงทรงให้จับมาชำระความ เเละรัชกาลที่ 1 ก็ทรงน้อยพระทัยเมื่อทราบถึงถ้อยคำที่ออกมาจากพระอนุชาของพระองค์เอง จึงไม่คิดจะให้เชื้อสายของพระองค์ทรงไปครองวังหน้า หรือ ไปประทับ หลังจากนั้น 3 ปี เจ้าคุณเสือได้กราบทูลให้ทรงเชิญพระราชวังบวร องค์ใหม่ให้เสด็จไปประทับเพราะวังหน้านั้นร้างเเละทรุดโทรมมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสว่า . "..ไปอยู่บ้านช่องเขาทำไม เขารักเเต่ลูกเต้าของเขา เขาเเช่งเขาชักไว้เป็นหนักหนา..." . เเละรับสั่งว่าพระองค์ก็ทรงพระชรามากเเล้วก็ควรให้พระราชวังบวรองค์ใหม่ประทับในวังหลวงนี้จะได้ไม่ต้องประดักประเดิดย้ายไปย้ายมา เมื่อถึงรัชกาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระองค์ทรงคิดเห็นว่าวังหน้าร้างมานาน จึงได้เเต่งตั้งให้กรมพระราชวังบวรเสนานุรักษ์เสด็จขึ้นเป็นวังหน้า เเต่ก็มีผู้คนคัดค้านเพราะเกรงถึงคำสาปนั้น
. เเต่พระองค์ก็มิทรงเปลี่ยนพระทัย กรมพระราชวังบวรเสนานุรักษ์ทรงครองวังได้ 8 ปีก็สิ้นพระชนม์ในวังหน้าที่ประทับ ต่อมาในสมัยรัชาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นว่าผู้ที่จะได้ครองวัง . หน้าต่อไปนั้นมีศักดิ์เป็นบุตรเขยของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท จึงน่าจะพ้นจากคำสาปที่ได้มีการเเช่งไว้จึงได้ทรงให้ไปครองวังหน้าต่อ เป็น กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ พระองค์ดำรง พระยศได้ 8 ปีก็สิ้นพระชนม์ในวังหน้านั่นเอง หลังจากนั้นวังหน้าจึงร้างมาอีก 18 ปี
ในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดให้พระอนุชาเจ้าฟ้าจุฑามณี เป็นมหาอุปราชเเต่ให้ถือเป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ที่ 2 ตามเเบบสมัยสมเด็จพระนเรศวรทรงตั้งพระเอกาทศรศเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ 2 ใน . สมัยอยุธยา เเต่พระองค์ก็ทรงอยู่ในราชสมบัติได้เพียง 15 ปีก็เสด็จสวรรคต ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 พระองค์จึงทรงโปรดให้กรมกมื่นบวรวิไชยชาญ พระเจ้าลูกเธอองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า . ทรงครองวังหน้าต่อมาพระองค์ทรงครองวังหน้าได้ 17 ปีก็ทิวงคต ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์โปรดให้วังหน้าเปลี่ยนเเปลงเป็น พิพิธภัณฑสถาน ส่วนในที่ประทับเจ้านายก็ยังอยู่คงเดิม ในสมัยของพระองค์ไม่ได้ทรงเเต้งตั้งผู้ใดให้เสด็จไปประทับครองวังหน้า เเละในต่อๆมาก็ทรงเลิกวังหน้าเสีย เเละทรงสถาปนาพระอิสริยยศ "มกุฎราชกุมาร" ขึ้นเเทน
อ้างอิงจาก: ให้กาลเวลาเล่าเรื่อง, วิกิพีเดีย
https://web.facebook.com/lovesiamoldbookFanclub/posts/5515607381814606/?_rdc=1&_rdr